จากเหตุการณ์ นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือ ‘เสี่ยแป้ง นาโหนด’ นักโทษคดีใหญ่หลายคดีดังในจ.นครศรีธรรมราช และจ.พัทลุง ถูกคุมตัวอยู่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และส่งไปรักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ได้หลบหนีจากโรงพยาบาล โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามล่าตัว
ประวัติทางคดีนอกจากคดีที่มีการตัดสินของศาลจังหวัดพัทลุงที่ถูกจำคุก 20 ปี 6 เดือน คดีนี้นายเชาวลิต หรือแป้งร่วมกับพวกได้เข้าปล้นผู้ต้องหาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ขณะจับกุมคดียาเสพติด และยังมีคดีเกี่ยวกับความผิดต่อชีวิตชีวิตร่างกาย ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม เป็นยิงเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ ตามคดีอาญาดำ อยู่ระหว่างพิจารณาคดี นอกจากนั้นยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาอีกหลายคดี เช่นคดีสมคบค้ายาเสพติด คดีฟอกเงิน คดีร่วมกันฆ่า เช่นคดีการลอบฆ่านายอนันต์ คลังจันทร์ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นอกจากนั้นยังพบข้อมูลอีกว่าเจ้าหน้าที่ ปปง.ได้เข้าอายัดทรัพย์สินของนายเชาวลิต ที่จ.สงขลา ที่นำเอาไปฝากไว้กับพี่สาวมูลค่าสูงถึง 150 ล้านบาท หลังจากมีการเตรียมเงินไว้เป็นทุนที่นายเชาวลิตกำลังเคลื่อนไหวลงสมัคร ส.อบจ.พัทลุง โดยระหว่างเคลื่อนไหวหาเสียงนายเชาวลิต หรือแป้ง ใช้รถกันกระสุนเป็นพาหนะ แต่ต้องคดีร้ายแรงก่อนหลายคดีจึงต้องมาวิ่งเต้นคดีแทน ขณะเดียวกันแหล่งข่าวได้ให้ข้อมูลว่าการหลบหนของเสี่ยแป้ง หรือเชาวลิต ได้เตรียมการล่วงหน้าหลายวันแล้ว โดยคาดว่าน่าจะออกมาล้างแค้นผู้เกี่ยวข้องในคดีอย่างน้อย 2 คน ที่เชื่อว่าเป็นเหตุให้นายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้งแพ้คดีจนต้องโทษจำคุก
นักโทษรายนี้คือนายเชาวลิต เริ่มจองจำตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2565 อยู่ที่เรือนจำความมั่นคงสูง เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และได้ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ คุมตัวมาทำการรักษาทันตกรรมตามการนัดของแพทย์ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2566 แต่หลังจากที่ส่งตัวมาถึงนั้นพบว่าแพทย์ได้ทำการเลื่อนนัด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงคุมตัวกลับแต่ปรากฏว่านายเชาวลิต เกิดอาการวูบหมดสติ แพทย์จึงให้เข้ารักษาตัวอยู่ที่ตึก 298/2 อายุรกรรม ชั้น 6 ที่ขาทั้งสองข้างมีตรวนเหล็กพันธนาการ และเมื่อรักษาตัวบนหอผู้ป่วยเจ้าหน้าที่ยังมีโซ่ล่ามพันธนาการกับเตียงอีกชั้น โดยแพทย์จะให้ออกจาก รพ.ในวันนี้เวลา 08.30 แต่ปรากฏว่าหลังเที่ยงคืนนายเชาลิต หรือแป้ง ได้หลบหนีออกไปแล้ว
เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่านายเชาวลิต อยู่ในระหว่างการคุมตัวของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จำนวน 2 คน โดยเมื่อทั้งสองคนมายังเตียงที่คุมตัวนักโทษรายนี้ปรากฎว่าเหลือแค่โซ่สำหรับพันธนาการยึดตรวนข้อเท้า ส่วนนายเชาวลิตนักโทษ ได้หลบหนีไป อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่านายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง ไขกุญแจเดินออกมาจากหอผู้ป่วยลงลิฟท์จากชั้น 6 ลงไปชั้นล่างแบบลอยนวล และพบอีกว่าหลังจากทราบเหตุแล้วเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ยังไม่ได้แจ้งตำรวจทันทีแต่ล่วงเลยถึง 3 ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุจึงเข้าแจ้ง โดยมี พันตำรวจโทมนตรี วรรณคง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งความดำเนินคดีแล้ว
