พ่อทำร้ายลูกวัย 1 ขวบ ทั้งตบหน้าเอาเท้าเหยียบไปที่คอหน้าอกบีบคอซ้ำ และ กระทืบลูก ถ่ายคลิปส่งให้เมียเพื่อบังคับให้คืนดี
วันนี้ (24 ต.ค.66) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง จึงเป็นตัวแทนของแม่เด็ก เข้าพบ พันตำรวจโท ณรงค์ แป้นปลื้ม รองผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก เพื่อให้ช่วยเหลือติดตามคดี เนื่องจากแม่ของเด็กไม่กล้ามาเพราะอยู่ในความหวาดกลัว
นายกัณฐัศว์ หรือกันจอมพลัง ระบุว่า วันนี้ ตนเองเดินทางมายัง สน.หัวหมาก พร้อมกับ เจ้าหนาที่กรมกิจการเด็กและเยาวชน โดยระบุว่า จากที่ผ่านมาตนเองได้รับร้องเรียนมาจาก นางสาว เจน (นามสมมุติ) แม่เด็ก ร้องขอให้ตนช่วยเหลือ เนื่องจากเด็กชาย บอม (นามสมมุติ) หนูน้อยวัย 1 ขวบ อยู่กับพ่อสองคนตามลำพัง และเมื่อเวลาพ่ออยู่กับเด็กนั้น
พ่อเด็กจะชอบถ่ายคลิปเวลาทำร้ายร่างกายเด็ก อย่างรุนแรง ตนขอยกตัวอย่างเพียงแค่อย่างเดียวคือ พ่อเด็กเอาเท้าเหยียบไปที่บริเวณคอของเด็ก จนเด็กแทบจะหายใจไม่ออก จนหยุดร้อง นิ่งไป คาดคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว
และเมื่อเด็กกลับมาร้องเสียงดังอีกนั้นพ่อก็ยังคงบีบคอเด็กซ้ำอีก ตนเองเห็นคลิปแล้วรู้สึกโกรธเป็นอย่างมากต้องช่วยเหลือให้ได้เร็ว ตนอยากรู้ว่าเพราะเหตุใด สิ่งที่ทำไปนั้นต้องการเพียงให้แม่กลับมาคืนดีด้วยและมิหนำซ้ำอีกทั้งในเฟซบุ๊กของพ่อเด็ก ลงรูปลงคลิป เสมือนรักเด็ก รักลูกเป็นอย่างมาก เหมือนทำให้ เห็นว่าเป็นคนดี
แต่ในทางกลับกัน พ่อเด็กเองนั้นมักจะชอบส่งคลิปวิดีโอทำร้ายร่างกายเด็กให้กับแม่เด็กดูในลักษณะเชิงข่มขู่เพื่อต้องการให้ แม่เด็ก กลับมาคืนดีด้วย
โดยในวันที่ส่งคลิปคลิปทำร้ายร่างกายน้องมานั้น คลิปค่อนข้างหนัก และรุนแรงมาก ตนเองต้องนำเด็กออกมาจากพ่อเด็กให้ได้
จึงได้ประสานหัวหน้าบ้านพักเด็ก พม. และ ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินทางมาพบ พ.ต.ท. ณรงค์ แป้นปลื้ม รอง ผกก.สอบสวน .สน.หัวหมาก
ตนเองจะขึ้นประชุมวางแผนและบุตรทันทีเนื่องจากแม่เด็กนั้นให้ข้อมูลมาว่าพ่อเด็กมีอาวุธปืนติดตัวอยู่ด้วยจึงต้องเตรียมการประชุมและจัดกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อที่จะไปบุกบ้านของพ่อเด็กเพื่อที่จะได้นำเด็กออกมาจากพ่อเด็กและอยู่ในการดูแลของพม.
