จากกรณีนางน้อย (นามสมมุติ) อายุ 49 ปี และนายสมโชค (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี พ่อและแม่ของเด็กหญิงผู้เสียหาย เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ หลังลูกสาววัย 15 ปี ถูก 2 คนร้าย คนหนึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานพ่อในหมู่บ้านชื่อ นายอ๊อฟ อายุ 38 ปี เพิ่งออกจากคุกในคดีข่มขืนได้ไม่นาน ส่วนอีกคนไม่ทราบว่าเป็นใครเพราะสวมหมวกไอ้โม่งตลอดเวลา ได้ร่วมกันล่อลวงลูกสาวไปข่มขืน



โดยนางน้อย ปิดเผยกับทีมข่าวว่า ปกติตัวเองมาทำงานกับสามีอยู่ที่สมุทรปราการ ส่วนลูกสาวอยู่กับย่าที่กาญจนบุรี หลังเกิดเหตุ ลูกสาวเล่าให้ฟังว่า คืนวันที่ 30 กันยายน มีงานแข่งวัวลานใกล้บ้านได้ขออนุญาตย่าแล้ว แต่ย่าไม่ให้ไปจึงได้แอบนัดนายอ๊อฟ คนในหมู่บ้านที่รู้จักกันในกลุ่มเพื่อนขี่รถจักรยานยนต์มารับตอน 21.30 น. เพื่อไปเจอเพื่อนชายอีกคนที่นัดไว้ จากนั้นนายอ๊อฟได้โชว์ปืน 1 กระบอกให้ดู และอ้างว่าจะมีคนเอาสร้อยมาจำนำต้องไปเอาก่อน และนายอ๊อฟก็พาขี่รถไปบริเวณที่เปลี่ยวทางไปทุ่งนาใกล้คลองชลประทาน พร้อมกับเปิดไฟกระพริบสลับกับไฟสูง เหมือนส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ก่อนทำทีเห็นกระเป๋าสตางค์ตกอยู่บนถนนให้ลูกสาวลงจากรถไปเก็บ



จังหวะนั้นจู่ ๆ ก็มีชายสวมหมวกไอ้โม่งกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่เอาปืนมาจี้หัวลูกสาวพร้อมข่มขู่ห้ามส่งเสียงร้องมิฉะนั้นจะฆ่าให้ตาย ส่วนนายอ๊อฟก็ไม่ได้ช่วยอะไรแถมยังขี่รถให้ลูกนั่งตรงกลางและชายสวมไอ้โม่งก็นั่งซ้อนสามกันไป ลูกสาวกลัวมากคิดว่าตัวเองจะไม่รอดชีวิตและไม่ได้กลับมาหาพ่อแม่แล้วจึงได้ยกมือไหว้ชายสวมไอ้โม่ง และขอร้องให้นายอ๊อฟช่วย แต่นายอ๊อฟกลับพาไปที่ห้างนาก่อนจะร่วมกับชายสวมไอ้โม่งสลับกันข่มขืนลูกสาวและถ่ายคลิปขณะก่อเหตุไว้ด้วย



โดยชายสวมหมวกไอ้โม่งอ้างว่าเป็นตำรวจ ใช้ปืนจ่อหัวลูกสาวก่อนพาไปในห้างนาบริเวณทุ่งนาที่เปลี่ยวมืดผลัดกันข่มขืน จากนั้นได้พามาส่งบ้านและขู่จะยิงทิ้งถ้าเอาเรื่องไปบอกใคร หลังทราบเรื่องแม่รีบเดินทางไป จ.กาญจนบุรี พาลูกเข้าแจ้งความในวันที่ 6 ตุลาคม ทันที โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัวลูกสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล

