เมื่อเย็นวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุนางสาวอาทิยา หรือน้องพลอย อายุ 19 ปี นร.ชั้นม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ผูกคอลลาโลกในห้องนอน โดยตำรวจสอบสวนพบสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากความเครียดเนื่องจากถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ฉ้อโกงทางช่องทางออนไลน์หลอกให้ผ่อนโทรศัพท์มือถือไอโฟน13 โดยตำรวจสภ.เกาะทวด มีการสอบสวนปากคำพยาน 3 ปากที่เป็นเพื่อนสนิทของผู้ตายและน้าสาวของผู้ตายที่พักอาศัยบ้านเดียวกับผู้ตายพบว่า นส.อาทิยา ผู้ตายได้ติดต่อผ่อนซื้อโทรศัพท์ไอโฟน 13 ทางเฟซบุ๊กกับร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย  โดยถูกทางร้านดังกล่าวหลอกให้นส.อาทิยาโอนเงินดาวน์ค่าผ่อนโทรศัพท์ไอโฟน 13 ก่อน โดยให้โอนเข้าบัญชีม้า จำนวน 4 ครั้งรวมเป็นเงิน 18,500 บาท โดยพบหลักฐานเป็นแชตข้อความหลายข้อความและสลิปโอนเงินดาวน์ไปให้ร้านขายโทรศัพท์ดังกล่าวในโทรศัพท์มือถือของ น.ส.อาทิยาหลายข้อความด้วยกัน

 

ขณะเดียวกัน น้องพลอยได้ทิ้งจดหมายเอาไว้ด้วย โดยมีเนื้อหาว่า แม่ขอโทษนะหนูโง่เอง อยากผ่อนโทรศัพท์แต่ไม่ดูให้ดีกว่านี้ แม่โอนเงินคืนเพื่อนหนูด้วยนะ เพื่อนหนูให้ยืม โอนคืนเพื่อนด้วยนะ 5500 บาท และเพื่อนอีกคน 2600 บาท

ไม่น่าเชื่อเลยหนูจ่ายไปตั้ง 18500 รวมของเพื่อนสองคนนี้แล้ว ขอโทษจริงๆ รักแม่นะ

หลักฐานอยู่ในแชท ถ้าแม่อยากได้เงินคืน แม่ไม่แจ้งความนะ ขอโทษนะแม่ หนูไม่ได้คิดสั้นนะแม่ หนูคิดแล้ว

 

ต่อมาเช้าวันนี้ (17 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุและใช้เป็นสถานที่จัดงานศพของ น.ส.อาทิยาหรือน้องพลอย ซึ่งบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความโศกเศร้ามีญาติและเพื่อนบ้านมาช่วยเหลือจัดงานศพอย่างเต็มที่

 

ผู้สื่อข่าวพบกับ นางบุญเยือนหรือแป๋ว อายุ 47 ปี แม่ของนส.อาทิยาหรือน้องพลอย ได้เล่ากับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่าไม่คาดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะมาเกิดขึ้นกับลูกของตน เพราะที่ผ่านมตนเคยดูข่าวมีเด็ก น.ร.ผู้ชาย ม.6 คนหนึ่งฆ่าตัวตายเพราะเครียดที่ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกโอนเงิน แต่ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะมาเกิดขึ้นซ้ำกับลูกสาวของตน จึงอยากเตือนใจให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้เฝ้าดูแลลูกๆในเรื่องนี้ให้ดี

 

สำหรับมูลเหตุเริ่มจาก น้องพลอยหรือ น.ส.อาทิยา ลูกสาวเคยบ่นว่าอยากได้โทรศัพท์ไอโฟน 13 เพื่อเตรียมนำไปใช้เรียนในชั้นมหาวิทยาลัยต่อไปในปีหน้า แต่มีปัญหาเรื่องราคาแพงมาก ซึ่งตนก็ปลอบใจลูกสาวว่าเดี๋ยวรอให้ถึงสิ้นเดือนนี้แม่จะซื้อไอโฟน 13 ให้ แต่ไม่นึกเลยว่าลูกสาวตนแอบไปผ่อนสั่งซื้อโทรศัพท์ไอโฟน 13 ทางออนไลน์เสียก่อน โดยพบหลักฐานข้อความแชทจำนวนมากที่ติดต่อกับทางร้านขายโทรศัพท์ปลายทางและยังมีการหยิบยืมเงินจากเพื่อนสนิทเพื่อมาเป็นเงินค่าดาวน์ซื้อโทรศัพท์จนเมื่อลูกสาวรู้ว่าถูกโกงทำให้เครียดผูกคอตายดังกล่าว ซึ่งหากลูกสาวแม่มาบอกแม่ก่อนว่าไปแอบผ่อนโทรศัพท์แล้วถูกโกงก็จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้แน่นอนและตนยืนยันว่าจะไม่ตำหนิลูกสาวอย่างแน่นอนเพราะรักลูกสาวคนนี้มาก และสินเดือนนี้ตนจะซื้อโทรศัพท์ไอโฟน 13 ให้ลูกสาวอยู่แล้ว

