จากกรณีหญิงข้าราชการวัยเกษียณถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินศูนย์เงินกว่า 2 ล้านบาทตามที่ได้นำเสนอข่าวไปนั้น

วันนี้ (22 ต.ค.66) ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่สอบถามข้อมูลจาก พ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ สารบุญ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ในเรื่องดราม่าการให้บริการคุณยายนั้น เนื่องจากพื้นที่ของสน. ทุ่งมหาเมฆและสน. บางโพงพางใช้ตึกเดียวกัน ในส่วนของสน. ทุ่งมหาเมฆจะอยู่บริเวณชั้น 2 ของอาคาร ส่วนชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ของสน. บางโพงพาง ทำให้คุณยายต้องเดินขึ้นชั้น 2 และเมื่อวานคุณยายได้เดินทางมากับลูกชายเพื่อมาสอบถามข้อมูลจากร้อยเวร พร้อมกับให้ปากเพิ่มเติมกับร้อยเวรเจ้าของคดี และยังมีทางด้าน สอท มาร่วมสอบด้วย

 

ส่วนความคืบหน้า ของคดีนั้นเมื่อวานนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่  ตำรวจไซเบอร์ หรือ  สอท ได้มารับเรื่องด้วยตนเองทางสน. จึงประสานให้ตรวจสอบรายชื่อและเส้นทางทางการเงินของปลายทางบัญชีที่คุณยายได้โอนไปนั้น ขณะนี้ทางตำรวจได้ตรวจสอบรายชื่อแล้ว และได้ออกหมายเรียกไปยังปลายทางบัญชี ทั้งหมด 13 บัญชี มีบัญชีที่โอนเงินได้อยู่จำนวน 10 บัญชี ส่วนอีก 3 บัญชีนั้นไม่สามารถโอนเงินได้แล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งให้ทางธนาคารอายัดบัญชีดังกล่าวไว้แล้ว

 

ส่วนเรื่องการโอนคดีให้ทาง สอท นั้น อยู่ระหว่างการพูดคุย ถ้าทาง สอท ไม่รับโอนคดี ทางสน.ทุ่งมหาเมฆ และเจ้าของคดีก็จะทำคดีนี้เอง โดยประสานงานกับ สอท ซึ่งต้องใช้เวลาในการสืบสวนเพราะคุณยายผู้เสียหาย ได้โอนเงินผ่านบัญชีมากกว่า 10 บัญชี ซึ่งต่างจาก เคสเด็ก ม.6 ที่ปรากฏเป็นข่าวในก่อนหน้านี้

 

ล่าสุดวันนี้(22 ต.ค.66) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่ หมู่ 5 ตำบลแม่ลอย อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ซึ่งตามข้อมูลที่อยู่ดังกล่าว มีรายชื่อของ น.ส.กัญญารัตน์ เพชรรักษ์ เป็นคนเปิดบัญชีม้าให้กับขบวนการหลอกคุณยายซ่อนกลิ่นจำนวน 2 บัญชีด้วยกัน ก็คือบัญชีธนาคารกรุงเทพ และบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์

 

โดยเมื่อไปถึงหน้าบ้าน น.ส.กัญญารัตน์ อายุ 42 ปี ผู้ถูกกล่าวหา ก็ได้เดินออกมาเปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนเองไม่เคยมีบัญชีของธนาคารกรุงเทพ ส่วนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ก่อนหน้านี้เคยมี แต่ไปปิดบัญชีได้ประมาณปีกว่าๆแล้ว และตอนนี้ก็ถือบัญชีเดียวคือบัญชีของธนาคาร ธกส.

 

ส่วนเรื่องการนำบัตรประชาชนไปทำธุรกรรม ก่อนหน้านี้เคยเอารถไปเข้าไฟแนนซ์ แต่ผ่อนส่งไปหมดแล้ว ซึ่งตนเองเชื่อว่า พวกมิจฉาชีพน่าจะนำบัตรประชาชนของตนเองไปเปิดบัญชี เนื่องจากเมื่อปีที่แล้ว ตนเองเดือดร้อนเงิน ก็เลยลองกดสมัครไปกู้เงินในแอพปล่อยเงินกู้ทางเฟซบุ๊ก ซึ่งการสมัครกู้เงิน ตนเองลองกดแอพกู้ไป จำนวน 20,000 บาท และตอนนั้นเท่าที่จำได้ ทางแอพแจ้งให้ตนเองถ่ายบัตรประชาชนส่งไปให้ แต่ปรากฎว่า เมื่อสิ้นสุดการสมัคร ทางแอพแจ้งมาว่า ตนเองต้องโอนเงินไปให้ก่อน 10 เปอร์เซ็นต์ก็คือ 2,000 บาท แต่ตนเองไม่เชื่อ ก็เลยยกเลิกการกู้เงินในครั้งนั้นไป