ย่าของเด็กหญิงวัย 15 ขอให้ประหารชีวิตคนก่อเหตุทั้ง 2 คน

นางดวงใจ อายุ 70 ปี ย่าของเด็กหญิงผู้เสียหาย บอกว่า หลานสาวมาขอไปเที่ยวงานแข่งวัวลานใกล้บ้าน แต่ย่าไม่ให้ไป แล้วเอากุญแจรถจักรยานไปซ่อนไว้ จนหลานแอบไปกับนายอ๊อฟ คนก่อเหตุ ซึ่งย่าก็รู้จักดีเพราะว่าเป็นคนในชุมชนเดียวกัน

ในตอนนั้นพอวันรุ่งขึ้นก็รู้ว่าหลานน่าจะแอบไปเที่ยวมาแต่ก็ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์ แต่มาจับพิรุธหลานสาวได้ว่า หลังคืนเกิดเหตุหลานสาวกลับมาบ้านก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เครียดมากเพราะรู้สึกผิดที่หนีออกไปตอนกลางคืนจนเกิดเรื่องเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้ง จนมีอาการซึมเศร้าไม่รู้จะทำอย่างไร ผ่านไป 5 วัน เพื่อน ๆ ของหลานสาวที่รู้เรื่องได้พากันมาบอกย่า หลานสางจึงยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ย่าฟังก่อนจะมาบอกแม่ให้พาเข้าแจ้งความ ตอนนี้หลาวสาวสภาพจิตใจย่ำแย่มากเพราะกลัวว่าคลิปจะถูกเผยแพร่ ย่าต้องการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และขอให้ประหานชีวิตคนก่อเหตุทั้ง 2 คน



เผยภาพวงจรปิด 2 มุม วันเกิดเหตุ

นักข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณสี่แยกบ้านทุ่งสมอ จ.กาญจนบุรี วันที่ 30 กันยายน ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ กล้องวงจรปิดมุมแรก เวลา 21.54 น. จะเห็นนายอ๊อฟขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าไปทางบ้านของเด็กหญิงผู้เสียหาย ซึ่งภาพมุมนี้จะเห็นนายอ๊อฟขี่รถไปคนเดียว

ต่อมาเวลา 21.57 น. เห็นรถจักรยานยนต์ของนายอ๊อฟ ขับย้อนกลับมาทางเดิม คราวนี้มีเด็กหญิงผู้เสียหายนั่งซ้อนท้ายมาด้วย และขับผ่านหน้ากล้องวงจรปิดตัวนี้ไป เวลานี้เองคาดว่านายอ๊อฟจะพาเด็กหญิงไปเที่ยวงาน ก่อนที่จะขับต่อไปลงมือก่อเหตุในเวลาต่อมา



ปู่ของอ๊อฟ ยอมรับ หลานเคยมีประวัติไปกระทำชำเรา แต่คิดว่าหลานไม่น่าจะไปก่อเหตุซ้ำอีก

ด้าน นายสุนทร ปู่ของนายอ๊อฟ ยอมรับว่า หลานชายเคยมีประวัติไปกระทำชำเราเด็กหญิงจริง และเพิ่งพ้นคดีออกมาได้ไม่นาน โดยปกติหลานดูจะเป็นคนดี ไม่มั่วสุมยาเสพติดและไม่ดื่มสุรา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปู่ก็ได้ยินจากชาวบ้านที่เล่าต่อกันมาอีกที ไม่ได้รู้เรื่องอะไรหรอก แต่โดยส่วนตัวคิดว่าหลานไม่น่าจะไปก่อเหตุซ้ำอีก เมื่อถามว่า “แล้วตอนนี้นายอ๊อฟอยู่ไหนล่ะคุณปู่” ปู่ของนายอ๊อฟให้คำตอบว่า นายอ๊อฟออกจากบ้านไปประมาณ 1 เดือนแล้วไม่มีใครสามารถติดต่อเขาได้เลย

