เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ 21 ต.ค.66 ร.ต.อ.เวชยันต์ หิรัญญสุวรรณ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งเหตุชายถูกฆาตกรรมเสียชีวิตภายในลำห้วยส่งน้ำริมคันนา พื้นที่หมู่ 5 บ้านหนองหว้า ต.นาโยงใต้ อ.เมืองตรัง จ.ตรัง เขตรอยต่อกับพื้นที่ หมู่ 8 ต.นาโยงใต้
ที่เกิดเหตุอยู่กลางทุ่งนาห่างจากถนนภายในหมู่บ้านเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร ในลำห้วยส่งน้ำ ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยพงหญ้าจำนวนมาก พบร่องรอยหญ้าล้มเป็นทางยาวไปจนถึงริมตลิ่งฝั่งทิศตะวันตก พบร่างของชายถูกฆาตกรรมนอนตะแคงขวาเสียชีวิตระหว่างพื้นน้ำและพื้นดินริมตลิ่ง ในสภาพสวมเสื้อยืดสีน้ำตาล นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ สวมรองเท้าวิ่งหุ้มส้น ยืนยันว่าผู้ตายคือนายวรเชษฐ หรือเอ อายุ 40 ปี อาชีพพ่อค้าขายทอดมันปลา ในกระเป๋ากางเกงพบเพียงใบกระท่อมสดจำนวนหนึ่ง
เจ้าหน้าที่ทำการชันสูตรพลิกศพ พบบาดแผลถูกของมีคมปาดเข้าที่ลำคอ 1 แผล และแทงเข้าที่ไหปลาร้าขวา 2 แผล เปลือกตาซ้าย 1 แผล ขาหนีบขวา 1 แผล และราวนมขวาอีก 1 แผล รวม 6 แผล โดยในที่เกิดเหตุไม่พบพยานหลักฐานใดๆตกอยู่
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายบุญชอบ แต้นตอง อายุ 64 ปี ลุงผู้เสียชีวิต ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร และห่างจากบ้านนายวรเชษฐ์ประมาณ 1.5 กิโลเมตร โดยนายธนบดี อายุ 47 ปี เป็นญาติลูกพี่ลูกน้องของนายวรเชษฐ์ บอกว่า บ้านพักแถวนี้เป็นเครือญาติของนายวรเชษฐ์เกือบทั้งหมด โดยหลังสีฟ้าเป็นบ้านของลุงบุญชอบ แล้วหลังสีเทาด้านหลังคือบ้านพักของนายวรเชษฐ์ซึ่งเจ้าตัวอยู่ที่นี่ตอนที่ยังไม่แต่งงานกับภรรยา พอแต่งงานก็ไปอยู่บ้านภรรยา และบ้านหลังข้างๆบ้านนายวรเชษฐ์คือบ้านน้าสาวผู้เสียชีวิต
ซึ่งจะเห็นพื้นที่ระหว่างบ้านนายวรเชษฐ์และน้าสาวนายวรเชษฐ์มีต้นกระท่อมปลูกอยู่หลายต้น เพราะน้าเขยนายวรเชษฐ์ปลูกไว้ ส่วนตัวนายวรเชษฐ์ก็ชื่นชอบการกินใบกระท่อมอยู่แล้ว ก็จะออกมาจากบ้านพักภรรยา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดนี้ 1.5 กิโลเมตร ทุกเช้าเพื่อมาเด็ดใบกระท่อม บางครั้งเจ้าตัวก็ขี่รถจยย.มา บางครั้งเจ้าตัวก็เดินมา เมื่อมาถึงก็จะมานั่งโต๊ะมานั่งที่หน้าบ้านน้าสาวเพื่อกินใบกระท่อมและกินกาแฟกับญาติ คุยสักพักใหญ่ถึงเดินกลับบ้านพักภรรยา
ซึ่งมีชาวบ้านในละแวกนี้เห็นว่าช่วง 06.00 ของวานนี้ (21 ตุลาคม) นายวรเชษฐ์ได้มาเด็ดใบกระท่อมที่หลังบ้านลุงบุญชอบจากนั้นก็เดินกลับไปบ้านภรรยา คาดว่าระหว่างเดินทางกลับมีคนร้ายที่ดักซุ่มอยู่ทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต สอดคล้องจากข้อมูลตำรวจที่ตรวจศพ พบว่าในกระเป๋ากางเกงของนายวรเชษฐ์มีใบกระท่อมอยู่