ซึ่งเพื่อนสนิทได้บอกกับตนว่าลูกสาวตนเคยพูดเป็นลางสังหรณ์ให้เพื่อนสนิทฟังว่าหากถูกโกงซื้อไอโฟน 13 แล้วฆ่าตัวตายแม่จะเสียใจหรือไม่ ซึ่งเพื่อนสนิทได้พูดห้ามปลอบใจและแนะนำให้ไปแจ้งความกับตำรวจดีกว่า เพราะเป็นทางออกที่ดีกว่าเพราะตำรวจจะได้หาทางช่วยเหลือติดตามทวงเงินกลับคืนมาได้ แต่ไม่นึกลูกสาวจะคิดสั้นฆ่าตัวจตายเสียก่อนหากตนรู้ก่อนหน้านี้ไม่ตำหนิลูกสาวเลยเพราะเข้าใจในตัวลูกสาวอย่างดีว่าลูกสาวต้องการโทรศัพท์ไอโฟน 13 ไปใช้เรียนหนังสือในมหาลัยต่อไป ตนและญาติเศร้าเสียใจมากจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใครั้งนี้อยากให้ทางตำรวจเร่งล่าตัวติดตามคนร้ายแก๊งนี้ที่หลอกฉ้อโกงลูกสาวตนมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วและไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างไปทำกับคนอื่นอีก

 

เปิดแชตสนทนานักเรียนวัย 19 ก่อนตัดสินใจลาโลก

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวนิว (นามสมมติ) อายุ 18 ปีเป็นเพื่อนสนิทของน้องพลอย  ซึ่งก่อนน้องพลอยจะปลิดชีพตนเอง  ได้ยืมเงินนิวจำนวน 2,600 เพื่อนำไปโอนเงินซื้อโทรศัพท์มือถือกับร้านค้าออนไลน์

 

โดยนิวเปิดเผยแชตที่พลอยได้ทักมาหา โดยพลอยขอยืมเงินจำนวน 600 บาท ซึ่งนิวก็โอนเงินให้พลอย 600 บาท ต่อมาพลอยระบายความทุกข์บอก “กูทำพลาดไปสองหนแล้ว  รอบแรกไม่มีบันทึกช่วยจำ  ทางร้านเขาหมายเหตุไว้แล้ว  รอบสองพิมพ์ไม่ครบ และพลอยมีความกังวลกลัวว่าร้านจะโกงเงินจริงหรือไม่ ต่อมาพลอยส่งสลิปโอนเงินให้ดูว่าโอนไปให้ให้ร้านดังกล่าวแล้ว 5,500 บาท

 

และพลอยยังพูดคล้ายเป็นลางว่า “ถ้ากูโดนโกงเงินจริง  กูจะลาตาย ตังมึงเดี๋ยวบอกแม่คืนให้นะ  ถ้ากูไม่อยู่จริง และต่อมาพลอยก็ส่งสลิปโอนเงินให้นิวดูว่าโอนเงินไปให้ร้านค้าดังกล่าวอีก 2000 บาท และแชทหน้าสุดท้าย “ถ้าตายแม่กูจะเสียใจไหมไม่อยากให้แม่กูเสียใจ” ก่อนพลอยเงียบหายไป

 

โดยนิวเปิดเผยกับทีมข่าวว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เพื่อนตนคิดสั้น  ส่วนตัวเชื่อว่าสาเหตุที่ทำลงไปเพราะ1.เครียด ที่ถูกโกงเงินค่าโทรศัพท์แล้วไม่ได้มือถือ  อีกทั้งไม่มีเงินจะคืนเงินตน 2,600 บาท  และคืนเงินเฟิร์นอีก 5,500 บาท  เพราะก่อนเกิดเหตุพลอยได้ยืมเงินตนและเฟิร์นเพื่อจะเอาไปสมทบกับเงินตัวเองแล้วโอนให้ร้านค้าดังกล่าวเพื่อซื้อโทรศัพท์ iPhone 13  และสาเหตุที่สอง พลอยไม่อยากทำให้แม่ผิดหวัง  เพราะที่ผ่านมาเป็นเด็กเรียนดีนิสัยดีตั้งใจเรียนไม่เคยทำให้แม่เสียใจสักครั้ง  จึงทำให้ตัดสินใจดังกล่าว

