สาวบัญชีม้า 18ปี ร่ำไห้อ้างไม่รู้ถูกหลอกให้เปิดบัญชี จนมีหมายเรียก ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ฯ เผยกลุ้มใจหนักกลัวถูกจับ เหมือนคดีดอกแก้ว
จากกรณีที่สาว 18 ปีร่ำไห้อุ้มลูกน้อยวัย7เดือนพร้อมญาติมาร้องเรียนสื่อ หลังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ หลอกให้เปิดบัญชีทางออนไลน์ จนมีหมายเรียก จำนวน 3 ฉบับ จาก 3 จังหวัด คือ สมุทรปราการ เชียงใหม่ และ สงขลา
ต่อมาผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่บ้านน.ส.รัตน์ตนาภรณ์ อายุ 18ปี อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ พบว่า น.ส.รัตน์ตนาภรณ์ กำลังนั่งไกวเปลกล่อมลูกนอน
จากนั้นน.ส.รัตน์ตนาภรณ์ ได้นำเอกสารหมายศาล จำนวน 3 ฉบับ จากสภ.หาดใหญ่ สภ.ช้างเผือกและ สภ.บางแก้ว มาให้เราดู หลังจากที่ถูกออกหมายเรียกให้ไปรายงานตัว ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ฯ
น.ส.รัตน์ตนาภรณ์ เปิดใจกับเราทั้งน้ำตาว่า ในระหว่างที่กำลังรอคลอดลูกคนที่สอง ตนเองต้องการอยากหารายได้เสริมเพื่อมาจุนเจือครอบครัวจึงได้กดเข้าไปหางานตามกลุ่มต่างๆใน Facebook จนกระทั่งวันที่ 24 เมษายน 66 ไปเจอ Facebook ที่ชื่อว่า Rainbow Pearls ได้มีการโพสต์ stories ผ่านทาง Facebook โฆษณาเชิญชวนให้ทำงานออนไลน์ แลกกับเงิน 400 บาท ตนเองจึงได้ตัดสินใจทักข้อความไปที่ Facebook ดังกล่าว จากนั้นเจ้าของ Facebook หรือมิจฉาชีพดังกล่าวได้ทักมาถามอายุของตนเอง ซึ่งในตอนนั้นตนเองอายุยังไม่ถึง 18 ปี แต่ทางเจ้าของ Facebook กลับไม่สนใจและได้ส่งลิงค์แอพพลิเคชั่นแอปพลิเคชันหนึ่งมาให้ โดยในตอนนั้นตนเองไม่รู้เลยว่า คือ แอพธนาคาร CIMB ตนเองคิดเพียงแค่ว่าเป็นงานออนไลน์ที่ทำเสร็จก็รับเงิน
ต่อมามิจฉาชีพได้สั่งให้ตนเองเข้าไปกรอกข้อมูลในแอปดังกล่าวพร้อมกับถ่ายรูปบัตรประชาชน ส่งไปให้ หลังจากที่ตนเองกรอกข้อมูลเสร็จทางมิจฉาชีพได้ส่งเบอร์โทรศัพท์ของมิจฉาชีพมาให้ เพื่อนำไปกรอกใส่ข้อมูล ก่อนจะรหัส 6 หลักมาให้ตนเอง หลังจากใส่รหัสเสร็จทางมิจฉาชีพให้ตนเองออกจากระบบและลบแอพออกจากมือถือโดยอ้างว่าจะให้ค่าจ้างเป็นเงิน 400 บาท หลังจากที่ตนเองทำตามขั้นตอนจนแล้วเสร็จสุดท้ายติดต่อ Facebook ดังกล่าวไม่ได้ซึ่งมาทราบทีหลังว่าถูกบล็อกไป ตนเองก็ไม่ได้สนใจอีกเลย
ผ่านมา 6 เดือน อยู่ๆมีหมายศาลมาส่งที่บ้านเรียกให้ตนเองไปรายงานตัวในข้อหาฉ้อโกง โดยหมายแรก ส่งมาจากสภ.หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 66 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงเป็นคนอื่น โดยมีผู้เสียหายถูกหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร CIMB ชื่อบัญชี น.ส.รัตน์ตนาภรณ์ จำนวน 2 ครั้ง รวมเป็น 397,431 บาท สภ.ช้างเผือก และ สภ.บางแก้ว
ซึ่งในตอนนั้นยอมรับว่าตกใจมากเพราะตนเองไม่ได้ไปหลอกคนอื่นแต่พอมานึกย้อนกลับไปจึงคิดได้ว่าตนเองน่าจะถูกมิจฉาชีพหลอกให้เปิดบัญชีธนาคารออนไลน์แล้วนำไปหลอกผู้เสียหาย ซึ่งหนึ่งในผู้เสียหายได้ทัก Facebook มาหาตนเองซึ่งตนเองก็ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก่อนจะให้ผู้ปกครองพาไปแจ้งความที่สภ. หนองบัวระเว
