คุม 3 ผู้ต้องหาบัญชีม้า-กดเงินข้ามประเทศ
วันที่ 20 ตุลาคม 2566 มีรายงานว่า ตำรวจไซเบอร์คลุมตัว 3 ผู้ต้องหาบัญชีม้า-กดเงิน ฝากขังศาล พร้อมค้านประกันตัว เกรงว่าจะหลบหนี ส่วนบัญชีม้าแถว 2 พบว่าหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 คุมตัว น.ส.ณัฎฐนิชา อายุ 39 ปี คนกดเงิน พร้อมเยาวชนอายุ 18 และ 19 ปี 2 คน ที่ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้าแถว 3 และ 4 ในขบวนการหลอกขายไอโฟนออนไลน์ให้นักเรียน ม.6 ไปขออำนาจศาลอาญาฝากขัง ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยท้ายคำร้องคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
ทั้งนี้ระหว่างควบคุมตัวผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงกับผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหาทุกคนปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
สำหรับคดีนี้ยังเหลือผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้วแต่ยังหลบหนีอยู่อีก 1 คน คือ น.ส.ศิริพร ลำปี เจ้าของบัญชีม้าแถวที่ 2 ซึ่งจากการสืบสวนพบว่านางสาวศิริพรหลบหนีออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ซึ่งตำรวจจะประสานเจ้าหน้าที่ของประเทศเพื่อนบ้านในการติดตามจับกุมตัวกลับมาดำเนินคดี
เปิดภาพวงจรปิด นาที น.ส.ณัฎฐนิชา กดเงินในปั้มน้ำมันส่งต่อเงินบัญชีม้าข้ามประเทศ
ทีมข่าวได้เดินทางต่อไปยังด่านพรมแดนแม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งตามข้อมูลในการจับกุมกระบวนการไอโฟนทิพย์ พบว่า น.ส.ณัฎฐนิชา อายุ 39 ปี เป็นคนไปกดเงินจากบัญชีม้าจากตู้ ATM ของในปั้ม ปตท. ใกล้กับพรมแดนแม่สาย ในวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งการกดเงินดังกล่าว ตามข้อมูลเบื้องต้นของทางตำรวจให้ข้อมูลมาว่า น.ส.ณัฎฐนิชา ได้ไปกดเงินออกมาจากที่ตู้ ATM ดังกล่าว 2 ครั้ง คือช่วงเช้าและช่วงเย็นของวันที่ 15 ตุลาคม จากนั้นได้มีการไปส่งเงินให้กับ ผู้ว่าจ้างชาวเมียนมา ที่รู้จักผ่านทางเฟซบุ๊ก ชื่อนายจ๋าย ที่ชายแดนด่านแม่สาย ซึ่งจะได้ค่าจ้างกดเงินครั้งละ 300-500 บาท ทำมาแล้ว 1 เดือน โดยแต่ละครั้งจะกดเงินตั้งแต่หลัก 1,000-100,000 บาท ยอดกดล่าสุดที่กดเงินออกไปเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา จำนวน 104,000 บาท
ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ไปได้ภาพกล้องวงจรปิดภายในปั้มน้ำมัน ปตท. ที่ น.ส.ณัฎฐนิชา ไปกดเงินในวันที่ 15 ตุลาคม โดยภาพวงจรปิดซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ช่อง 8 ไปได้มา จะเห็นว่า ในเวลา 08.57 น. น.ส.ณัฎฐนิชา ได้ขี่รถจักรยานยนต์สีชมพู ย้อนศรเข้าในปั้มน้ำมันโดยมีลูกชายนั่งหน้ามาด้วย จากนั้นเมื่อเข้ามาในปั้ม น.ส.ณัฎฐนิชา ก็ได้จอดรถที่หน้าตู้ ATM ซึ่งพอลงรถก็มีการแวะคุยกับคนรู้จัก พอคุยเสร็จ น.ส.ณัฎฐนิชา ก็พาลูกเดินเข้าไปในเซเว่นฯ
จากนั้นเมื่อพาลูกเข้าไปซื้อของเสร็จ น.ส.ณัฎฐนิชา ก็เดินตรงไปที่ตู้ ATM ซึ่งจะเห็นว่าในระหว่างที่ยืนกดเงิน ลูกของน.ส.ณัฎฐนิชา จะอยู่ข้างๆตลอด โดยน.ส.ณัฎฐนิชา ใช้เวลายืนกดเงินในรอบเช้าประมาณ 4 นาที ซึ่งพอกดเงินเสร็จแล้ว น.ส.ณัฎฐนิชา มีการเดินไปนับเงินที่รถ พอนับเสร็จเรียบร้อยก็พาลูกขึ้นรถแล้วก็ขับรถออกมา ซึ่งก็จะมีภาพอีกมุมตรงทางออกสามารถจับภาพได้ชัดเจนว่า น.ส.ณัฎฐนิชา ได้ขี่รถย้อนศร ออกไปจากปั้มน้ำมันเพื่อมุ่งหน้าไปยังด่านพรมแดนแม่สาย