 

ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุประมาณสามเดือนพลอยก็มีความเครียดเพราะเลิกกับแฟนหนุ่ม  แต่ไม่ถึงขั้นเครียดจะปลิดชีพตัวเองเพื่อลาโลก  แต่ตอนนั้นพลอยก็โทรศัพท์มาปรึกษาตนตลอดซึ่งพลอยย้ำเสมอว่าเครียดอยู่และไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ ตนก็ตกใจมากที่เพื่อนตนเครียดและตัดสินใจเร็วโดยไม่ปรึกษาแม้กระทั่งเพื่อนสนิทหรือไม่ปรึกษาแม่และญาติ

 

นายวินิจ อายุ 38 ปี  น้าชายผู้เสียชีวิต พาทีมข่าวไปดูห้องพักของน้องพลอยซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่น้องพลอยตัดสินใจผูกคอดับ  ซึ่งน้องพลอยนอนอยู่ในห้องพักนี้ตามลำพัง  ปกติจะเป็นคนจริงจังกับชีวิต  จะนั่งอ่านหนังสือและทำการบ้านที่โต๊ะอ่านหนังสือในห้องนอนลำพังจะไม่ค่อยออกไปไหน  ซึ่งเกรดเฉลี่ยของน้องพลอยแต่ละเทอมก็อยู่ที่ 3.50 เป็นคนเรียนดีและมีพฤติกรรมดีและมีวินัยไม่เคยทำให้ครอบครัวผิดหวัง

 

ซึ่งตนเป็นคนมาพบศพน้องพลอยคนแรกหลังจากที่น้องพลอยอยู่ในห้องพักนานผิดปกติ และไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา  จึงเปิดประตูห้องเข้ามาดูและพบว่าใช้เชือกเชือกไนลอนสำหรับเรียนวิชาลูกเสือเนตรนารีผูกคอตายกับขื่อห้องนอน  โดยตอนที่พบคือช่วง 16.00 น. ของวันที่ 15 ตุลาคม

 

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนสะเทือนใจมากที่หลานเสียชีวิต  ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีการเก็บข้าวของหลานออกจากห้องนอนที่เกิดเหตุ  โดยหลังจัดพิธีฌาปนกิจศพหลานเสร็จ  ตนก็จะย้ายเข้ามาอยู่ในห้องนอนของหลาน   เพราะตนก็ยังคิดถึงหลานและไม่กลัวที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าตัวจะตัดสินใจผูกคอลาโลกกระทันหัน  โดยไม่ได้ร่ำลาและไม่ได้บอกใคร

 

ซึ่งทางครอบครัวคาดว่าเงินชื่อน้องพลอยนำไปซื้อโทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนทั้งหมด 18,500 บาท  ในเงินส่วนนี้เป็นเงินของกยศ. ที่โอนเงินมาให้น้องล่าสุดเป็นจำนวนทั้งหมด 10,800 บาท  จากนั้นน้องได้ไปยืมเพื่อนสนิทสองคนเป็นจำนวนเงิน 2600 และ 5500 บาท  ในการโอนเงินมือถือทั้งหมดให้ร้านค้าจำหน่ายมือถือออนไลน์ที่โกงเงินไป

 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวช่อง8เดินทางมาตามที่อยู่ข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งระบุว่าเป็นบ้านของ น.ส.ดอกแก้ว แก้วเจิม อายุ 23 ปี  ผู้ถูกแอบอ้างใช้บัตรประชาชน

 

จากนั้นเราได้มีการพูดคุยสอบถามกับน.ส.ดอกแก้ว ยืนยันกับเราทั้งน้ำตา ว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเรื่องที่มิจฉาชีพนำชื่อของตนเองไปใช้เปิดบัญชีแล้วนำมาหลอกผู้ตายให้โอนเงินค่าโทรศัพท์มือถือ เพราะตนเองมีบัญชีธนาคารแค่ 3 บัญชี คือ ธนาคารกรุงไทย ที่ตนเองใช้ประจำ และธนาคารกสิกรตอนนี้ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะจำรหัสแอพไม่ได้ ส่วนธนาคารธกส. เป็นบัญชีของลูกชาย อายุ 4 ขวบ ที่เปิดไว้รับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ส่วนบัญชีธนาคารที่ผู้ตายโอนให้มิจฉาชีพ ตนเองไม่เคยมีและไม่เคยรู้ด้วยว่ามีธนาคารนี้

