จากกรณีเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม เวลาประมาณ 19.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าวังผา ได้รับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาทใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกาย ที่บ้านหลังหนึ่ง ต.ยม อ.ท่าวังผา จึงรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบแต่ร่องรอยเลือด ส่วนผู้ที่จะได้รับบาดเจ็บทางญาติได้นำส่งโรงพยาบาลแล้ว ทราบชื่อ นายบุญไป่ อายุ 62 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุ ชื่อ นายอมรเทพ อายุ 33 ปี (น่าจะมีอาการมึนเมา) ลูกติดภรรยา นางคำแปลง อายุ 54 ปี

ซึ่งต่อมานายบุญไป่ได้เสียชีวิต จากการตรวจชันสูตรพลิกศพว่า มีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมเข้าที่บริเวณหน้าอก 5-7 แผล ส่วนผู้ก่อเหตุตำรวจได้คุมตัวไปสอบปากคำต่อที่ สภ.ท่าวังผา ซึ่งเจ้าตัวอ้างกับตำรวจในเบื้องต้นว่าเป็นการป้องกันตัว เนื่องจากป้องกันแม่



ล่าสุดวันนี้ (24 ตุลาคม 2566) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยัง สภ.ท่าวังผา จังหวัดน่าน โดยบรรยากาศเมื่อเวลา 09.30 น. ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ต้องเข้าไปตรวจสอบหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจาก นายอมรเทพ ผู้ก่อเหตุให้การกับตำรวจในเบื้องต้นว่า ตอนเกิดเหตุได้แทงพ่อเลี้ยงไปแค่ 3 ครั้ง ซึ่งไม่ตรงกับหลักฐานในที่เกิดเหตุ เนื่องจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นำของกลางทั้งหมดออกมาตรวจสอบพบว่า มีดที่นายอมรเทพใช้ก่อเหตุ เป็นมีดปลายแหลมความยาว 25 เซนติเมตร ส่วนเสื้อของนายบุญไป่ ผู้ตาย มีเลือดเปื้อนและร่องรอยถูกมีดแทงเป็นรอยฉีดขาดทั้งหมด 5 จุด

ทำแผนวุ่น ญาติปรี่ประชาทัณฑ์ลูกเลี้ยงฆ่าพ่อเลี้ยง - ยกมือไหว้ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ

ตำรวจนำตัวนายอมรเทพ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในช่วงบ่าย ในเวลา 15.07 น. ซึ่งบรรยากาศเมื่อรถตู้ของตำรวจไปถึงหน้าบ้าน ก็จะมีบรรดาญาติ ๆ และชาวบ้านยืนรอดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ต่างสาปแช่งในพฤติกรรมของนายอมรเทพที่ก่อเหตุแทงนายไป่พ่อเลี้ยงจนเสียชีวิต

โดยการทำแผนจุดแรกทางตำรวจได้นำตัวนายอมรเทพ ขึ้นไปชี้จุดที่กลางบ้าน ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นจุดที่มีปากเสียงกับผู้ตาย ก่อนจะก่อเหตุ



จากนั้นจุดที่สอง นายอมรเทพ ได้พาตำรวจไปชี้ที่ห้องครัวหลังบ้าน ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นจุดที่ นายอมรเทพ วิ่งไปหยิบมีดภายในห้องครัว กระทั่งได้พาตำรวจย้อนกลับมาชี้จุดแรกซึ่งเป็นจุดที่วิ่งถือมีดไล่พ่อเลี้ยง แต่พ่อเลี้ยงวิ่งหนีลงไปข้างบ้าน นายอมรเทพ จึงอธิบายกับตำรวจว่า หลังจากพ่อเลี้ยงวิ่งหนีลงไปจากบ้าน เจ้าตัวได้กระโดดตามพ่อเลี้ยงลงไปที่ข้างบ้าน