ตนเองอยากตั้งคำถามว่าคุณมีความเป็นพ่อหรือไม่ที่เอาลูก มาเป็นเครื่องช่วยให้แม่เด็กกลับมาคืนดี
ซึ่งหลังจากที่แม่เด็กเลิกกับพ่อเด็กนั้นพ่อเด็กมักจะถ่ายคลิปลักษณะนี้ในการทำร้ายร่างกายลูกส่งให้กับแม่เด็ก เป็นประจำกว่าหลายคลิป แต่ในครั้งนี้ที่มีคลิปวิดีโอมานั้นเพราะแม่เด็กสามารถกดเซฟไว้ได้ทันเพียงแค่ 1-2 คลิป
ตอนนี้แม่เด็กจำเป็นต้องหนีตัวออกไปพักอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยเนื่องจากว่าพ่อเด็กนั้นมีอารมณ์ค่อนข้างรุนแรง
ต่อมาตำรวจ สน.หัวหมาก พร้อมอาวุธครบมือ นำกำลังเข้าไปที่แคมป์พักคนงานในซอยศรีนครินทร์ 8 ซึ่งเป็นที่อยู่ของพ่อและเด็กที่ถูกทำร้าย แต่เมื่อไปถึงพี่ชายของพ่อเด็กบอกว่าผู้ก่อเหตุอยู่ในห้องกับลูก ตำรวจจึงได้เข้าไปตรวจสอบในห้อง เคาะเรียกให้ออกมาแต่ไม่มีใครเปิดประตูให้ จนกระทั่งมาทราบว่าผู้ก่อเหตุได้อุ้มเด็กหลบหนีออกไปทางกำแพงด้านหลังของแคมป์คนงาน ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวและตรวจสอบเส้นทางที่หลบหนี
หลังตำรวจใช้เวลาตรวจค้นประมาณ 20 นาที พบว่าพ่อของเด็กไม่ได้หนีออกทางกำแพงด้านหลังแคมป์คนงาน แต่นำลูกชายไปหลบซ่อนอยู่ในห้องของคนงานคนอื่น เจ้าหน้าที่ พม.ตำรวจจึงแยกตัวเด็กออกมาเพื่อความปลอดภัย จากนั้นตำรวจได้เชิญตัวพ่อของเด็กไปสอบปากคำเพิ่มเติม
ทราบภายหลังว่าพ่อของเด็กคือ นายวิชิต ระหว่างที่ตำรวจนำตัวนายวิชิตออกมา ผู้สื่อข่าวได้พยายามถามนายวิชิตว่าทำไมถึงทำรุนแรงกับเด็ก นายวิชิตบอกว่าตนไม่ได้ทำร้ายเด็กและไม่ได้ลงมือรุนแรง ภาพที่เห็นเป็นเพียงแค่การแสดงเท่านั้น ที่ทำไปเพราะต้องการประชดอดีตภรรยา อยากให้กลับมาอยู่ด้วยกัน มานั่งคุยกัน ซึ่งยอมรับว่าตนกับภรรยามีปัญหาระหองระแหงกันมาตลอด และทุกครั้งที่มีปัญหาอดีตภรรยาก็จะอุ้มลูกหนีไป ตนก็ไปตามกลับมาทุกครั้ง จึงอยากถามกลับว่าตนเองทำอะไรผิด ทั้งที่ตัวเองเป็นคนหาเงินและเลี้ยงดูทุกอย่างและให้ทุกอย่าง
นายมนตรี อายุ 50 ปี พี่ชายของนายวิชิต เผยว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นน้องชายทำร้ายลูกเขารักลูก ส่วนปัญหาอะไรครอบครัวตนไม่ทราบ ซึ่งตนได้บอกน้องชายกับภรรยาของเขาว่าถ้าอยู่ด้วยกันขอให้อยู่ด้วยกันดี ๆ อย่าทะเลาะกัน ห้องของตนอยู่ติดกับห้องพักของน้องชายไม่เคยเห็นทำร้ายร่างกายลูกเลย รับประกันได้
ตนมองว่าหากเป็นการทำร้ายลูกเพื่อประชดก็ไม่น่าจะไปทำกับลูก “ขนาดหมามันยังรักลูกเลย นี่เราเป็นพ่อ” ตนก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็เพิ่งเห็นคลิป สงสารหลาน ไม่คิดว่าน้องชายจะทำกับลูกตัวเองแบบนี้ เห็นแล้วก็ตกใจ ที่ผ่านมาครอบครัวของน้องชายก็อยู่ด้วยกันปกติ
