จากกรณีเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 เกิดอุบัติเหตุรถกระบะอีซุซุ สีขาว แบบตอนครึ่ง พลิกคว่ำจมในคูน้ำข้างถนน น้ำท่วมมิดเกือบทั้งคัน เกิดขึ้นในพื้นที่ สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ตรวจสอบภายในพบผู้บาดเจ็บหมดสติอยู่ 4 ราย เจ้าหน้าที่เร่งใช้เครื่องตัดถ่างช่วยเหลือนำตัวออกมา และพยายามทำ CPR แต่ไม่ฟื้น จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลกาญจนดิษฐ์ เมื่อถึงโรงพยาบาลแพทย์เวรแจ้งว่าทั้งหมดเสียชีวิตมาก่อนแล้ว เนื่องจากจมน้ำขาดอากาศหายใจหลังเกิดเหตุ เบื้องต้นทราบว่า ทั้งหมดเป็นญาติกัน คนขับเป็นชายอายุ 51 ปี เป็นพ่อ ส่วนอีก 3 รายเป็นลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานสาว ดังนี้
1. นายไพสิทธิ์ อายุ 51 ปี
2. นายประกิต (ไม่ทราบอายุ)
3. น.ส.ศิริรัตน์ อายุ 29 ปี
4. ด.ญ.ธัญญารัตน์ อายุ 13 ปี
ก่อนเกิดเหตุทั้งหมดกำลังเดินทางไปทำธุระที่ อ.ดอนสัก ขณะมาถึงที่เกิดเหตุมีฝนตกลงมาอย่างหนัก คาดว่ารถเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทางซึ่งมีน้ำท่วมขัง จนทำให้ทั้งหมดจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว ผลชันสูตรศพออกมา พบว่าผู้เสียชีวิตจมน้ำขาดอากาศหายใจ ทางญาติไม่ได้ติดใจในสาเหตุการตาย เตรียมทำพิธีทางศาสนาต่อไป
ญาติติดต่อรับศพ พร้อมเผยเพิ่งเสร็จงานศพแม่ ลูกมาเกิดอุบัติเหตุตายตามต่อ
วันนี้ (19 ตุลาคม 2566) นางรัชนี อายุ 55 ปี ป้าของ น.ส.ศิริรัตน์ หนึ่งในผู้ตาย ได้เข้าติดต่อขอรับศพ หลังจากทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้มีการเปิดผ้าห่อศพให้ทางญาติดู เพื่อเช็กอีกครั้งว่าถูกต้องหรือไม่ พอทางนางรัชนีเห็นสภาพร่างของหลานตัวเองก็ร้องไห้เข่าทรุด ด้วยความเสียใจและสงสารหลานตัวเอง
โดยนางรัชนี ซึ่งเป็นป้าของ น.ส.ศิริรัตน์ และ ด.ญ.ธัญญารัตน์ เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า หลานตนทั้งสองน่าสงสารมาก เพราะแม่เขาเพิ่งตายเผาไปเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา ลูกทั้งสองคนก็มาเกิดอุบัติเหตุตายตามไปอีก โดยก่อนเกิดอุบัติเหตุน.ส.ศิริรัตน์ เพิ่งโทร. หาตนว่าจะให้พาไปประกันสังคม เพื่อทำเรื่องขอค่าประกันของแม่ที่ตายให้กับ ด.ญ.ธัญญารัตน์ น้องสาว เพื่อเอาไว้ให้น้องใช้เรียน แต่ตนไม่อยากลางานเพิ่มจึงได้บอกให้เขาเดินทางไปเองเลย
จากนั้นประมาณ 20 นาที ตนก็ได้โทร. ไปหาเขาอีกครั้ง แต่เขาไม่รับสาย จนมีคนโทร. มาหาตนว่ารถหลานตนประสบอุบัติเหตุหรือไม่ ตนเลยเข้าไปดูที่กู้ภัยไลฟ์สด ก็พบว่าเป็นรถหลานตนจริง ๆ ซึ่งในรถมีพ่อสามีของหลาน สามีของหลาน และตัวหลานตนอีก 2 คน รวมเป็น 4 คน ตนจึงรีบเดินทางไปโรงพยาบาล พอไปถึงก็พบว่าทั้ง 4 คนเสียชีวิตแล้ว
โดยวันนี้ตนเองจึงเดินทางมารับร่างของ น.ส.ศิริรัตน์ ไปบำเพ็ญกุศล หลังจากที่เมื่อวานได้รับร่างของ ด.ญ.ธัญญารัตน์ ไปแล้ว ส่วนศพอีก 2 ราย ซึ่งเป็นพ่อสามีของหลาน และสามีของหลาน ทางญาติฝ่ายเขาจะมาติดต่อรับไปบำเพ็ญกุศลเอง
พ่อผู้ตายเปิดใจขอให้ลูกไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ พ่อจะใช้ชีวิตอยู่ต่อให้ได้ แม้วันนี้ไม่เหลือใคร
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังสถานที่จัดงานศพของ น.ส.ศิริรัตน์ และ ด.ญ.ธัญญารัตน์ สองพี่น้อง หลังเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำจมน้ำดับทั้งคัน โดยวันนี้จะเป็นวันสวดอภิธรรมเป็นวันแรก ญาติ ๆ ที่มาต่างก็อยู่ในความโศกเศร้าและสงสารน้องทั้งสองเพราะเหมือนตายยกบ้าน โดยคุณป้าของน้องทั้งสองก็ร้องไห้ และเพ้อถึงน้องตลอดเวลา ว่าเหมือนตอนนี้ตายกันหมดแล้วไม่เหลือใครอยู่กับตนแล้ว
ด้านนายทรง อายุ 52 ปี พ่อแท้ ๆ ของ ด.ญ.ธัญญารัตน์ และเป็นพ่อเลี้ยงของ น.ส.ศิริรัตน์ ได้เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตนเองก็ยังรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะมันเร็วเกินไป ในระยะไม่นานตนเองต้องเสียทั้งเมียและลูกติดต่อกัน โดยเมียตนเองก็เพิ่งป่วยตายเผาไปเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา ลูกสาวแท้ ๆ และลูกเลี้ยงก็มาตายตามต่ออีก
ตอนลูกตนมีชีวิตอยู่ เป็นเด็กที่น่ารัก และเรียนเก่งมาก ๆ ไม่เคยเกเรเลย รวมถึงลูกเลี้ยงตนก็ด้วย วันที่เกิดเรื่องลูกตนอยู่ที่บ้าน และบอกตนว่า น.ส.ศิริรัตน์ พี่สาวจะมารับไปเที่ยวบ้านดอน ตนก็เลยออกไปทำงานข้างนอก จนมาทราบว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้น ตนเองก็ไม่ได้ติดใจในสาเหตุการตายของลูก เพราะเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ และทุกคนที่อยู่ในรถก็เสียชีวิตกันหมด
ต่อจากนี้ตนก็ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ ถึงมันจะยากกับการที่สูญเสียทุกคนในชีวิตไป สุดท้ายตนก็อยากจะบอกภรรยา และลูกสาวทั้งสองคนที่เสียไปว่าให้ไปเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์ ไม่ต้องเป็นห่วงตนเอง ตนจะอยู่ให้ได้