กรณี มีผู้เสียหาย จากอุบัติเหตุรถชนกัน ร้องเรียนและเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระแก้ว ออกมารับผิดชอบ กรณีปล่อยให้รถยนต์ของกลางที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อต้นเดือน ก.พ. และพ.ค.66 รวม2คัน หายไป นั้น

 

วันนี้ (22 ต.ค.) ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังโรงพัก สภ. เมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นโรงพักที่ถูกร้องเรียนว่ารถอุบัติเหตุของกลางที่ฝากจอดเอาไว้ที่โรงพักหายไป โดยช่วงที่ทีมเขาเดินทางไปถึงที่โรงพักนั้นบรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา มีเพียงร้อยเวรและตำรวจเวรประจำวันทำหน้าที่ที่ห้องรับแจ้งความชั้นล่างเท่านั้น

 

ส่วนพื้นที่สำหรับการเก็บรถของกลางและของกลางในคดี  ในพื้นที่โรงพักได้มีการแบ่งส่วนออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนเก็บรถอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นลักษณะรถจอดฝากและรอให้ไฟแนนซ์หรือเจ้าของรถมารับคืนหลังจากมีการตรวจสภาพรถเสร็จสิ้น ซึ่งไม่ได้มีการจัดเก็บเป็นรถประเภทของกลาง แต่เพียง เก็บมาเพื่อทำการตรวจสอบสภาพรถเทียบเคียงกับอุบัติเหตุนั้นๆ เท่านั้น

 

และช่วงที่ทีมข่าวเดินทางไปสำรวจบริเวณลานลานจอดซึ่งเป็นสนามหญ้าด้านข้างโรงพัก ที่เป็นจุดจอดรถสำหรับรถอุบัติเหตุ พบว่าวันนี้มีรถที่ประสบอุบัติเหตุจอดเหลือเพียง 3 คัน แบ่งเป็นรถเก๋ง 2 และรถกระบะ1คัน  แต่รถอุบัติเหตุที่มีการจอดทิ้งเอาไว้ สังเกตว่าบริเวณกระจกด้านหน้า จะมีข้อความซึ่งเป็นป้ายสติกเกอร์มาติดเอาไว้หน้ารถ ซึ่งเขียนระบุว่า “รับซื้อซากรถเก่าอุบัติเหตุ เล่มหาย จมน้ำ เครื่องพัง โทร 091-720XXXX บริการรถยก 24 ชั่วโมง“ โดยจะมีป้ายสติกเกอร์ข้อความดังกล่าวติดเอาไว้หน้ารถทุกคันที่จอดบริเวณดังกล่าว , และเมื่อเทียบกับรถของผู้เสียหายที่หายไปก่อนหน้านี้ ที่มีการจอดทิ้งเอาไว้ก่อนที่จะหายไป ก็พบว่ามีคนนำสติกเกอร์ดังกล่าวมาติดเอาไว้หน้ารถเช่นเดียวกัน

 

ขณะที่รถ ของกลางภายในพื้นที่โรงพัก  จะมีการจัดเก็บเอาไว้ใกล้กับพื้นที่สำนักงานโรงพัก และมีการสร้างรั้วเหล็กเพื่อป้องกันการสูญหายของรถของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี หากเป็นรถมอเตอร์ไซต์จะถูกจัดเก็บเอาไว้ภายในที่เก็บของกลางซึ่งมี แม่กุญแจล็อคเอาไว้ตลอดเวลา ส่วนรถกระบะของกลางพบว่าจอดเอาไว้เหลือเพียง3คัน โดยจอดเอาไว้แล้วมีกล้องวงจรปิดบันทึกตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะแยกจากรถประเภทอุบัติเหตุหรือรอไฟแนนซ์และเจ้าของมารับคืนจะแยกออกมาคนละส่วนกัน

 

ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้คุยกับ  นายปรีชา อินทร์จันดา  ซึ่งเป็นผู้เสียหายอีกรายที่รถหายไปจากที่เก็บของกลางในโรงพักสระแก้ว โดยเจ้าตัวเป็นเจ้าของรถ Chevrolet สีน้ำเงิน ซึ่งประสบอุบัติเหตุเมื่อเดือนพฤษภาคม2566 ที่ผ่านมา โดยตอนนั้นนั้นมีแฟนสาวคือนางสาวณัฐพรเป็นคนขับไปประสบเหตุ และหลังจากที่ประสบอุบัติเหตุจึงได้มีการลากรถกลับมาเก็บไว้ที่เก็บของกลางแต่เป็นส่วนของรถอุบัติเหตุซึ่งไม่ได้มีการตรวจยึดแต่ฝากจอดเอาไว้ภายในพื้นที่โรงพัก และเป็นจุดเดียวกันกับที่รถคันแรกหาย และภายหลังเกิดอุบัติเหตุทางด้านของนายปรีชาก็ตัดสินใจไม่จ่ายเงินค่างวดกับไฟแนนซ์(ธนาคารเกียรตินาคิน)  แต่มีการแจ้งกับบริษัทรถว่ารถประสบอุบัติเหตุใช้การต่อไม่ได้ จึงงดการส่งค่างวด จึงทำให้รถคันดังกล่าวค้างค่างวดอยู่ที่ 223,000 บาท เหลือผ่อนจ่ายอีกประมาณ 40 งวด

 

นายปรีชา เผยว่า ในวันนี้ได้มีชุดสืบสวนเข้ามาสอบปากคำตนเองเพิ่มเติม เพื่อแกะรอยหารถที่หายไป ซึ่งตนเองก็ยืนยันว่านับตั้งแต่เกิดเหตุ ตนเองไม่ได้เป็นคนเซ็นยินยอมขายซากรถ หรือมีการโทรติดต่อใครเพื่อให้ซื้อซากรถไปขาย ยังคงยืนยันว่าเป็นการฝากจอดเอาไว้ที่โรงพักเมืองสระแก้ว แต่หลังจากเกิดอุบัติเหตุตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ตนเองก็เดินทางไปโรงพักบ้างบางครั้งเพื่อที่จะไปคุยกับคู่กรณีและจ่ายชดใช้เยียวยาค่ารักษาพยาบาล และสังเกตว่า บริเวณที่จอดรถของกลางโดยเฉพาะจุดจอดรถที่เป็นอุบัติเหตุ รถของตนเองก็จอดอยู่ที่ลานสนามหญ้า แล้วมีรถคันอื่นจอดอยู่อีกไม่ต่ำกว่า4-5คัน ซึ่งตนเองก็มีภาพบันทึกเอาไว้

 

และหลังจากที่รถประสบอุบัติเหตุ ช่วงเดือนพฤษภาคม ตนเองจัดการและเคลียร์ปัญหากับคู่กรณีเสร็จแล้ว จึงมีโอกาสขับรถผ่านที่โรงพัก วนไปดูรถช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่ารถของตนเองและรถคันอื่นที่จอดอยู่หายไป ตนเองจึงได้มีการส่งข้อความไปหาร้อยเวรทำนองว่า “รถของผมที่จอดอยู่สถานีเอาออกไปแล้วหรอ” แต่ก็เป็นเพียงแค่การส่งข้อความทิ้งเอาไว้ซึ่งก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ

 

จนกระทั่งวันที่  3 ตุลาคม มีการติดต่อมีโทรกลับมา เพื่อแจ้งว่าไม่มีใครย้ายรถ ซึ่งให้ไปถามไฟแนนซ์ว่า มีคนย้ายออกไปหรือไม่ หรือมีคนย้ายไปเก็บไว้ที่เก็บของกลางอื่นหรือไม่ ตนเองก็แปลกใจว่าทักข้อความไปหาตั้งแต่เดือนกันยายน แต่ทำไมเพิ่งติดต่อกลับมาเดือนตุลาคม

 