 

ส่วนบัตรประจำตัวประชาชน ยืนยัน ตนเองไม่เคยทำหาย หรือนำไปสมัครอะไรใรเน็ต รวมทั้งไม่เคยมีใครว่าจ้างให้เปิดบัญชีให้แต่อย่างใด มีแค่เมื่อวานนี้ (16 ต.ค.) ที่ตนเองนำบัตรประจำตัวประชาชนไปมัดจำไว้ที่ร้านค้าในชุมชน เพื่อแลกข้าวสารกับไข่ไก่ที่ร้านค้า โดยสิ้นเดือนจะนำเงินไปใช้คืน และตนเองก็เชื่อว่าข้อมูลบัตรของตนเองไม่ได้หลุดมาจากร้านค้าแน่นอน

 

ส่วนช่วงที่ตนเองไปทำงานที่กรุงเทพ ตนเองจะรับเงินค่าแรงเป็นเงินสดบ้างและผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย

 

น.ส.ดอกแก้ว ยังบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนเองก็เคยถูกคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์มาอ้างว่าตนเองส่งของผิดกฏหมาย และ อยู่ในเครือข่ายค้ามนุษย์  ซึ่งในตอนนั้นตนเองก็ไม่เชื่อ  ต่อมาเมื่อ 2-3 เดือนก่อน มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาอ้างว่าตนเองไปกู้เงินออนไลน์ จำนวน  10,000 บาท โดยมิจฉาชีพส่งสลิปมายืนยันว่ามิจฉาชีพได้โอนเงินมาให้ตนเอง  ตนเองจึงได้แสกนดูปรากฏว่าเป็นปลอมเลยเดินทางไปแจ้งความ  แต่ครั้งนี้ตนเองยอมรับว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อตนเองไปเปิดบัญชี จนทำให้มีคนเสียชีวิต

 

จากนั้นนางจันเที่ยง แม่ของน.ส.ดอกแก้ว ได้ขอให้ผู้สื่อข่าวช่อง 8 พาน.ส.ดอกแก้วไปแจ้งความกับตำรวจ เราจึงได้พานางจันเที่ยง และ น.ส.ดอกแก้ว ไปลงบันทึกประจำวัน ที่สภ.ห้วยยาง จ.ชัยภูมิ เพราะมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อของตนเอง จนทำให้เกิดความเสียหาย

 

ภายหลังจากน.ส.ดอกแก้ว ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันเสร็จ ได้ออกมาพูดคุยกับเราอีกครั้งว่า ตนเองเดินทางมาลงบันทึกประจำวัน ส่วนหนึ่งเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว อีกทั้งตนเองก็อยากให้ตำรวจตามจับกุมมิจฉาชีพรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้ เพราะตนเองก็อยากจะเห็นหน้าคนที่แอบอ้างชื่อตนเองจนเป็นต้นเหตุทำให้ตนเองเกิดความเสียหายและทำให้สาว อายุ 19 ปี ตัดสินใจคิดสั้น

 

ขณะเดียวกันเราได้พบกับนายทองอินทร์ แก้วเจิม อายุ 62 ปี และนางจันเที่ยง แก้วเจิม อายุ 56 ปี กำลังนั่งเล่นอยู่ที่หน้าบ้าน เมื่อทั้งสองเห็นผู้สื่อข่าวเข้าไปที่บ้านพร้อมกับผู้ใหญ่บ้าน เพื่อไปถามหา น.ส.ดอกแก้ว แก้วเจิม ทั้งคู่ถึงกับตกใจและก็งงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น พอผู้สื่อข่าวเล่าเรื่องราวให้ฟัง ทั้งคู่ก็ยิ่งตกใจ

 

โดยนายทองอินทร์ เผยว่า ตนเองมีลูกสาว 2 คน โดยน.ส.ดอกแก้ว แก้วเจิม เป็นลูกคนที่ 2 ก่อนหน้านี้ลูกสาวไปทำงานรับจ้างก่อสร้างที่กรุงเทพ ได้ค่าแรงวันละ 400 บาท โดย 2 อาทิตย์ก่อน ลูกสาวกลับมาบ้าน ก็ไปทำงานรับจ้างกรีดยางพารา

 