ถัดไปเป็นการเข้ามากดเงินรอบบ่าย ซึ่งจะเห็นว่า กล้องมุมทางเข้าปั้มน้ำมัน จะสามารถจับภาพขณะที่ น.ส.ณัฎฐนิชา ขี่รถคันเดิมใส่กางเกงสีเดิมคือสีเหลืองเข้ามาในปั้ม ในเวลา 14.35 น. กระทั่งเมื่อไปถึงกล้องมุมหน้าตู้ ATM ก็จะเห็นว่าเมื่อ น.ส.ณัฎฐนิชา จอดรถเสร็จ เจ้าตัวได้มีการเดินตรงเข้าไปที่ตู้ ATM แต่รอบนี้กดนานกว่าเดิม ซึ่งจะเห็นว่า มีคนมายืนรอต่อคิว และระหว่างที่ น.ส.ณัฎฐนิชา ยืนกดเงินอยู่เจ้าตัวได้มีการนำเงินเข้ากระเป๋าและหันไปกดเงินหลายรอบจนคนที่ยืนรอเดินไปกดเงินที่อยู่ตู้ข้าง ๆ กัน ซึ่ง น.ส.ณัฎฐนิชา ใช้เวลาอยู่หน้าตู้ในรอบที่สองประมาณ 6 นาที เมื่อกดเงินเสร็จ เจ้าตัวได้กลับมาขึ้นรถและถอยรถออกมา แต่ไม่ขี่รถมุ่งหน้าไปที่พรมแดนแม่สอด ซึ่งเส้นทางที่ น.ส.ณัฎฐนิชา ทีมข่าวไปไล่เส้นทางมาแล้วเป็นเส้นทางกลับร้านค้าของ น.ส.ณัฎฐนิชา ที่อยู่ในพื้นที่หมู่ 4
เพื่อนสนิทไม่รู้สาวบัญชีม้า รับกดเงินข้ามประเทศ
โดยวันนี้ ในขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังร้านค้าของ น.ส.ณัฎฐนิชา เราได้พบกับ นางอุมา (นามสมมติ) ซึ่งเป็นลูกค้าประจำของ น.ส.ณัฎฐนิชา บอกกับทีมข่าวว่า น.ส.ณัฎฐนิชา เข้ามาเปิดร้านค้าที่หมู่บ้านได้ประมาณ 3 ปี ซึ่ง น.ส.ณัฎฐนิชา จะใช้ชีวิตขายของอยู่ในร้านกับสามีและลูกอีก 1 คน
โดยส่วนตัวยอมรับว่า สนิทกับ น.ส.ณัฎฐนิชา เนื่องจากเป็นลูกค้ามาตั้งแต่ น.ส.ณัฎฐนิชา เข้ามาเปิดร้าน ยืนยันก่อนหน้านี้ น.ส.ณัฎฐนิชา ไม่เคยบอกว่าทำอาชีพเสริมโดยการรับจ้างกดเงินข้ามประเทศ ซึ่งส่วนตัวเมื่อรู้ว่าเขาถูกจับเกี่ยวกับเรื่องบัญชีม้าก็รู้สึกตกใจ ส่วนสามีของ น.ส.ณัฎฐนิชา ตั้งแต่เมียถูกจับไป ไม่เห็นกลับมาที่ร้านอีกเลย ซึ่งคาดว่าตัวสามีของ น.ส.ณัฎฐนิชา น่าจะเดินทางไปประกันตัวเมียที่กรุงเทพฯ
ย่าหนึ่งในบัญชีม้า ชี้หลานไม่ได้รวยผิดปกติ
ล่าสุดวันนี้ (20 ตุลาคม 2566) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งที่ ต.ดอยลาน อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.รัตนพร อายุ 18 ปี หนึ่งในบัญชีมาที่ตำรวจไซเบอร์ ไปจับกุมตัวได้เมื่อวานนี้ (19 ตุลาคม)
โดยย่า บอกว่า จริง ๆ แล้วภาพที่ตำรวจไปจับหลานได้ไม่ใช่ภาพหน้าบ้านตามทะเบียนราษฎร์ ซึ่งตัวหลาน หลังจากพ่อแม่เลิกรากันเขาไปอยู่กับย่าอีกคนตั้งแต่เรียนอนุบาล จากนั้นพอหลานเริ่มโตเป็นสาว หลานก็ได้ไปมีแฟน กระทั่งแต่งงานและย้ายไปใช้ชีวิตกับครอบครัวใหม่ของเขา ซึ่งเมื่อคืนนี้หลังทราบข่าวว่าหลานไปพัวพันกับการเปิดบัญชีให้มิจฉาชีพ ส่วนตัวก็รู้สึกตกใจ
ยืนยันที่ผ่านมา ตั้งแต่หลานออกไปจากบ้าน เขาไม่เคยกลับมาใช้ชีวิตที่บ้าน โดยครั้งล่าสุดที่ทางครอบครัวได้เจอกับหลาน คือเมื่อวันที่ 25 กันยายน เนื่องจากเขากลับมาเยี่ยมย่าทวดที่บ้าน ซึ่งวันนั้นเท่าที่ครอบครัวเจอหน้าหลาน หลานไม่ได้มีท่าทีที่จะร่ำรวยผิดปกติ แต่หน้าตาหลานเหมือนกับคนติดยาเสพติด ส่วนเรื่องบัญชีของหลาน ยืนยันก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีทางธนาคารส่งเอกสารมาที่บ้านและก็ไม่เคยมีใครตามมาทวงเงินหลานที่บ้าน