และภายหลังร้อยเวรแนะนำให้ตนเองไปตามที่อู่รถยกและที่เก็บของกลางอื่นรวมถึงติดต่อกับไฟแนนซ์  แต่ปรากฏว่าได้รับคำตอบว่าไม่มีการย้ายรถไปเก็บที่เก็บของกลางอื่น  และไฟแนนซ์ก็ยืนยันว่าไม่ได้มีการส่งใครมายกซากรถออกไป  เพราะสถานะในระบบยืนยันว่าไม่สามารถใช้รถได้ต่อและไม่รับคืนซาก ทำให้ตนเองตัดสินใจที่จะไปแจ้งความรถหาย  และหลังจากแจ้งความได้มีชุดสืบสวนของโรงพักเมืองสระแก้วบอกกับตัวเองว่ากำลังติดติดตามทวงหารถให้ แต่จนถึงทุกวันนี้ก็เงียบหาย จนกระทั่งมีเหยื่อและผู้เสียหายรายอื่นโผล่ว่ารถก็หายเหมือนกัน จึงแปลกใจว่ารถจอดอยู่ในพื้นที่ราชการหายไปได้อย่างไร และตั้งคำถามว่า ” แม้แต่รถที่จอดอยู่ในโรงพักยังหาย ประชาชนจะพึ่งใครได้“

 

แล้วตอนนี้แม้ว่าตนเองจะชะลอการจ่ายค่างวดรถ โดยทางไฟแนนซ์ก็ได้มีการหยุดรับค่างวดชั่วคราว แต่อยู่ระหว่างการฟ้องเพื่อดำเนินคดีในการเรียกค่าเสียหายและค่างวดที่เหลืออีก 223,000 บาท โดยตนเองก็จะต้องรอศาล ก่อนที่จะไปผ่อนจ่ายแบบลมๆแล้งๆ คนจ่ายกุญแจรถเพียงดอกเดียว แต่ไม่เห็นแม้แต่ซากรถและไม่รู้ว่ารถหายไปไหนด้วยซ้ำ

 

วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้เดินทางไปเจอกับ  นางสาวอารียา ทรงด้วงทุม ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของรถ กระบะ Chevrolet สีบรอน  ที่ประสบอุบัติเหตุ  เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566  ก่อนที่จะมีการว่าจ้างบริษัทรถยกในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ให้นำรถไปตรวจสอบเพิ่มเติมที่โรงพัก ก่อนที่จะพบว่ารถตัวเองหายไปเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา

 

นางสาวอารียา หรือป๊อบ เผยว่า ก่อนหน้านี้หลังจากที่รถประสบอุบัติเหตุ รถก็ถูกยกไปเก็บไว้ที่สนามหญ้าข้างกับโรงพักในพื้นที่ของโรงพักสระแก้ว และทุกครั้งที่ตนเองขับรถผ่านเวลาไปทำธุระแถวนั้น ก็จะเห็นว่ารถของตนเองยังจอดอยู่ในสภาพเดิม และหลังจากนั้นก็ขับผ่านบ้างบางครั้งแต่ก็ไม่ถี่ ผ่านไปก็ยังเห็นว่ารถจอดอยู่ในสภาพเดิมและจอดอยู่กับรถคันอื่น

 