ยืนยันไม่เคยเห็นทำร้ายเด็ก แต่ได้ยินเสียงร้องไห้บ้าง และเคยได้ยินเสียงน้องชายทะเลาะกับภรรยาบ้าง ตนเองก็เข้าไปห้ามปราบ ส่วนที่ภรรยาของน้องชายหนีไปนั้นตนไม่ทราบ ที่ผ่านมาก็คิดว่าน้องชายกับภรรยารักกันดีน่าจะอยู่ด้วยกันได้ แต่พักหลังก็เห็นภรรยาของน้องชายหนีไปบ่อยครั้ง บางครั้งก็อุ้มลูกหนีไปด้วย ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกัน ทั้งคู่เพิ่งเลิกกันได้ประมาณเดือนกว่า ส่วนเรื่องอาวุธปืนตนเองไม่ทราบ
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำที่รุนแรงของน้องชายนั้น ตนเองพูดไปก็เหมือนน้ำท่วมปาก ทุกคนก็คงมองออก แต่ตนเองก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะสงสารหลาน ถ้าจะทำไปเพราะประชดก็อย่าทำแบบนี้ ส่วนเรื่องดื่มสุราหรือใช้ยาเสพติดหรือไม่นั้นตนเองไม่รู้ ยืนยันไม่ปกป้องน้องชาย
ขณะที่ต่อมา นางสาว อ้อ (นามสมมุติ) อดีตภรรยานายวิชิต ซึ่งเป็นแม่ของเด็กที่ถูกทำร้าย ได้เดินทางไปให้ปากคำกับตำรวจด้วย หลังสอบปากคำนานกว่า 4 ชั่วโมง ได้เปิดเผยว่าตนคบกับอดีตได้ประมาณ 2 ปี แต่เพิ่งขอแยกทางกันช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา หลังจากนั้นอดีตสามีก็ทำร้ายลูกและส่งคลิปวิดีโอให้ตนดูถึง 2 ครั้ง ส่วนเหตุผลที่ลงมือทำร้ายลูกเพราะประชด ต้องการให้ตนกลับไปอยู่ด้วย กลับไปเลี้ยงลูก แต่ตนไม่อยากกลับไปแล้วเพราะอดีตสามีเป็นคนอารมณ์ร้อน อารมณ์รุนแรง ตอนอยู่ด้วยกันก็เคยทำร้ายร่างกายตนมาก่อน ทั้งเตะ ขู่จะเอาปืนมายิงและขู่จะเอามีดมาแทง
ส่วนสาเหตุที่ได้ไม่เอาลูกไปอยู่ด้วยเพราะอดีตสามีล็อกหน้าต่างประตูไว้ จึงเอาลูกไปอยู่ด้วยไม่ได้ แต่หลังจากนี้ตนจะเอาลูกไปเลี้ยงเอง แต่ก็ยอมรับว่ายังหวาดกลัวอดีตสามีอยู่
โดยทีมข่าวได้เข้าไปดูข้อมูลจากเฟฐบุ๊กของพ่อเด็ก เจ้าตัวได้โพสต์ภาพ พร้อมข้อความว่า บางคนมีแต่ความสุขส่วนกูต้องแบกรับทุกอย่างมีแต่ความทุกข์ แต่ก็ไม่เป็นไรกูจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะเลี้ยงลูกได้ ให้กูทิ้งลูกกูยิงตัวตายดีกว่า
ต่อมาเป็นโพสต์ลูกกำลังนอนดื่มนม พร้อมแคปชั่นระบุข้อความว่า บางครั้งเราเหนื่อย เราโมโหให้ลูกแค่ไหน แต่ได้เห็นรอยยิ้มของลูกเวลาลูกเรียกพ่อ เวลาลูกเห็นเรารีบวิ่งมาหา เวลาลูกยิ้ม เวลาลูกหัวเรา แม่งจุดนั้นความโมโหความเหนื่อยหายหมดเลย