พ่อเด็ก สงสัยไอ้โหม่ง คือเพื่อนเคยต้องโทษข่มขืนเด็กอีกคน

ด้านนายสมโชค พ่อของผู้เสียหาย เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตัวเองรู้จักกับนายอ๊อฟผู้ก่อเหตุมาประมาณ 10 ปีแล้ว เมื่อก่อนเคยทำก่อสร้างอยู่ด้วยกันแต่ภายหลังก็ไม่ได้สุงสิงหรือติดต่อกัน จนมาเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว ทราบว่านายอ๊อฟออกจากคุกในคดีเกี่ยวข่มขืนผู้เยาว์เหมือนกัน ตอนนั้นนายอ๊อฟแอดเฟซบุ๊กมาพร้อมกับส่งแชตมาทักทายตน บอกว่า "พี่สมโชคอ๊อฟยังไม่ตายนะ" พอตนถามว่าใคร นายอ๊อฟก็บอกว่าไม่มีอะไรแค่ทักทายเฉย ๆ



ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่นายอ๊อฟพยายามมแอดเฟซบุ๊กหาลูกสาวและตีสนิท ก่อนที่จะล่อลวงมาก่อเหตุข่มขืน เท่าที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับลูกสาว นายอ๊อฟพยายามอ้างว่าตัวเองเป็นเพื่อนของพ่อ ลูกสาวจึงยอมคุยด้วย ซึ่งการกระทำดังกล่าวตนขอประณามนายอ๊อฟที่ก่อเหตุกับลูกสาวของตน ซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกันกับลูกชายของนายอ๊อฟ

ส่วนไอ้โม่งอีกคนหนึ่งนั้นนายสมโชคบอกว่าส่วนตัวเชื่อว่าอาจจะเป็นเพื่อนของนายอ๊อฟที่เคยไปก่อเหตุลักษณะแบบนี้ร่วมกันมาก่อนแล้วแต่อยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อดำเนินการจับกุมตัวชายคนที่สวมโม่ง

นายสมโชคยังบอกอีกด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุญาติและครอบครัวของนายอ๊อฟพยามติดต่อทางโทรศัพท์มาเพื่อขอไกล่เกลี่ยโดยจะยอมรับรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด แต่นายสมโชคไม่ยอมไม่ยอมขอให้ดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดขาด ระหว่างนั้นในอ๊อฟยังได้พูดคุยกับนายสมโชคโดยอ้างว่าที่ต้องทำไปแบบนั้นเพราะถูกชายคนที่สวมโมกข่มขู่มาอีกทีนึงและอ้างว่าไม่รู้จักชายคนดังกล่าวด้วย ซึ่งนายสมโชคได้อัดคลิปเสียงเอาไว้เป็นหลักฐาน



จำลองเหตุการณ์ - ตำรวจ เผยความคืบหน้าทางคดี

ล่าสุดทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุในช่วงเวลากลางคืนแม้ว่าจะเป็นช่วงหัวค่ำ พบว่าจุดดังกล่าวค่อนข้างเงียบไม่ค่อยมีรถผ่านสัญจรไปมา ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่บนบริเวณจุดนั้น ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่นายอ๊อฟออกอุบายว่ามีกระเป๋าเงินหล่นอยู่ให้เด็กหญิงผู้เสียหายลงไปเก็บและมีคนสวมใส่ไอ้โม่งซุ่มอยู่บริเวณจุดนั้น ก่อนที่จะเข้ามาใช้ปืนขู่ให้เด็กหญิงผู้เสียหายยอมเดินตามไปข้างในเพื่อข่มขืน

ส่วนความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.อำนาจ เอี่ยมใจดี ผกก.สภ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับ นายอ๊อฟแล้ว ในข้อหาร่วมกันรุมโทรมโดยใช้อาวุธปืน เบื้องต้นญาติของนายอ๊อฟได้ติดต่อกับตำรวจมาว่าจะพานายอ๊อฟเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจวันพรุ่งนี้

ขณะที่คนร้ายอีกรายที่สวมหมวกไอ้โม่ง เจ้าหน้าตำรวจก็รู้ตัวแล้วอยู่ระหว่างการรอขยายผล ซึ่งจะต้องมีการเชิญตัวนายอ๊อฟมาสอบปากคำก่อน เพื่อหาความเชื่อมโยงถึงคนร้ายอีกคน