จนกระทั่ง  ช่วงเดือนกันยายน 2566 มีหมายศาลจากศาลจังหวัดสระแก้ว ส่งมาจากบริษัทไฟแนนซ์ มีการให้ตนเองไปขึ้นศาลในคดีที่ไม่มีการจ่ายค่างวดรถ โดยหลังเกิดเหตุตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จนกระทั่งปัจจุบัน ตัวเองแจ้งกับไฟแนนซ์ว่ารถประสบอุบัติเหตุไม่สามารถที่จะชำระค่างวดได้เนื่องจากรถไม่ได้ใช้งาน และตนเองก็ตัดสินใจตัดสินใจไม่จ่ายค่างวดเป็นเวลาเกือบ8งวด จึงทำให้ทางบริษัทไฟแนนซ์มีการยื่นฟ้อง , และต่อมาวันที่ 19 ตุลาคม ตนเองไปขึ้นศาล ช่วงเช้า และปรากฏว่าศาลให้นำภาพหลักฐานซึ่งเป็นภาพรถที่อ้างว่าใช้การไม่ได้ให้นำมายืนยันกับศาล ตนเองจึงได้เดินทางกลับไปที่โรงพักสระแก้วซึ่งเป็นที่เก็บรถอุบัติเหตุของกลาง ในช่วงบ่าย เพื่อที่จะมีการถ่ายภาพมาส่งให้กับศาล แต่ปรากฏว่ารถหายไปจากจุดจอด ตนเองจึงเข้าไปถามร้อยเวร เจ้าของคดี ทางร้อยเวรอ้างว่าไฟแนนซ์มีการยกไปซ่อมหรือนำซากไปเก็บหรือไม่ หรืออีกทางคือมีการเคลื่อนย้ายไปเก็บที่เก็บของกลางชั่วคราวของโรงพัก คือ โอ๋รถยก หรือไม่ อยากรู้ว่ารถอยู่ที่ไหนให้ลองไปสอบถามและตามดูเอง

 

หลังจากที่ร้อยเวรบอกกับตนเอง  ส่วนตัวจึงได้โทรไปหาไฟแนนซ์ของรถธนาคารแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าทางไฟแนนซ์ของธนาคารดังกล่าวยืนยันว่ารถไม่สามารถใช้การได้และไม่รับซากคืน จะต้องมีการรับจ่ายค่างวดเท่านั้น และทางไฟแนนซ์ก็ยืนยันว่าไม่ได้มีการส่งใครไปยกรถออกมาจากโรงพัก หลังจากนั้นตนเองก็ได้เดินทางไปที่โอ๋รถยก ตามที่ตำรวจอ้างว่าเป็นที่เก็บของกลางชั่วคราว เพราะโรงพักไม่มีที่เก็บของกลาง ตนเองเดินทางไปตรวจสอบก็ปรากฏว่าไม่เจอรถเช่นเดียวกัน วันรุ่งขึ้นคือวันที่ 20 ตุลาคม จึงได้เดินทางไปแจ้งความว่ารถหาย และตนเองก็เพิ่งรู้นับตั้งแต่วันนั้นว่ารถของตนเองหายไปจากที่เก็บของกลางภายในภายในโรงพัก

 

และภายหลังที่ตนเองทราบว่ารถของตนเองหายจนกระทั่งปัจจุบันก็ยังติดตามทวงถามไม่ได้  จึงพยายามตามหาทุกวิถีทางและถามหาเบาะแสของรถ ว่าใครเป็นคนยกออกไป จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่เห็นแม้แต่ซาก ซึ่งตนเองก็เดินทางไปที่โรงพักพยามสอบขอดูกล้องวงจรปิด ทางโรงพักก็อ้างว่าดูย้อนหลังได้เพียงแค่3วัน จึงทำให้ตนเองไม่รู้ว่ารถของตนเองหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และใครเป็นคนเอาไป ส่วนตัวจึงตั้งคำถามว่า ตนเองจะต้องมีการจ่ายค่างวด อีก 250,000 บาท โดยที่เป็นการผ่อนลมผ่อนกับกุญแจเปล่า และรถก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนใครเป็นคนเอาไป ที่สำคัญรถอยู่ในพื้นที่ของส่วนราชการทำไมถึงหายไปไปได้ จึงตั้งคำถามว่าในฐานะประชาชนจะต้องทำอย่างไรกับเหตุการณ์ครั้งนี้ แล้วใครจะรับผิดชอบกับรถที่หายไป

 

อย่างไรก็ตาม นางสาวอารียา ยังเผยกับทีมข่าวอีกว่า หลังจากที่ข่าวของตนเองและรถอีกคันเริ่ม มีคนรู้มากขึ้น ทำให้มีรถอุบัติเหตุที่ถูกนำไปจอดในพื้นที่โรงพักอีกหลายคัน เริ่มทยอยมาให้ข้อมูลกับตนเองว่า มีรถของคนอื่นก็หายไปเหมือนกัน จึงไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอาไป และเอาไปจัดเก็บเก็บที่ไหน แต่โดยเบื้องต้นคนที่รถหายคนอื่นยังไม่แสดงตัว กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเข้าแจ้งความ

