"ชาดา" สั่ง ลูกเขยลาออกทันที หลังตำรวจปล่อยตัว ไม่ให้อยู่ถ่วงความเจริญ ชี้ รับผิดชอบแล้วในฐานะ "มท.3" ของขึ้น!!ขู่ ด้อม-AI อย่าเอาลูกหลานมาเอี่ยว เตือนหากหาอวตารไม่เจอ จะเล่นคนแถวหน้า สำนึกใส่กะลาหัวด้วย อย่าให้เกิดสงคราม โอด จับคนใกล้ชิดก็ว่า ไม่จับก็ด่า แล้วจะให้ตนทำอย่างไร

วันที่ 25 ต.ค. 66 นายชาดา ไทยเศรษฐ์ เอ่ยปากชี้แจง เรื่องลูกเขยที่ถูกจับคดีเรียกรับสินบนผู้รับเหมา ก่อสร้างระบบน้ำประปาครั้งแรก โดยขอตอบในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า ตนเคยพูดไว้แล้ว จะเก็บกวาดบ้านตัวเองก่อน เมื่อเกิดเรื่องนี้ ตนได้ติดต่อหาผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ขอให้สั่งพักปฏิบัติหน้าที่ของนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยไว้ก่อน

"จำไว้นะครับ ฟังดีๆ ใช้สมองคิด การพักปฏิบัติหน้าที่ของทุกแห่งในการปกครองส่วนท้องถิ่น คือเอารองนายกของทีมนั้น ขึ้นมารักษาราชการแทน ท้องถิ่นนั้นก็จะอยู่แบบซังกะตาย จนกว่าจะครบวาระ รับผู้บริหารสามารถกลับเข้ามาในช่วงสมัยได้ คดีหลุด ก็มาบริหารราชการต่อ แต่บางคนก็อยู่สู้คดีจนหมดวาระ ซึ่งเมื่อวานลูกเขยผมได้รับการประกันตัว ผมก็คุยกับลูกเขยผม ลูกเขยก็ขอโทษ ผมก็บอกว่าไม่ต้องมาพูดอะไรกัน เราครอบครัวเดียวกัน ผมบอกกับเขาว่าสิ่งที่คุณต้องทำ คือการลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี เพื่อให้จังหวัดจัดการเลือกตั้งใหม่ หากไม่ทำอย่างนี้ และรอให้การสู้คดีเสร็จ จะเป็นการเอาเปรียบ และปล่อยทิ้งพี่น้องประชาชน .ลุกดู่ "

นายชาดา กล่าวต่อว่า เมื่อมีการลาออกกระบวนการต่อไป คือการจัดการเลือกตั้งใหม่ ใครจะลงก็ว่าไปตามระบบ ถือเป็นมาตรฐานการเมืองท้องถิ่นของไทย "ผมกำลังจะบอกว่านี่คือมาตรฐานครับ นายวีระชาติ รัศมี ลาออกเมื่อเวลา 23:00 น ที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนได้ไปเลือกตั้งต่อ ไม่ใช่บอกว่าคดียังไม่สิ้นสุด คนที่จับกุมเขาเสียความรู้สึก อะไรวะกลับมาวันนี้พรุ่งนี้ไปเป็นนายกต่อ พี่เต่า (พล...จรูญเกียรติ ปานแก้ว บก.ปปปรท.บก.ทล.) โทรหาผม ในคดีอื่นนะครับ ในคดีนี้ ผมเห็นว่าการพักปฏิบัติหน้าที่ เป็นการถ่วงความเจริญ และไม่มีสปิริตทางการเมือง นี่คือสิ่งที่ผมทำในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และในฐานะคนใกล้ชิดผมต้องแสดงสปิริตมากกว่าคนอื่น "

นายชาดา กล่าวแบบมีอารมณ์ฉุนเฉียว ว่า จับคนใกล้ชิดก็ว่า ไม่จับก็ด่า แล้วจะให้ตนทำอย่างไร ด้วยความเคารพครอบครัว ตนไม่มีปัญหา ตนในฐานะพ่อต้องโอบกอดลูกทุกคน ด้วยความรักและความอบอุ่นเดินและไปด้วยกัน ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ครอบครัวตนก็รักกัน และตนได้ทำหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ตนจึงขอร้อง ด้อมต่างๆ AI อย่าเอารูปลูกหลานของตนมาออกข่าว จะด่าตนก็ด่าไป คุณมี สิทธิ์ด่านายชาดา แต่วันหนึ่งคุณจะเสียใจที่ด่าตน แต่อย่าเอารูปลูกหลานของตน มาออกเดี๋ยวจะเกิดสงครามโซเชียล หากตนหาอวตารไม่เจอ ก็จะเอาคนที่อยู่เบื้องหน้า ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นสังคมจะอยู่อย่างไร คนไทยต้องรักกัน

" สำนึก สำนึก ในกะลาหัวว่าวันนี้ ถ้าเกิดสงครามโลก นายกฯปวดหัวทุกวันกับอิสราเอล ไม่ใช่มาด่ากันอยู่แบบนี้ มันไม่สร้างสรรค์"

หลังจากนั้นนายชาดา ได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที โดยมี สส.พรรคภูมิใจไทยและ สส.พรรคพลังประชารัฐ มาคอยให้กำลังใจ และทันทีที่นายชาดา หันไปเจอหน้าของลูกสาว (ไม่ใช่คนที่เป็นภรรยาของนายกเทศมนตรี) ได้ดึงลูกสาวเข้ามาหอมและกอดแสดงความรัก จากนั้นก็เดินทางกลับทันทีและจะขอชี้แจงเพียงเท่านี้