ส่วนกรณีที่ว่าลูกสาวไปหลอกให้น.ส.อาทิยา  อายุ 19 ปี โอนเงินค่าโทรศัพท์แล้วก็โกงค่าโทรศัพท์ ซึ่งตนเองไม่เชื่อว่าลูกสาวตนเองจะมีพฤติกรรมไปหลอกลวงคนอื่น   ซึ่งต้องไปถามกับลูกสาวของตนเองเพื่อความแน่ชัดว่าลูกมีพฤติกรรมไปหลอกลวงหรือโกงคนอื่นจนทำให้มีคนเสียชีวิตหรือไม่

 

ขณะเดียวกันหากลูกสาวทำจริงว่าไปหลอกลวงหรือโกงคนอื่น ก็ต้องให้ลูกสาวเป็นคนรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ

 

ส่วนที่ผ่านมาตนเองก็ไม่เคยเห็นลูกสาวใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย เพราะลูกสาวตนเองทำงานได้ค่าจ้างรายวัน ทุกวันนี้ตนเองยังต้องเป็นคนเอาเงินให้ลูกสาวใช้จ่ายวันละ 100 -200 บาท แม้แต่เงินค่างวดรถจักรยานยนต์ยังค้างจ่ายมา 3 งวดแล้ว ตนเองจึงไม่เชื่อว่าลูกตนเองจะไปโกงคนอื่นได้

 

ขณะที่เรื่องที่ลูกสาวจะไปรับจ้างเปิดบัญชีให้กับมิจฉาชีพ เพื่อค่าจ้างครั้งละ 500-1,000 บาท ตนเองยังไม่แน่ใจ เพราะปกติลูกสาวไม่ค่อยอยู่บ้าน จึงไม่ค่อยรู้ว่าลูกทำอะไรบ้าง

 

ขณะที่นางสาวเฟิร์น (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เป็นเพื่อนสนิทของพลอย  ก็ถูกพลอยทักมาขอยืมเงิน 5,500 บาทเช่นกัน  โดยบอกว่าตอนที่พลอยทักมายืมเงินตนตนก็ได้ถามเหตุผลที่ยืมเงิน  พลอยก็บอกเพียงว่าจะยืมเงินไปซื้อโทรศัพท์มือถือ iPhone 13  ซึ่งพลอยเห็นร้านค้าออนไลน์ร้านหนึ่งมีโปรโมชั่นลดราคาเพียงแค่ 18,500 บาทเท่านั้น

 

ตนก็เอาเงินที่ทางกยศ. โอนเงินให้ตน โอนให้พลอยก่อนจำนวน 5,500  บาท  ตามแชตที่ได้เปิดเผยให้กับทีมข่าวช่อง 8

 

ตนก็ได้สอบถามเพื่อนว่าได้ตรวจสอบแน่ชัดหรือไม่ว่าเป็นร้านค้าจริงไม่ใช่ร้านค้าปลอมเพราะในโลกออนไลน์สามารถโกงเงินกันง่าย  ถ้าไม่ตรวจสอบให้ดี จากนั้นก็ไม่คิดว่าเพื่อนตนเองจะถูกโกงเงินจริงๆแล้วไม่สามารถแก้ปัญหาได้จนต้องจบชีวิตด้วยวิธีผูกคอตาย

 

ยืนยันว่าสาเหตุที่เพื่อนของตนใช้วิธีผูกคอเพื่อจบปัญหานี้น่าจะเครียดมากกับปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะเพื่อนของตนไม่เคยทำให้แม่ของตัวเองผิดหวังและเป็นคนที่รักแม่มาก

 

หลังจากที่พลอยจบชีวิตลงตนก็ได้ช่วยกับนิวตรวจสอบร้านค้าที่โกงเงินเพื่อนต้นแล้วก็พบว่าเป็นร้านค้าที่ไม่มีหน้าร้าน  เป็นของมิจฉาชีพ  ในส่วนนี้ก็อยากให้ตำรวจตามคนร้ายให้เจอเพราะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เพื่อนของตนต้องจบชีวิตลง  มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

ซึ่งในส่วนแม่ของพลอยก็ได้มาพูดคุยกับตนและก็นิว  มีบอกกับตนทั้งสองว่าหลังเสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจศพของพลอยจะทำตามคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายของพลอยที่เขียนในจดหมายลาตายว่า  ให้แม่ใช้หนี้เพื่อนสองคนแทนพลอย  ซึ่งแม่ก็จะคืนเงินให้นิว 2600 บาทและให้เงินตนเอง 5500 บาท  ซึ่งเป็นส่วนที่พลอยได้ยืมเงินไปเพื่อโอนเงินให้ร้านค้าดังกล่าวในการซื้อโทรศัพท์ iPhone 13 ก่อนสุดท้ายถูกโกงและจบชีวิตลง