 

จากนั้นทีมข่าวช่องแปดยังได้ขึ้นไปที่ห้องวิทยุซึ่งเป็นสำนักงานด้านบนของโรงพักเมืองสระแก้ว  ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามที่ผู้กำกับให้ข้อมูลว่ากล้องวงจรปิดใช้การได้เพียงแค่3วัน โดยจากการตรวจสอบของทีมข่าวปรากฏว่ากล้องสามารถบันทึกย้อนหลังได้เพียง3วันจริง จึงไม่สามารถย้อนดูช่วงเดือนกันยายนหรือเดือนสิงหาคม ได้ เพราะกล้องดูได้เพียงแค่วันที่ 20,21,22 ตุลาคม เท่านั้น

 

และจากมุมกล้องที่มีการบันทึกภาพในกล้องวงจรปิดของโรงพัก  จะมีมุมกล้องที่สามารถเห็นบริเวณที่เก็บของกลางในคดี  และจะมีกล้องวงจรปิดที่เห็นรถอุบัติเหตุ จุด สนามหญ้า ที่การเก็บรถที่หายไป โดยกล้องวงจรปิดมีมุมกล้องชัดเจนแต่เพียงแค่ย้อนหลังไม่ถึงเท่านั้น ส่วนกล้องตัวอื่นเป็นการบันทึกภายในพื้นที่สำนักงานด้านหน้าและด้านในของโรงพักเท่านั้น

 

ขณะเดียวกันทีมข่าวตรวจสอบ Facebook ของ “ สถานีตำรวจภูธรเมืองสระแก้ว” ซึ่งมักจะมีการโพสต์กิจกรรมและความเคลื่อนไหวของทางสถานีสม่ำเสมอ และ Facebook ดังกล่าวมีผู้ติดตามประมาณ 15,000คน

 

โดยจากการตรวจสอบพบว่าเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2566 ได้มีการโพสต์ภาพกิจกรรม “ กิจกรรมพัฒนาหรือบิ๊กคลีนนิ่งเดย์“ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในโรงพักได้มีการทำความสะอาดและตัดหญ้าภายในพื้นที่ และปรากฏว่ามีการลงภาพนิ่ง ซึ่งจะเห็นว่า ใกล้กับที่เก็บรถอุบัติเหตุของกลาง โดยจากการสังเกตจุดจอดที่ใกล้กับสนามฟุตบอล ไม่มีรถของนางสาวอารียาและนายปรีชาจอดอยู่แต่อย่างใด แต่รถคันอื่นยังคงมีลักษณะจอดทิ้งเอาไว้แต่เริ่มแหว่งหายไปบ้างบางคัน

 

แต่เมื่อมีการตรวจสอบ Facebook ของสถานีตำรวจเมืองสระแก้วเพิ่มเติม  มีการโพสต์เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ปรากฏว่าในวันดังกล่าวมีการจัดกิจกรรมแข่งขันฟุตบอล ซึ่งถ่ายติดบริเวณที่เก็บรถอุบัติเหตุของกลางใกล้กับสนามฟุตบอล สังเกตว่าใต้ต้นไม้ยังคงมีรถเชฟโรเลตสีบรอนซ์ของนางสาวอารียาจอดอยู่ แต่ภาพดังกล่าวไม่เห็นจุดจอดของรถนายปรีชา , จึงยืนยันได้ว่าช่วงวันที่ 6 ก.ย รถของกลางที่ผู้เสียหายตามหายังคงจอดอยู่ในโรงพัก

 

วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวช่องแปดยังได้เดินทางไปที่สำนักงานโอ๋รถยก  ซึ่งพบว่าเป็นหนึ่งในบริษัทรถยกที่รับผิดชอบและทำธุรกิจในพื้นที่เมืองสระแก้ว โดยส่วนใหญ่จะให้บริการสำหรับเคลื่อนย้ายรถประสบอุบัติเหตุ และยกรถ รวมถึงรถสไลด์ และมีอาการให้บริการเกี่ยวกับรถเครน ในพื้นที่

