จากกรณี หนุ่มร้องนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ขอความช่วยเหลือ สืบเนื่องจากน้องชาย อายุ 42 ปี อาชีพ รปภ. หายเงียบไปเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 66 รถรับส่งทำงานไม่เจอน้องชาย จึงมีการถามคนแถวนั้น รู้สึกผิดสังเกต จึงพากันไปงัดห้องพักที่น้องอาศัยอยู่กับแฟนสาว ย่านลาดพร้าว ซอย 1 กรุงเทพฯ ก็พบน้องนอนจบกองเลือดอยู่ในห้องน้ำ สภาพถูกแทง ตามตัวถูกทำร้ายสาหัส จึงนำส่งรพ.ราชวิถี
ก่อนทราบว่าน้องชายถูกแฟนสาวใจโหดทำร้ายร่างกาย โดยใช้อาวุธมีดแทงแล้วลากตัวไปไว้ในห้องน้ำ น้องนอนจมกองเลือดปิดประตูล็อก ไม่ใยดีแล้วแต่งตัวไปทำงาน ก่อนไปแจ้งความเท็จว่ามีการทะเลาะวิวาทกับแฟนหนุ่ม
แต่ล่าสุดวันที่ 6 ตุลาคม 66 น้องชายเสียชีวิต จึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.พหลโยธิน จนกระทั่งจัดงานศพน้องเสร็จสิ้นแล้วคดีก็ยังไม่คืบหน้า
พี่ชาย รปภ. ระบุน้องชายรักเมียมาก ยอมทุกอย่างจนกระทั่งถูกทำร้ายเสียชีวิต
ล่าสุด 26 ต.ค. 66 นายยอด อายุ 43 ปี พี่ชายของนายโชคชัย อายุ 42 ปี ที่เสียชีวิต เล่าว่า น้องอยู่กินกับฝ่ายหญิงมาตั้งแต่ปี 2561 ยืนยันน้องชายไม่เคยทำร้ายผู้หญิงเลย น้องยอมตลอด และน้องถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว โดยฝ่ายหญิงมีอารมณ์รุนแรง แล้วหึงหวงพลานทะเลาะกับน้อง ไม่อยากให้น้องคบหาใคร ให้อยู่กับฝ่ายหญิงคนเดียว และน้องก็จะคอยเป็นที่รองรับอารมณ์ของฝ่ายหญิง ซึ่งทุกครั้งที่ทะเลาะกันตนเองรับรู้ตลอด เพราะน้องจะโทรมาหา แล้วบอกว่า ทะเลาะอีกแล้ว แต่น้องก็จะ บอกว่า “คู่เวรคู่กรรม”
ขณะเดียวกันฝ่ายหญิงจะยึดสมุดบัญชีน้องและบัตรเอทีเอ็ม เงินเดือนน้องกว่า 20,000 บาท ทุกเดือนที่ออกมา ทุกบาทฝ่ายหญิงจะเอาไปทั้งหมด และให้น้องใช้แค่เดือนละ 1,000 บาท
ซึ่งก่อนน้องจะเสียชีวิตน้องเคยโดนทำร้ายหนัก ๆมาแล้วฟลายครั้ง ครั้งที่ 1 สากกระเบือตีหัว ครั้งที่ 2 กระทืบจนซี่โครงหัก จนลูกชาย น้องชายมาเห็น ครั้งที่ 3 เอามีด กรีดแขน และครั้งที่ 4 โดนฟันแขน เย็บมาแล้ว 38 เข็ม
กัน จอมพลัง บุกห้องเกิดเหตุพบเลือดกระจายเต็มผนัง
ช่วงบ่ายวันนี้ กันจองพลัง พร้อมด้วยนายยอด ทะชัยวงค์ อายุ 43 ปี ผู้ร้องเรียน พี่ชาย นายโชคชัย อายุ 42 ปี ผู้เสียชีวิตได้เดินทางไปยัง ห้องเช่าแห่งหนึ่งภายในซอยลาดพร้าว 1 จุดที่เกิดเหตุ หลังจากนั้น เจ้าของห้องเช่า ได้อนุญาตให้กัน จอมพลัง ขึ้นไปดูที่เกิดเหตุด้วยตัวเองโดยห้ามไม่ให้สื่อมวลชนตามขึ้นไป
โดยภาพที่ กัน จอมพลัง พบเห็นคือน่าจะถูกทำร้ายจนเลือดออกอาบนองพื้น เพราะพบคาบเลือดที่ติดผนังและกระจก และบนพื้น ก็ยังมีร่องรอยเลือดอยู่บ้าง แต่คาดว่าน่าจะมีการทำความสะอาดไปบ้างแล้วแต่ย้ำว่าทั้ง 2 จุดดังกล่าวมีคราบเลือดติดอยู่เป็นจำนวนมาก