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังโรงพยาบาลดังกล่าว พบว่าประตูทางเข้า-ออกอของตึกผู้ป่วยที่เสี่ยแป้งพักอยู่มีทางเข้า-ออกเดียว มีกล้องวงจรปิด ผ่านเครื่องสแกน และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
มีรายงานต่ออีกว่าเสี่ยแป้งมีโทรศัพท์ติดตัว 1 เครื่อง มีการโทรหาผู้ใหญ่คนหนึ่งใน จ.กระบี่ เป็นเบาะแสสุดท้ายที่ตำรวจได้ คล้ายว่าเสี่ยแป้งจะโทรไปขอความช่วยเหลือเรื่องคดี แต่สุดท้ายผู้ใหญ่รายได้ยังไม่รับโทรศัพท์
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านพักของเสี่ยแป้ง ที่ตำบลท่าแค อำเภอเมือง จ.พัทลุง พบบ้านเปิดไฟบริเวณโดมโรงรถหน้าบ้าน ส่วนในบ้านปิดไฟมืด ผู้สื่อข่าวพยายามเรียกว่ามีใครอยู่หรือไม่แต่ไร้การตอบกลับ และไม่มีใครเดินออกจากบ้านมา มีเพียงม่านบริเวณหน้าต่างของบ้านขยับเหมือนมีคนเปิดส่องดูเท่านั้นคาดว่าน่าจะมีญาติเสี่ยแป้งอยู่ในบ้าน แต่ไม่ออกมาเท่านั้น
จากนั้นทีมข่าวจึงได้สอบถามชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นว่าพบเจอเสี่ยแป้งมากหรือไม่ แต่ชาวบ้านบอกไม่เจอ และบอกว่าบ้านเสี่ยแป้งนี้ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่เคยได้คุยกันเลยสักครั้ง ไม่ทราบอะไรเลย
วันนี้ผู้สื่อข่าวมีโอกาสได้สอบถามข้อมูลไปยัง ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เจ้าตัวกล่าวว่าทราบเหตุการณ์นี้แล้ว รู้ตัวและรู้เบาะแสแล้วว่พิกัดของผู้ต้องหาอยู่ที่ไหน อยู่ระหว่างการติดตามตัว แต่ยังเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดไม่ได้ ส่วนประเด็นที่บอกว่ามีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 2 นาย ไปคุมผู้ต้องหาที่โรงพยาบาล และปล่อยให้หลบหนีไปได้นั้น เจ้าตัวกล่าวว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ว่าผิดพลาดที่กระบวนการใดบ้าง ยังไม่ขอให้รายละเอียดมากกว่านี้ แต่ขณะนี้มีการแจ้งเรื่องไปที่ส่วนกลางคือราชทัณฑ์ให้เป็นผู้ชี้แจงแล้ว
ต่อมาทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของนายแบงค์ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ในจ.พัทลุง คนที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นบุคคลในกล้องวงจรปิดลงมาพร้อมเสี่ยแป้ง และพาเสี่ยแป้งหลบหนี เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตนเองไม่ใช่คนที่พาเสี่ยแป้งหนี และไม่ได้ไปอยู่ที่โรงพยาบาลที่เกิดเรื่องเลย ตนอยู่ที่บ้านตลอดทั้งคืนและกลางวันก็อยู่ที่บ้านซ่อมรถให้ลูกค้า ไม่ได้ออกไปไหนเลย ตนก็ตกใจว่าทำไมถึงถูกกล่าวหาว่าเป็นคนที่พาหนีได้ ทั้งที่ทรงผมในกล้องวงจรปิดก็ไม่ใช่ตนเลย ตนผมสั้นแบบนี้ แต่ในกล้องวงจรปิดผมยาว
อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าไม่ใช่ตนแน่นอน แต่ตนรู้จักเสี่ยแป้งจริง เป็นเพื่อนกัน และแฟนตนเคยเลี้ยงลูกให้เสี่ยแป้งมาก่อน เขาก็เป็นคนดี ดีกับตนมาตลอด ส่วนเรื่องหลบหนีตนไม่ทราบเลย เพราะไม่ได้คุยกับทางเสี่ยแป้งมานานแล้วตั้งแต่เขาติดคุกไป
วิธีการเสี่ยแป้ง หลอกเจ้าหน้าที่ก่อนหลบหนี