 

นายสมหมาย เพ่งพินิจ อายุ 42 ปี เจ้าของอู่รถยก ในฐานะเป็นผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ พาทีมข่าวไปดูลานจอดรถกว้างหลัง ซึ่งเป็นที่จอดรถชั่วคราว โดยจะเห็นซากรถทั้งรถเก๋งรถกระบะและรถแวน ถูกนำมาจอดเรียงกันไม่ต่ำกว่า 30 คัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรถที่จอดนานเกินกว่า 1 ปี และเป็นรถที่ เป็นชนิดรถรุ่นเก่าเกือบทั้งหมด เกิดจากการเดินตรวจสอบรถทั้งหมดไม่มีรถยี่ห้อ Chevrolet ที่เป็นสีบรอนและสีน้ำเงิน ตามที่ผู้เสียหายอ้างว่าหายไปจากโรงพักจอดอยู่แต่อย่างใด , และหลังเกิดเหตุผู้เสียหายที่เป็นเจ้าของรถที่อ้างว่าหายไปจากโรงพักทั้งหมดได้มาตามดูรถเองในที่เก็บของกลางชั่วคราวในพื้นที่ของตัวเองแล้วแต่ก็ไม่เจอเบาะแสเช่นกัน

 

นายสมหมาย เผยว่า หลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวแล้วสำนักงานรถยกของตนเองกลายเป็นเป้า ว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการไปแอบยกรถหรือขโมยรถออกมาจากโรงพักนั้น ส่วนตัวขอชี้แจงกับสังคมว่า ตนเองไม่เคยมีส่วนกับการยกรถหรือกระทำผิด เพราะการยกรถเข้าหรือออกจากโรงพักทุกอย่างจะต้องมีใบบันทึกประจำวันหรือเอกสารจากไฟแนนซ์ทั้งหมด และที่สำคัญตนเองก็ไม่ได้พบเห็นรถ Chevrolet สีน้ำเงินและสีบอลตามที่ปรากฏเป็นข่าว พร้อมกับยืนยันว่าไม่ได้มีการยกมาฝากหรือเก็บเอาไว้ในพื้นที่ของตนเอง

 

และพื้นที่ของการจัดเก็บรถของกลาง  ที่เอามาเก็บไว้ในร้านพื้นที่กว้างบ้านของตนเองไม่ต่ำกว่า 30 คันนั้น เป็นเพียงแค่การฝากชั่วคราว แต่ไม่ได้มีการรับค่าจ้างหรือค่าฝากจากทางโรงพักแต่อย่างใด เพียงแค่ทางผู้กำกับโรงพัก ขอฝากพื้นที่เอกชนชั่ว ในการนำรถของกลางและรถอุบัติเหตุที่จอดอยู่ในพื้นที่โรงพัก มาฝากจอดชั่วคราว เพื่อที่จะปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในพื้นที่โรงพัก หลังจากปรับปรุงพื้นที่เสร็จแล้วก็จะยกทั้งหมดกลับไปเก็บไว้ในโรงพักเหมือนเดิม ดังนั้นรถแม้ว่าทั้งหมดจะมาเก็บในพื้นที่ของตนเอง ส่วนตัวก็มีส่วนได้เสียและเกี่ยวข้องกับรถของกลางเหล่านี้เพียงแค่ฝากเก็บเอาไว้ตามที่ผู้กำกับขอความร่วมมือเท่านั้น

 

