"เศรษฐา" สวมเนคไทสีส้ม-ถุงเท้าเขียว ตอบกระทู้ถามสดแรกของสภาฯ ถึงผลการเดินทางเยือนหลายประเทศ มั่นใจดึงการลงทุนเพิ่ม พร้อมแผนช่วยแรงงานไทยในอิสราเอล

"เศรษฐา" สวมเนคไทสีส้ม-ถุงเท้าเขียว ตอบกระทู้ถามสดแรกของสภาฯ ถึงผลการเดินทางเยือนหลายประเทศ มั่นใจดึงการลงทุนเพิ่ม พร้อมแผนช่วยแรงงานไทยในอิสราเอล

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ตอบกระทู้ถามสดต่อที่ประชุมสภาฯ เป็นครั้งแรก ตั้งแต่มีสภาฯ ชุดที่ 26 ซึ่งตั้งถามถึงการเดินทางเยือนต่างประเทศของนายกฯว่าได้อะไรบ้าง ซึ่งตั้งถามโดยนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยประโยคแรก เริ่มต้นว่า

"ผมให้เกียรติสภาฯ เสมอ หากไม่ติดภารกิจจำเป็นจะมาตอบกระทู้และข้อสงสัยของสส. เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่มีต่อฝ่ายนิติบัญญัติ วันนี้ผมใส่เนคไทสีส้มถุงเท้าสีเขียว"

จากนั้นนายเศรษฐา ชี้แจงต่อว่าถึงการเดินทางเยือนต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมาในหลายประเทศ ว่า ได้พูดคุยถึงการค้าขาย สินค้าเกษตร คุยกับภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีความสนใจต้องการลงทุนในประเทศ รวมถึงการเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติมในประเทศไทย นอกจากนั้นยังมีประเด็นการหารือตอนที่เดินทางเยือนซาอุดิอาระเบียเพื่อขอให้ช่วยเจรจาในการปล่อยตัวประกันในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ในหลายประเทศที่เดินทางไป ตนยืนยันว่าขณะนี้ประเทศไทยพร้อมแล้ว เปิดแล้ว และดีแล้วที่จะมาลงทุน

นายเศรษฐา ชี้แจงด้วยว่าการรัฐบาลที่ผ่านมาเจรจากับภาคเอกชนให้ลงทุนในการผลิตรถยนต์ อีวี ตนไปสานต่อ เพื่อให้ลงทุนด้านซัพพลายเชน และลงทุนด้านอื่นๆ เพื่อส่งเสริมเอสเอ็มอีในประเทศด้วย ในด้านองค์ความรู้ ซึ่งทีมงานของตนจะดำเนินงานต่อไป ส่วนการเจรจาเอฟทีเอ ได้รับความช่วยเหลือจากนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และรมว.การต่างประเทศ ให้เร่งเจรจาและปิดดีลให้ได้ เพื่อให้สบายใจว่าในการลงทุนจะมีสนธิสัญญาและผลักดันการค้าระหว่างสองประเทศ

ทั้งนี้นายเศรษฐา ยังกล่าวตอบคำถามถึงมาตรการช่วยเหลือแรงงานไทยที่เดินทางกลับประเทศหลังเผชิญเหตุการณ์ความรุนแรงในประเทศอิสราเอล ว่า ขณะนี้มีแรงงานที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ 8,000 คน และอพยพออกมาได้ยังเหลืออีก 4,000 คน ทั้งนี้ พบปัญหาใหญ่ใน 4-5 วันที่ผ่านมา ว่านายจ้างเสนอเงินเพิ่มเพื่อให้แรงงานไทยอยู่ต่อ ดังนั้นการแก้ปัญหา รัฐบาลจะใช้แผนซ้อนแผน คือ การหามาตรการช่วยเหลือและเยียวยาแรงงานที่อพยพออกจากพื้นที่ โดยได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต่างประเทศที่ต้องการแรงงานไปทำงาน ซึ่งพบว่าได้ค่าแรงที่สูงเช่นกัน

นายเศรษฐา ชี้แจงด้วยว่ามาตรการเยียวยาของรัฐบาล ตามที่ได้ข้อเสนอจากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง คือ การช่วยแรงงานที่เป็นหนี้สินซึ่งเกิดจากการจ่ายค่านายหน้าเพื่อให้ได้ไปทำงาน เฉลี่ย 1.5 แสนบาท ซึ่งจะหารือกับธกส. เพื่อให้สินเชื่อพิเศษเพื่อใช้หนี้ ผ่อนจ่ายระยะยาว 30 ปี ดอกเบี้ย 0.1% ขณะที่กระทรวงแรงงานสร้างแรงจูงใจในการจ้างงานสำหรับแรงงานที่มาจากอิสราเอลเพราะถือว่าเป็นแรงงานคุณภาพ ซึ่งรัฐบาลพร้อมทำเต็มที่เพื่อนำแรงงานไทยกลับมาให้เร็วที่สุด

"ยืนยันว่ารัฐบาลทำเต็มที่ เพื่อพาแรงงานกลับมาโดยเร็ว โดยไม่อยากให้คำนึงเรื่องเงิน มาก่อนเรื่องชีวิต และต้องเผชิญความเสี่ยง อย่างไรก็ดีจากเหตุที่เกิดขึ้น รัฐบาลตระหนักถึงสภาพเศรษฐกิจ และฐานะคนไทย ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือการยกระดับชีวิตตนไทยทุกคน" นายเศรษฐา ระบุ

 

"เศรษฐา" ไม่ตอบกระทู้ "ก้าวไกล" อ้างติดภารกิจ ส่ง "ทวี"แจงแทน

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (26ต.ค.66) นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงการคลัง ในประเด็นคดีการเมือง พลังงาน และ การแต่งตั้งตำรวจ ไม่ใช่เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตที่รัฐบาลกังวล แต่ นายกรัฐมนตรี กลับแจ้งติดภารกิจไม่สามารถมาตอบได้ และ มอบหมายให้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มาชี้แจงแทน ซึ่งส่วนตัวมองว่า พันตำรวจเอก ทวีไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะชี้แจงประเด็นเหล่านี้แทนได้ จึงขอไม่ถามกระทู้ในวันนี้ ทำให้กระทู้ถามตกไป ท่ามการประท้วงไปมา เพราะเป็นการตอบกระทู้ครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี และ มองว่า นายกรัฐมนตรี หนีไม่ตอบกระทู้สภาฯ

แต่ทันทีที่กระทู้ถามของพรรคก้าวไกลตกไป และ เข้าสู่กระทู้ถามสดที่สอง ถามโดยนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งยังไม่ทันตั้งคำถาม นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รมว.กระทรวงการคลัง ลุกขึ้นแจ้งต่อที่ประชุมทันที เช่นกันว่า นายกรัฐมนตรี กำลังเดินทางเข้าสภาฯ ขอให้รอสักครู่ โดยนายอัครเดช ถามนายกรัฐมนตรี ถึงประโยชน์ที่ได้จากการไปปฏิบัติราชการต่างประเทศ