 

ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันไม่เคยรู้จักกับยายซ่อนกลิ่น ไม่รู้จักเจ้าหน้าที่ ปปช. ไม่รู้จักตำรวจที่โทรและไลน์ไปคุยกับยายซ่อนกลิ่น และที่ผ่านมาก็ไม่เคยไปรับจ้างเปิดบัญชีที่ไหนมาก่อน ซึ่งส่วนตัวมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง แต่ไม่ได้เดือนร้อนเรื่องเงินจนต้องไปหลอกลวงใคร โดยวันนี้หากสามีกลับมาจากทำงาน ก็จะให้สามี พาไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำเอาไว้ว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ล่าสุดวันนี้ (22 ต.ค.66) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่ ตำบลแม่ลอย อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ซึ่งตามข้อมูลที่อยู่ดังกล่าว มีรายชื่อของ น.ส.กัญญารัตน์ เพชรรักษ์ เป็นคนเปิดบัญชีม้าให้กับขบวนการหลอกคุณยายซ่อนกลิ่นจำนวน 2 บัญชีด้วยกัน ก็คือบัญชีธนาคารกรุงเทพ และบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์  พบกับน.ส.กัญญารัตน์ อายุ 42 ปี ผู้ถูกกล่าวหา และเจ้าตัวได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหานั้น

 

ทีมข่าวช่องแปดได้มาพูดคุยกับนายตระกูล อายุ 59 ปี  ลูกชาย ของคุณยายซ่อนกลิ่น ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่นางสาวกัญญารัตน์ 1 ใน เจ้าของบัญชีม้าที่แม่ตัวเองโอนเงินไปให้เขา ได้ปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับแม่ และไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุนั้น ตัวเอง ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ รายละเอียดตัวเองทราบแต่เพียงว่าคนร้าย ได้โทรมาแจ้งเลขบัญชีจำนวนหลายบัญชีมาให้แม่ตัวเองโอนเงินไป ซึ่งแม่ของตัวเองก็ไม่รู้หรอกว่าปลายทางคือเลขบัญชีของใครบ้าง เพราะบุคคลที่แม่ตัวเองโอนเงินไปนั้นมีทั้งหมดถึง 13 รายชื่อ

 

และก่อนหน้านี้ ตัวเองก็เคยติดต่อไปยังบัญชีปลายทางหนึ่งบัญชี คือบัญชีของทรูมันนี่ ซึ่งเค้าก็บอกแบบนี้แหละว่าเขาไม่รู้จักกับแม่ตัวเอง และไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ส่วนความคืบหน้าทางคดี ตำรวจก็บอกว่าอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน และสืบหาตัวคนร้าย

 

ลูกชาย เล่าต่อว่า ตัวเองเรียกได้ได้เลยว่าที่ผ่านมาสภาพจิตใจเค้าบอบช้ำเป็นอย่างมาก ช้ำทั้งกายและจิตใจ  แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นกว่าวันก่อนก่อนแล้ว ด้วยตัวเองก็ต้องอยู่ดูแลแม่อย่างใกล้ชิด เพราะกลัวท่านจะขาดกำลังใจ

 

เหตุที่เกิดขึ้นตัวเองก็อยากฝากถึงกลุ่มคนร้ายว่า ให้หยุดพฤติกรรมแบบนี้ เพราะมันทำให้คนอื่นเดือดร้อน และอยากฝากถึง ผู้ดูแล กฎหมายของประเทศไทย ให้เพิ่มโทษเกี่ยวกับเรื่องการรับจ้างเปิดบัญชีม้า ให้บุคคลเหล่านั้นได้รับโทษสูง กว่านี้ เพราะถ้าโทษหนักขึ้น ก็ไม่มีใครกล้าที่จะรับจ้างเปิดบัญชีม้า แล้วก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อคนหมู่มากแบบนี้

 

สาวช็อกชื่อตรงบัญชีม้า ปัดเอี่ยวสูบเงินอาม่า 2.6 ล้าน โรงพักแจงทำไมต้องขึ้นตึก