เกิดเหตุการณ์ช็อกโลกอีกหนึ่งเรื่อง เมื่อโรงพยาบาลในฉนวนกาซาโดนถล่ม คาดการณ์ว่ามีคนเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 500 ศพ และตัวเลขน่าจะมากกว่านี้ ขณะที่ทั้งสองฝั่ง ไม่ว่าจะฮามาสหรืออิสราเอลต่างออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ฝีมือของตนเอง ส่งผลให้สหประชาชาติหรือ UN และอีกหลายประเทศพร้อมใจกันประณามเหตุการณ์ครั้งนี้ หรือแม้กระทั่งโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาออกมาประณามเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่าคนเจ็บอาจจะมากกว่า 10,000 คน ทางการอิสราเอลเตรียมกองกำลังเพื่อจะเข้าสู้พื้นที่ที่มีการสู้รบแล้ว
โดยมีการระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลในครั้งนี้ ทำให้การอพยพ และการดูแลคนป่วยดำเนินการได้ยากกว่าเดิม โรงพยาบาลเต็มไปด้วยศพที่ฉีกขาดจากแรงระเบิด ผู้เสียชีวิตไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ต้องถูกหามออกมาวางไว้บริเวณพื้นหญ้า รวมถึงมีการตั้งเต็นท์เพื่อทำการชันสูตรพลิกศพ
(18 ต.ค.66) น.ส.สายชล ชาติกุญชร อายุ 38 ปี พร้อมด้วยนางเอมอร เรียงไข อายุ 59 ปี ภรรยาและแม่ ของนายจักรพันธ์ เดี่ยวไธสง อายุ 37 ปี แรงงานชาว ต.บ้านเป้า อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ พร้อมญาติพี่น้องได้จุดธูปเรียกดวงวิญญาณของนายจักรพันธ์ กลับบ้านเกิดทั้งน้ำตา หลังทราบข่าวจากทางกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ยืนยันว่าสามีได้เสียชีวิตจากเหตุสู้รบกันที่อิสราเอลรายที่ 30 ของไทยแล้ว และเป็นแรงงานชาวจังหวัดบุรีรัมย์ที่เสียชีวิตเป็นรายแรกจากเหตุการณ์สู้รบระหว่างกลุ่มฮามาสกับกองกำลังอิสราเอล ซึ่งทางครอบครัวก็ได้เรียกร้องให้ทางการช่วยนำศพนายจักรพันธ์ กลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด และขอให้ช่วยเหลือครอบครัวด้วย ลำพังเงินจะจัดงานศพยังไม่มี เพราะนายจักรพันธ์ถือเป็นเสาหลักของครอบครัว แม่ก็ไม่มีรายได้อะไร ส่วนภรรยาก็ป่วยเป็นมะเร็งทำงานหนักไม่ได้ ก็รอความหวังจากนายจักรพันธ์ ที่ไปทำงานต่างประเทศเท่านั้น
น.ส.สายชล ภรรยา ได้กอดรูปถ่ายของสามีร้องไห้ตลอดเวลา พร้อมเล่าทั้งน้ำตาว่า ทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียสามีอยู่กินกันมาเกือบ 20 ปีทั้งรักและผูกพัน ที่สามีตัดสินใจไปทำงานต่างประเทศเพราะอยากมีรายได้มาดูแลครอบครัวเพราะตัวเองก็ป่วยเป็นมะเร็งทำงานหนักไม่ได้ ลูกชายก็กำลังเรียน ส่วนย่าก็อายุมากแล้ว ช่วงที่สามีทำงานที่อิสราเอลก็ไลน์คุยกันทุกวัน กระทั่งขาดการติดต่อช่วงที่เกิดเหตุสู้รบเมื่อวันที่ 7 ต.ค.66 แต่ก็ภาวนาขอให้สามีรอดชีวิต แต่พอได้ยินข่าวร้ายว่าสามีเสียชีวิตแล้วมันทำใจไม่ได้ ไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อยังไง ไหนจะภาระหนี้สินอีกหลายแสนบาท แต่ก็บอกกับรูปถ่ายสามีว่าจะเข้มแข็งจะพยายามหางานทำเพื่อดูแลลูกชาย และย่า ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ก็อยากให้ทางการช่วยเหลือนำศพสามีกลับบ้านเกิด เพื่อมาประกอบพิธีทางศาสนา แต่หากไม่สามารถนำศพกลับมาได้ ก็ขอแค่เถ้ากระดูกมาทำบุญก็ยังดี และอยากให้ช่วยเหลือเยียวยาด้วย
นางเอมอร เรียงไข ผู้เป็นแม่ บอกว่า หลังจากได้รับการยืนยันจากทางการว่านายจักรพันธ์ ลูกชายเป็นแรงงานที่เสียชีวิตจากเหตุสู้รบที่อิสราเอลเป็นรายล่าสุด ครอบครัวต่างก็ช็อกและทำใจไม่ได้ ก็พากันกอดกันร้องไห้ เพราะก่อนหน้านี้แม่กับภรรยา ก็ได้วีดีโอคอลคุยกับนายจักรพันธ์ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุขึ้นวันแรก แต่ระหว่างคุยวีดีโอคอลกับลูกชาย ก็บอกกับแม่และภรรยาว่าแค่นี้ก่อนนะ ทหารมา แล้วสายก็ตัดไป ที่ผ่านมาครอบครัวพยายามไลน์ และเฟสติดต่อหาลูกชายตลอด แต่ก็ติดต่อไม่ได้ตอนแรกคิดว่าอาจจะแค่ถูกจับเป็นตัวประกัน หรืออาจจะปิดมือถือเพื่อหลบซ่อนตัว จึงภาวนาขอให้ปลอดภัยมาตลอด และที่ผ่านมาแม่ก็ไปดูหมอตามความเชื่อหลายที่ ส่วนใหญ่ก็บอกว่าลูกชายยังมีชีวิต ทำให้ยังมีความหวังแต่พอวันนี้ได้ทราบข่าวร้ายก็ทำใจไม่ได้