สำหรับตนเองในฐานะที่ทำงานและให้บริการด้านรถยก  และเกี่ยวข้องกับอู่รถ ยืนยันว่ารถของกลางทั้งหมดหรือรถที่ประสบอุบัติเหตุ ถ้าหากไม่ใช่ไฟแนนซ์หรือเจ้าของรถเป็นผู้เคลื่อนย้ายหรือเอาออกมา หรือเอาไป ก็จะไม่มีใครสามารถที่จะดำเนินการเคลื่อนย้ายได้หรือนำไปทำลายซาก หรือนำไปขายต่อได้ในกรณีใดใดทั้งสิ้น เว้นแต่ว่าเจ้าของหรือไฟแนนซ์จะดำเนินการและมีใบแจ้งความ จึงจะเคลื่อนย้ายหรือดำเนินการได้ ฉะนั้นแม้ว่าตนเองจะให้บริการด้านรถยกหรือเป็นอู่รถ ก็ไม่สามารถไปประมูลหรือซื้อรถจากใครได้โดยพละการหากไม่ได้รับคำยินยอมจากเจ้าของหรือไฟแนนซ์

 

ละนอกจากนี้ ทีมข่าวช่องแปดยังมีการทดสอบโทรศัพท์ไปตามเบอร์โทรศัพท์ ที่มีสติกเกอร์ติดอยู่บนกระจกรถที่เป็นรถอุบัติเหตุ จอดอยู่ในพื้นที่โรงพักสระ ที่มีการระบุทำนองว่า ”รับซื้อซากรถ“ นั้น

 

โดยมีผู้ชายเป็นคนรับโทรศัพท์ ให้ข้อมูลทางโทรศัพท์กับทีมข่าวว่า “ ตนเองเป็นเพียงแค่อู่รถเล็ก ที่อยู่ในพื้นที่สระแก้ว โดยส่วนใหญ่ก็จะเอาสติกเกอร์ติดไปด้วยทุกครั้ง เวลาที่ไปเจอรถเก่าหรือรถเสีย ตนเองก็จะไปติดสติกเกอร์ เพื่อที่จะหวังฟลุ๊ค เผื่อเจ้าของจะขายซากหรือขายรถเก่าให้ตนเอง ซึ่งตนเองก็จะให้ราคาคันละประมาณ 60,000บานขึ้นไป ขึ้นอยู่กับเศษซากและอายุของรถ และในวันที่ตนเองไปติดสติกเกอร์ในโรงพักดังกล่าวก็จำได้ว่าหลายเดือนมาแล้ว ซึ่งตอนที่ไปติดรถที่หายไปก็ยังจอดอยู่ในโรงพัก จำได้ว่าหน้ารถที่หายไปตนเองก็ยังเคยเอาสติกเกอร์ไปติด ซึ่งรถจอดอยู่ครบทุกคัน แต่หลังจากเกิดเหตุก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารถหายไปไหน และยืนยันว่าไม่มีใครโทรมาให้ตนเองไปยกรถเหล่านั้นออกมาเช่นกัน”

 

ส่วนความคืบหน้าทางคดี  ล่าสุดวันนี้ได้มีคำสั่งจากผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัด สั่งการให้ชุดสืบสวนจังหวัดสระแก้ว ลงพื้นที่แกะรอยหารถที่หายไปจากโรงพัก พร้อมทั้งกู้ภาพจากกล้องวงจรปิดวงจร และไล่เส้นทางของรถต้องสงสัยที่คาดว่ามีการลากรถอุบัติเหตุของกลางออกไปจากโรงพักสระแก้ว เพื่อที่จะเชื่อมโยงในคดี

 

แล้วชุดสืบสวนยังได้ตั้งธงเอาไว้  คือ 1.คาดการณ์ว่าไฟแนนซ์ของรถมีการให้อู่นอกมายกไปขายซาก 2. มีขบวนการขโมยรถ  3. มีอู่รถมายกไปซ่อม ฉะนั้นการตั้งธงก็เพื่อที่จะไปไล่พิกัดและกลุ่มเป้าหมายเพื่อที่จะตามหารถ ก่อนที่จะขยายผลและมีการเรียกสอบต่อไป

โรงพักวุ่น! รถของกลางหายเช็กกล้องทำอึ้งเก็บภาพ 3 วัน หลักฐานเด็ดอยู่ในเฟซบุ๊ก สภ.