น.ส.รัตน์ตนาภรณ์ ยังบอกอีกว่า ตอนนี้ตนเองกลุ้มใจอย่างหนักและกังวลรวมไปถึงกลัวว่าจะถูกจับและจะไม่ได้อยู่เลี้ยงลูกที่บ้าน ซึ่งก็ยอมรับว่าแอบที่ทางมิจฉาชีพส่งมาให้ไม่รู้ว่าเป็นแอพธนาคารเพราะตนเองไม่เคยเห็นแอพธนาคารดังกล่าวและตนเองก็ใช้เพียงแค่ธนาคารเดียวคือธนาคารออมสิน ตนจึงเชื่อว่าตนน่าจะถูกมิจฉาชีพหลอกให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำไปหลอกผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีซึ่งตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปพบ น.ส.กรกนก อายุ 28 ปี เสมียนทนายความ ที่บ้านพักใน ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.พะเยา โดย น.ส.กรกนก ถูกแอบอ้างปลอมที่อยู่ใช้จดทะเบียนพาณิชย์ ประกอบกิจการร้านโทรศัพท์มือถือ
เธอเล่าว่า เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังนายจักรพันธ์ ผู้เสียหายที่ จ.เพชรบูรณ์ ได้โอนเงินไปให้เพจมิจฉาชีพ เพื่อผ่อนไอแพด แล้วไม่ได้ของ จึงเดินทางมาตามที่อยู่ที่เพจปักหมุดไว้ ตามหาอยู่ 3 วัน จนพบว่า เป็นบ้านของเธอ
โดยนายจักรพันธ์ ผู้เสียหายจาก จ.เพชรบูรณ์ เล่าให้เธอฟังว่า ได้มาตามหาที่อยู่ในเพจที่ปักหมุดไว้ว่ามีหน้าร้านจริง ซึ่งทางเพจ ได้ส่งใบพาณิชย์ ซึ่งมีที่อยู่ใน จ.พะเยา โดยมีชื่อของ น.ส.ดอกแก้ว แก้วเจิม เป็นชื่อผู้ประกอบทะเบียนพาณิชย์ โดยเพจได้แอบอ้างใช้ที่อยู่ตรงจุดบ้านของเธอ แต่พอผู้เสียหายมาถึงบ้านเธอและถ่ายรูปส่งไปให้ทางเพจที่ขายไอแพด กลับถูกบล็อกทันที
หลังจากนั้นเธอจึงไปตรวจสอบเพจนี้ ก็พบว่า มีคนติดตามประมาณ 2 แสนกว่าคน คนที่จะซื้อโทรศัพท์และไอแพดจึงมั่นใจ เพราะเพจนี้มีคนติดตามเยอะ หลงเชื่อโอนเงินผ่อนของให้มิจฉาชีพจำนวนหลายคน
น.ส.กรกนก เล่าต่อว่า ก่อนที่จะมีข่าวน้องพลอย นักเรียนชั้น ม.6 ในจ.นครศรีธรรมราช เสียชีวิต เพราะถูกหลอกให้โอนจ่ายค่าโทรศัพท์ เธอและผู้เสียหายอีก 3 คน คือ นายจักรพันธ์ เธอเอง และผู้เสียหายอีกคนที่อยู่กรุงเทพฯ จะเอาเรื่องเจ้าของเพจนี้ โดยเธอทำงานด้านกฎหมาย จึงขอให้พี่ที่เป็นทนายความไปคัดข้อมูลของ น.ส.กนกวรรณ กันทะรัญ เป็นบัญชีรับเงินโอนค่าสินค้า และ น.ส.ดอกแก้ว แก้วเจิม เป็นชื่อผู้ประกอบทะเบียนพาณิชย์ มาให้เพื่อจะดำเนินคดี เพียงไม่กี่วันก็มีข่าวว่า น.ส.ดอกแก้ว เป็นบัญชีม้า คดีของน้องพลอย
หลังจากนั้นตนจึงไปแจ้งความ ที่ สภ.เมืองพะเยา ไว้เป็นหลักฐาน เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.) ว่าตนไม่รู้จัก ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับคนพวกนั้น ซึ่งเมื่อเช้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพะเยาได้ติดต่อมา ว่า ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ซึ่งทางหน่วยงานส่วนกลาง คือ ตำรวจไซเบอร์ เป็นคนดูแลเรื่องนี้อยู่ ตำรวจ สภ.เมืองพะเยา จึงจะทำหนังสือเรื่องที่ตนมาแจ้งความส่งไปให้ตำรวจไซเบอร์ เพื่อรวมเป็นคดีเดียว และดำเนินการด้วยกัน
ล่าสุด ทางตำรวจอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 ขอศาลอาญาออกหมายจับเพิ่มเติมในคดีนี้อีก 3 รายได้แก่ 1.น.ส.ศิริพร อายุ 20 ปี รายที่ 2. น.ส.รัตนพร อายุ 18 ปี รายที่ 3. นายธีรวัฒน์ อายุ 19 ปี รวมแล้วคดีนี้ ตำรวจได้ออกหมายจับไปแล้ว 4 หมาย (รวมนางสาวดอกแก้ว) ทั้งหมดเป็นบัญชีม้า 1-4 ส่วนอีก 1 หมายที่เป็นคนกดเงิน คาดจะได้วันนี้ โดยทั้งหมดมีความผิด ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง และ ความผิด พ.ร.บ.คอมพิมเตอร์ ส่วนนางสาวดอกแก้วพนักงานสอบสวน จะคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาลด้วย