กระทั่งตำรวจได้พาตัวนายอมรเทพ ไปชี้จุดที่ตามไปก่อเหตุแทงพ่อเลี้ยงตรงใต้ต้นไม้ และนายอมรเทพ ก็ยังยืนยันกับตำรวจว่า แทงไปแค่ 3 ครั้ง จำไม่ได้ว่าพ่อเลี้ยงซึ่งถือปืนอยู่วิ่งไปล้มลงตรงไหน

ซึ่งระหว่างที่ตำรวจพาเดินไปชี้ตรงกองเลือดของคนตาย มีญาติของผู้ตาย ได้เดินมาข้างหลัง และพยายามถามกับนายอรมเทพ ว่า "ถามหน่อยนะ ตอนก่อเหตุเอามือข้างไหนแทง กูขอให้มึงไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เกิดมาชาติหน้าก็ขอให้มึงไม่มีตีนมีมือ"

หลังจากนั้นเมื่อชี้จุดแทงเสร็จ ตำรวจได้พานายอมรเทพ เดินไปขี้จุดที่ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ แต่เหตุการณ์ก็บานปลาย เนื่องจากทางญาติเริ่มมีอารมณ์และพยายามเดินเข้าไปที่ตัวนายอมรเทพ ซึ่งตัวนายอมรเทพ ก็พยายามหันไปบอกกับญาติ ๆ ว่า "ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมขอโทษ"



จนกระทั่งเมื่อถึงขั้นตอนสุดท้ายในการชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตำรวจได้นำตัวนายอมรเทพ ไปยืนชี้จุดสุดท้าย ก็คือที่หน้าบ้าน เนื่องจากก่อนที่จะมาทำแผน นายอมรเทพ ให้การกับตำรวจว่า หลังก่อเหตุขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่จะมายืนรอมอบตัวกับตำรวจ

ระหว่างที่นักข่าวกำลังยืนถามกับนายอมรเทพ เรื่องว่าทำไมต้องอาบน้ำหลังก่อเหตุ จู่ ๆ ยายคนเดิมก็เดินเข้ามาถามกับนายอมรเทพอีกครั้งว่า "มึงเอามือข้างไหนแทง" ซึ่งนายอมรเทพ ก็ยกมือไหว้ และตอบไปว่า "ไม่มีใครอยากจะให้เรื่องมันเกิดหรอกยาย"

โดยเหตุการณ์นี้ก็เหมือนจะจบอย่างเรียบร้อยในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ไม่จบ เนื่องจากมีหลานสาวของผู้ตาย ตีเนียนเข้ามายืนถ่ายรูป และระหว่างที่ตำรวจเผลอ หลานคนดังกล่าวได้กระโดดถีบไปที่นายอมรเทพ จนตำรวจต้องคุมตัวนายอมรเทพ ไปขึ้นรถเพื่อออกจากพื้นที่

เปิดนาทีก่อนลูกเห็นภาพหลอน ลงมือสังหารพ่อเลี้ยง

หลานของผู้ตายที่อยู่บ้านติดกันกับบ้านที่เกิดเหตุ ได้ส่งคลิปเสียงที่ถ่ายเอาไว้ตอนเกิดเหตุให้กับตำรวจ โดยคลิปดังกล่าว เป็นคลิปที่ถ่ายจากบ้านติดกันจะไม่เห็นเหตุการณ์ตอนเกิดเหตุ แต่จะได้ยินเสียงว่าพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยงมีการส่งเสียงทะเลาะกันเสียงดัง จากนั้นก็จะได้ยินเสียงพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยงต่อสู้กัน แล้วก็จะได้ยินเสียงแม่ของนายอรมเทพ คนก่อเหตุ ส่งเสียงร้องขึ้นมาว่าใครก็ได้ช่วยด้วย



โดย น.ส.ยุวรี อายุ43 ปี เป็นหลานของผู้ตายและเป็นคนถ่ายคลิป เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ก่อนที่จะถ่ายคลิป ตนเองได้ยินเสียงทั้งสามคนทะเลาะกันและมีเสียงขวดแตก จากนั้นก็ได้ยินเสียงนางคำแปลง พูดขึ้นมาว่า อย่าทำ ๆ พอแล้ว ๆ ใครก็ได้ช่วยที ตนเองก็เลยตัดสินใจวิ่งออกไปดู ปรากฏว่าเมื่อไปถึงตรงจุดเกิดเหตุก็เห็นอาก็คือนายบุญไป่ นอนจมกองเลือดโดยมีไส้ทะลักออกมาจากท้อง ส่วนนางคำแปลงก็นอนร้องไห้กอดนายบุญไป่อยู่ในที่เกิดเหตุ กระทั่งญาติ ๆ ได้พยายามนำตัวนายบุญไป่ ขึ้นรถเพื่อไปส่งโรงพยาบาล แต่นายบุญไป่เสียชีวิตกลางทาง



สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าก่อนจะเกิดเหตุ ตนเองเคยเตือนอาแล้วให้ระวังตัว ส่วนเรื่องที่นายอมรเทพ คนก่อเหตุอ้างว่า ก่อเหตุเพราะป้องกันตัวและแทงไปแค่ 3 ครั้ง ทางครอบครัวไม่เชื่อ เนื่องจากนายบุญไป่ เป็นคนใจเย็น ไม่มีทางที่จะหยิบปืนขึ้นมายิงใครง่าย ๆ และบาดแผลที่ญาติไปเห็นที่โรงพยาบาลก็มีมากกว่า 3 แผล

มือฆ่าเปิดปากไม่ได้หลอน ฆ่าเพราะช่วยแม่ถูกพ่อทำร้าย

นายอมรเทพ บอกว่า ก่อนก่อเหตุเห็นพ่อเลี้ยงยืนทะเลาะอยู่กับแม่ จากนั้นพอเห็นพ่อเลี้ยงผลักแม่ก็เลยวิ่งเข้าไปป้องกันตัวให้แม่ ยืนยันตนเองไม่ได้ทะเลาะกับพ่อเลี้ยง ซึ่งปืนที่ตำรวจนำมาตรวจสอบในวันนี้ เป็นปืนที่พ่อเลี้ยงใช้ขู่ตนเองตอนที่เข้าไปช่วยแม่ และขอยืนยันว่าตอนก่อเหตุแทงไปแค่ 3 ครั้ง ไม่รู้แผลที่มีมากกว่านั้นเกิดจากอะไร ขอโทษครอบครัวพ่อเลี้ยง ไม่ได้ตั้งใจก่อเหตุ



ส่วนเรื่องที่หลานของพ่อเลี้ยง บอกกับนักข่าวว่า เห็นตนชอบนั่งพูดคนเดียว จริง ๆ แล้วตนเองไม่ได้บ้า ไม่ได้หลอน และไม่ได้เสพยา แต่การพูดคนเดียวเป็นการพูดกับเกม และเรื่องที่ญาติพ่อเลี้ยงกล่าวหาว่าตนเองไม่ทำงานเกาะแม่กิน ยืนยันตนทำงาน เพราะว่าก่อนเกิดเหตุ ตนเองเพิ่งกลับมาจากทำงาน และไม่เคยมีความแค้นกับพ่อเลี้ยงมาก่อน

แม่ยอมรับ ลูกชายเคยมีประวัติจิตเวช แต่เขาไม่ได้บ้า ขอโทษครอบครัวสามี ยันไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้

ล่าสุดวันนี้ ทีมข่าวได้ไปเจอกับนางคำแปลง อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของนายบุญไป่ ผู้ตายและเป็นแม่ของนายอมรเทพ ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนเองไม่เคยคบหากับผู้ตายในขณะที่ภรรยาเขายังไม่ตาย แต่หลังเมียของนายบุญไป่ตายไปแล้ว ตนเองได้มีโอกาสไปพบรักกันกระทั่งเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม นายบุญไป่ได้นำสินสอดเป็นทอง 50 สตางค์ มาขอตนเองกับแม่ ซึ่งด้วยความที่ตนเองก็ผัวตายไปแล้ว จึงตัดสินใจยอมแต่งงานกับนายบุญไป่

จากนั้นนายบุญไป่ก็พาตนเองเข้าไปอยู่ในบ้าน ก่อนจะไปอยู่ก็ได้ตกลงกันแล้วว่าจะเอาลูกไปอยู่ด้วย ซึ่งยืนยันว่าระหว่างที่ตนกับลูกเข้าไปใช้ชีวิตในบ้านของนายบุญไป่ ตนกับลูกไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกันแม้แต่ครั้งเดียว



จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ประมาณทุ่มกว่า ๆ หลังจากที่ตนกลับมาจากทำงาน ก็ได้มีปากเสียงกับนายบุญไป่ในเรื่องของการหากับข้าวกิน ซึ่งระหว่างที่ลูกชายเดินผ่านโต๊ะกินข้าวในบ้าน นายบุญไป่ได้พูดแขวะลูกชายว่า "มึงต้องพิจารณาตัวเองด้วยนะ" โดยลูกชายก็หันไปถามว่าเป็นอะไรเหรอ ซึ่งเมื่อตนเองเห็นท่าไม่ดี จึงแยกทั้งสองคนออกจากกัน แต่ปรากฏว่านายบุญไป่ สามีไม่พอใจคิดว่าเข้าข้างลูกจึงพยายามยกเก้าอี้ขึ้นมาจะทุ่มใส่ตนเอง ทำให้ลูกวิ่งเข้ามาผลักนายบุญไป่

จากนั้นก็มีปากเสียงกันรุนแรงขึ้น กระทั่งนายบุญไป่ได้เข้าไปหยิบปืนในห้องขึ้นมาถือขู่ เมื่อลูกชายเห็น เขาก็วิ่งเข้าไปหยิบมีดในครัว แต่ตนเองก็ปิดประตูไม่ให้นายบุญไป่ออกไปเจอกับลูก แต่สุดท้ายนายบุญไป่ก็เปิดประตูห้องวิ่งไล่กันลงไปข้างล่างบ้าน ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นเหตุการณ์ตอนที่ลูกชายแทงสามี เนื่องจากเขาไปมีเรื่องกันข้างล่างบ้าน พอไปเห็นอีกทีสามีก็นอนแน่นิ่งไปแล้ว ส่วนลูกชายก็วิ่งขึ้นไปอาบน้ำล้างเลือดเพื่อรอมอบตัวกับตำรวจ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองยืนยันพยายามตะโกนเรียกญาติสามี ให้เข้ามาช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีใครเข้ามาช่วย

ส่วนเรื่องที่ลูกชายคุยคนเดียว แม่ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ลูกชายเคยมีประวัติเข้ารักษาอาการจิตเวช แต่เขาไม่ได้เป็นบ้า เพราะเขาไม่เคยขาดยาและรักษาอาการอยู่ตลอด ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นตนเองรู้สึกเสียใจมาก วันนี้เมื่อตอนเย็นที่ผ่านมา พยายามจะเข้าไปขอดูศพสามี แต่ก็ถูกญาติสามีสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปที่งานศพ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พูดไปทั้งหมดไม่ได้เข้าข้างลูก ยอมรับลูกผิดที่ไปฆ่าสามี ขอโทษครอบครัวสามีแทนลูกชาย ยืนยันเรื่องแบบนี้มันไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้น

ร่วมประชาทัณฑ์ ลูกโหดฆ่าพ่ออ้างปกป้องแม่กันถูกยิง พยานแฉทำพวกอยากตื้บเงิบ