จากนั้นลูกพี่ลูกน้องของนายวรเชษฐ์ถ้าทีมข่าวจำลองเส้นทางที่นายวรเชษฐ์ใช้เดินทางมาและกลับจากบ้านภรรยาเพื่อมาบ้านของลุงบุญชอบ โดยเจ้าตัวมักจะชอบเดินมาลำพังแล้วเดินลัดป่าลัดทุ่งนาเพราะเป็นเส้นทางที่ใกล้กว่าเดินบนถนน แม้จะเปลี่ยวบ้างแต่ใกล้และไม่ร้อนเพราะมีต้นไม้ปกคลุมตลอด
คาดว่านายวรเชษฐ์เดินเท้าเข้าทางสวนยางเพื่อนบ้านลุงบุญชอบ ก่อนไปทะลุป่ารก แล้วเดินข้ามสะพานเล็กข้ามคูคลองน้ำ เพื่อทะลุไปยังคันดินกลางทุ่งนา มุ่งหน้ากลับบ้านภรรยา แต่ระหว่างทางเคราะห์ร้ายมีคนร้ายซุ่มอยู่แล้วเข้ามาทำร้ายร่างกาย จากที่เกิดเหตุจะเห็นร่องรอยการต่อสู้สังเกตได้จากหญ้าที่พื้นจุดเกิดเหตุ คาดว่านายวรเชษฐ์ก็คงต่อสู้คนร้ายเช่นกันแต่ไม่สำเร็จฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม จุดพบศพอยู่ห่างจากบ้านพักลุงบุญชอบประมาณ 1 กิโลเมตร
เราพบกับนายบุญชอบ อายุ 64 ปี ลุงของผู้เสียชีวิต บอกว่าตนเสียใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ที่สูญเสียหลานอย่างกะทันหัน ทราบว่าก่อนหลานเสียชีวิต ออกจากบ้านพักภรรยาประมาณช่วง 06.00 น. โดยแต่งเสื้อผ้าชุดเดียวกันกับที่พบเป็นศพ เสื้อสีน้ำตาลกางเกงสีดำและรองเท้าคัตชู คล้ายจะไปออกกำลังกายทุกเช้าเหมือนเดิม โดยเดินเท้าจากบ้านพักแล้วเดินผ่านเส้นทางลัดเลาะทุ่งนาป่าสวนยางจนกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุ โดยคาดว่ามาเด็ดใบกระท่อมหลังบ้านพักของตนก่อนที่จะเดินทางกลับระหว่างเดินทางกลับก็กลายเป็นศพ
ปกติแล้วหลานจะชอบกินใบกระท่อม โดยครอบครัวของหลานอยู่กับภรรยาและลูกสาวรวม 3 คน พักอาศัยอยู่ที่บ้านพักของภรรยา ทุกเช้าหลานจะเดินเท้าเพื่อออกกำลังกายหรือบางครั้งก็จะขี่รถจักรยานยนต์ไปเด็ดใบกระท่อมที่บ้านพักสองหลัง ของคนเลี้ยงวัวหลังหนึ่งและบ้านพักตนอีกหลังหนึ่ง กิจวัตรประจำวันทุกเช้าก็จะเป็นแบบนี้ ซึ่งหลานก็อย่างเช่นชอบมานั่งดื่มกาแฟที่บ้านพักน้องสาวตนอีกด้วย
ยอมรับว่าหลานใช้ชีวิตลักษณะนี้ทุกวันแต่ก็เป็นคนมีเพื่อนแต่ตนก็ไม่ทราบว่าเพื่อนของหลานอยู่ที่ไหนบ้าง แล้วสนิทกันมากน้อยแค่ไหน แต่ในส่วนตรงฆาตกรรมต้นก็ขอยืนยันว่าหลานไม่เคยขัดแย้งกับใครก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีหนี้นอกระบบ ไม่มีเรื่องชู้สาวกับภรรยา และไม่มีทรัพย์สินให้ชิงทรัพย์ แต่สงสัยเรื่องเดียวประเด็นเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ก็ยังไม่กล้าฟันธงขอรอตำรวจสืบสวนคดีนี้ก่อน
แต่คดีนี้มีพิรุธเนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณอยู่กลางทุ่งนาและป่าสวนยางซึ่งเปลี่ยวมาก ยอมรับหลานตนชอบไปบริเวณจุดเกิดเหตุซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไร และจุดเกิดเหตุคนร้ายจะชิงลงมือต้องเป็นคนในพื้นที่เท่านั้น เพราะเป็นเส้นทางที่ลับและเปลี่ยวมาก ถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่จะไม่รู้เด็ดขาดว่ามีพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุอยู่