แรงงานจากอิสราเอล อพยพกลับไทย วันนี้ 500 กว่าคน พบส่วนใหญ่อยู่โซนภาคกลางกับภาคเหนือ-แนวชายแดนของอิสราเอล สั่งอพยพ กลัวฮามาสบุก ขณะแรงงานโซนนี้ไม่ได้ถูกบุกยิง แต่ได้ยินเสียงระเบิดตลอด ไม่น่าปลอดภัย พบบางคนรอความหวังหลังเพื่อนถูกจับไปเป็นตัวประกัน
วันที่ 20 ต.ค. 66 รัฐบาลไทยยังคงอพยพแรงงานไทย กลับจาก อิสราเอลอย่างต่อเนื่อง วันนี้มีมาอีก 2 เที่ยวบิน คือ TG8951 ถึงประเทศเมื่อเวลา 04.34 เดินทางกลับมา 261 คน และ เที่ยวบินที่ LY083 ถึงประเทศไทยเวลา 08.50 น. อีก 266 คน
โดยบรรยากาศวันนี้ ไม่ได้มีญาติมารอให้การต้อนรับแรงงานที่เดินทางกลับ แต่เจ้าหน้าที่ยังคงแจ้งสิทธิ์ที่จะได้รับ โดยเฉพาะเรื่องของเงินเยียวยา 15,000 บาท หลังจากที่ดำเนินการเสร็จแล้วก็ได้ส่งรายงานขึ้นรถเดินทางกลับภูมิลำเนา
ผู้สื่อข่าวพยายามพูดคุยกับแรงงานที่เดินทางกลับมาในวันนี้ ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่เดินทางมาจากโซนเหนือและโซนกลางของอิสราเอล ไม่มีเหตุการณ์ บุกเข้ามาภาคพื้นเพื่อกราดยิง เหมือนพื้นที่ที่ติดกับฉนวนกาซา
อย่างนายนัทพงษ์ สิงห์พิม แรงงานจากจังหวัดบึงกาฬ เล่าให้เราฟังว่า เขาให้อพยพออกจากพื้นที่ที่ติดกับชายแดนทั้งหมด รวมถึงจุดที่ตนทำงานด้วยซึ่งกับชายแดนเลบานอน ก็ถูกให้อพยพทั้งหมด เนื่องจากกรมการกงสุลกังวลว่ากลุ่มฮามาสจะแทรกซึมเข้ามา เพราะตอนนี้ในพื้นที่ใกล้เคียง ก็เริ่มมีการเผารถของนายจ้างแล้ว แต่สำหรับแคมป์ของตนยังไม่โดน อย่างไรก็ตาม ตนทำงานได้เดือนละ 5-6 หมื่น แต่ต้องนอนฟังเสียงระเบิดทุกวันรู้สึกว่าอันตรายมากๆ อาจจะพิจารณาว่า จะเปลี่ยนประเทศทำงาน
ขณะที่นายคมสันต์ เสียงหวาน แรงงานจังหวัดมุกดาหาร เล่าให้ฟังว่า ตนอยู่ห่างประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร ยังเป็นพื้นที่สีแดงอยู่ ได้ยินแต่เสียงระเบิดที่ลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนการกราดยิงเกิดขึ้นตรงมิสเตอร์คิมและเดชา หมู่บ้านตนก็อยู่ติดกัน จะมีบุกเข้ามาทางเดชาบ้าง จึงต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในแคมป์อย่างเดียวไปไหนไม่ได้ ส่วนบังเกอร์หลบระเบิดก็ไม่มี มีแค่ท่อซีเมนต์ แต่ก็ไม่หมด เพราะในแคมป์คนงานนี้มีกว่า 100 คน จึงได้ยินเสียงระเบิดตลอด บางครั้งระเบิดก็ตกไม่ใกล้มาก ส่วนจุดที่ตัดสินใจให้ต้องกลับบ้าน เพราะเห็นคลิปที่ฮามาสเข้ามายิงคนไทยตายหลายชีวิต จึงคิดว่ามันไม่น่าจะปลอดภัยแล้ว
ด้านนายภาคิน เชื้อนาข่า แรงงานชาวชัยภูมิ กล่าวว่า อยู่ห่างฉนวนกาซาประมาณ 10 กิโลเมตร หลังจากวันที่ 7 ต.ค. ก็ไม่ได้ทำงานอีกเลย แต่ก็มีบางวันที่นายจ้างบังคับให้ไป แต่ปรากฏว่าสวนข้างๆ มีระเบิดลงจนทำให้แรงงานเสียชีวิตไป 2 ราย ตนจึงติดต่อสถานทูตประมาณ 3-4 วัน ขอความช่วยเหลือ เราอยู่กันด้วยความหวังระแวง เพราะก็มีระเบิดมาลง ได้ยินเสียงยิงปืนต่อเนื่อง อาทิตย์นึงนอนหลับบ้าง ไม่หลับบ้าง อะไรก็ตามหากสภาวะสงครามสงบก็อาจจะหาประเทศอื่นไป เพราะหนี้สินทางบ้านก็เยอะอยู่ แล้วก็กู้เงินไปทำงานด้วยเพิ่งทำได้แค่ 6 เดือนเอง
ส่วนแรงงานอย่างนางประนอม สร้อยเสนา กาฬสินธุ์ บอกว่าเขาทำงานที่อิสราเอลเป็น 10 ปีแล้ว และอยู่ตรงพื้นที่สีแดงด้วย เวลากลางคืนห้ามส่งเสียง ห้ามเปิดไฟเด็ดขาด ส่วนตัวไม่ได้เจอกลุ่มฮามาสมากราดยิง แต่เพื่อนได้เล่าสู่กันฟังเพราะว่า เขาอยู่ติดพื้นที่นั้น มีการยิงกันตายหลายคน ที่ตนเศร้าใจที่สุดก็คือ เพื่อนของตน ที่อยู่มิสเตอร์คิม ถูกจับตัวไปเป็นตัวประกัน 2 คน คือ น.ส.ศศิวรรณ พันธ์ฆ้อง และ นายบุญถม พันธ์ฆ้อง และก็คนไทย ก็โดนจับไปเยอะ ตอนนี้ยังไงก็ต้องมีหวังว่าเขาจะได้กลับมา "แถวฉนวนกาซาโหดมาก เพราะมันมีทั้งยิง และเผาเลย มีคนไทยกลุ่มนึงที่โดนเผาไม่เหลือซากเลย" นางประนอม สร้อยเสนา กล่าว