เพื่อนข้างห้องเล่าได้ยินเสียงผู้เสียชีวิตร้องก่อนจะเงียบหายไปจนกระทั่งพบว่าถูกเมียทำร้ายนอนหายใจรวยริน
ทีมข่าวได้สอบถามนางสาวพรหมญาดา อายุ 46 ปี เพื่อนข้างห้อง เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ทั้งคู่ทะเลาะกันเสียงดังมาก ซึ่งเป็นเสียงผู้หญิงด่าผู้ชายด้วยถ้อยคำหยาบคายรวมไปถึงเสียงลักษณะของแข็ง เช่นขวด ค้อน ในการทุบตี ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 30 กันยายน ต่อเนื่องกันจนถึงตี 3 วันที่ 1 ตุลาคม ตนจึงตะโกนบอกให้ทั้งคู่เบาเบากันหน่อย
เนื่องจากเสียงดังลงมาจนถึงบริเวณห้องเช่าชั้นล่าง ก่อนจะได้ยินเสียงผู้ชายร้องลักษณะเจ็บปวด 3 ครั้ง “โอ้ยๆ ๆ ๆ “ ก่อนที่เสียงจะเงียบไป ตนเองจึงให้เพื่อนผู้ชายที่อยู่ห้องเช่าเดียวกันขึ้นดูที่ห้องของผู้ตาย ซึ่งก็พบว่าผู้ตายนอนหายใจรวยริน จมกองเลือดอยู่ภายในห้อง มีบาดแผลแชร์กันที่บริเวณใบหน้า และอีกหลายแห่ง
โดยพบฝ่ายหญิงที่ก่อเหตุอยู่ภายในห้องก่อนลงมาในสภาพชุดนอนมาบอกกับตนเองให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างว่าถูกสามีทำร้ายร่างกาย ตนเองจึงบอกว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวเพราะตนไม่ใช่เจ้าของบ้าน พร้อมกับสังเกตุตามตัวของฝ่ายหญิงผู้ที่ก่อเหตุ ก็ไม่ได้มีร่องรอยของการถูกทำร้ายเลย และพบว่าอยู่ในอาการมึนเมาด้วย
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมา ผู้หญิงที่ก่อเหตุ ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเกิดเหตุทะเลาะมีปากเสียงกับสามีสาเหตุหึงหวงกันและถูกสามีทำร้ายร่างกาย
ครอบครัวผู้ก่อเหตุเผยลูกทำไปเพราะป้องกันตัว
ล่าสุดวันนี้ ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของ น.ส.วงเดือน พบกับน้องสาวและแม่ของ น.ส.วงเดือน โดยทั้งคู่นั่นไม่สะดวกที่จะให้ข่าวใดๆ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการดำเนินคดี แต่ทางแม่ผู้เสียชีวิต ก็ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ลูกสาวของตนไม่มีทางที่จะทำร้ายสามีจนเสียชีวิตอย่างที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้แน่นอน เพราะลูกสาวตนไม่ใช่คนแบบนั่น อีกทั้งข่าวที่นำเสนอนั่นก็ไม่เป็นความจริงทุกอย่าง
จริงอยู่ที่ทั้งคู่มีปากเสียงกันอยู่บ่อยครั้ง ส่วนมากที่มีปากเสียงกันนั่นก็เป็นเพราะฝ่ายชายนั่นชอบดื่มสุราจนมึนเมา และทำร้ายร่างกายลูกสาวของตนอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากที่ถูกครั้งที่ถูกทำร้ายร่างกายลูกสาวของตนก็จะโทรมาเล่าให้น้องสาวและตนฟังอยู่เสมอ และทั้งคู่นั่นก็เคยเลิกรากันอยู่หลายครั้ง แต่หลังจากที่เลิกรากันไม่นานฝ่ายชายนั่นก็จะมาง้อขอคืนดีลูกสาวตนตลอด ด้วยความที่ลูกสาวตนรักก็จึงยอมให้อภัย และกลับไปอยู่ด้วยเหมือนทุกครั้ง