ความคืบหน้าของการติดตามไล่ล่า "เสี่ยแป้ง" หรือนายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี นักโทษชายคนสำคัญที่หลบหนีหลังจากแกล้งป่วยออกจาก โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชเมื่อตี 1 วันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่กำลังติดตามไล่ล่าทั้งเสี่ยแป้งและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพาหลบหนี



ล่าสุดเมื่อเวลา 17.30 น. วันนี้ (26 ตุลาคม 2566) ตำรวจชุดสืบสวนภาค 9 และชุดสืบสวนสภ.หาดใหญ่ นำโดย พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผู้บังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 9 พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ รอง ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 พ.ต.ท.ปิยพล แป้นแก้ว รองผู้กำกับการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรภาค9

ได้จับกุม นายคเนศ อายุ 28 ปี หรือบอยผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ข้อหาหาว่ากระทำความผิดฐาน"ร่วมกันกระทำการด้วยประการใดให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาล ซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป หลุดพ้นจากการคุมขังไป"

ซึ่งเป็นผู้ต้องหาล่าสุด คนที่ 5 ที่ถูกออกหมายจับ และถูกเจ้าหน้าที่ตามไปจับกุมได้ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขณะเดินทางไปดูหนังเรื่อสัปเหร่อและปวดท้อง จึงเดินออกมาเข้าห้องน้ำและถูกเจ้าหน้าที่ล๊อกตัวเอาไว้ได้



ในทางคดีพบว่า นายคเนศ เป็นผู้ต้องหาที่พบในภาพวงจรปิดเดินถือกระเป๋าสีดำ พร้อมโทรศัพท์มือถือและอาวุธปืนและคีมอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปให้เสี่ยแป้งถึงเตียงก่อนพาหลบหนี หลังถูกจับเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปสอบสวนและทำบันทึกจับกุมที่ห้องสืบสวน สภ.หาดใหญ่ แต่ในชั้นการสอบสวน นายคเนศ ยังปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพาเสี่ยแป้งหลบหนีออกจากโรงพยาบาล

แต่ยอมรับว่าช่วงประมาณวันที่ 20 ตุลาคม ได้เดินทางไปเยี่ยมเสี่ยแป้งที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช จริงแต่แค่ไปเยี่ยมตามปกติและพูดคุยเรื่องในเรื่อนจำเท่านั้น นายคเนศ บอกว่ารู้จักกับเสี่ยแป้งตอนอยู่ในคุกเนื่องจากตนต้องโทษคดียาเสพติด และยังยืนยันว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการพาเสี่ยแป้งหลบหนี

แกะรอย "เสี่ยแป้ง" สมุนทิ้งรถไว้วัดตัวล่องหน

เวลา 10.30 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2566 พ.ต.อ.สุริยา ปัญญามัง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จังหวัดพัทลุง เข้าตรวจสอบที่สำนักสงฆ์ยางยายขลุย หมู่ 6 ต.ร่มเมือง อ.เมือง จ.พัทลุง หลังรับแจ้งจากพระภูมิพัฒน์ สุทธญาโณ เจ้าอาวาส ว่ามีรถต้องสงสัยมาจอดในบริเวณสำนักสงฆ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ พบเป็นรถ สีขาว 4 ประตู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลังและหน้า ตรวจสอบเลขตัวถังเบื้องต้น ปรากฏเป็นรถผู้ครอบครองคือ นางจิตรา แม่ของ นายจีระวุฒิ หรือ บอย สมุนของเสี่ยแป้ง หนึ่งในผู้ต้องหาที่พาเสี่ยแป้งหลบหนีออกจาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช จึงประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ชุด EOD เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพราะหวั่นอาจจะมีวัตถุอันตรายซุกซ่อนอยู่ที่รถเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยทำงานด้วยความปลอดภัย หลังตรวจสอบก็ไม่พบวัตถุอันตรายใดๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์ฐานจังหวัดพัทลุงก็เข้าทำการตรวจสอบ เพื่อเก็บวัตถุพยาน ลายนิ้วมือ เพื่อตามหาบุคคลที่นำรถคันดังกล่าวมาจอดทิ้งไว้ในครั้งนี้



จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบมีรถสีขาวมาจอดรอก่อน จากนั้นนายบอยขับรถเข้าในสำนังฆ์ยางยายขลุยเวลา 02.30 น.โดยเมื่อเวลาประมาณ 02.06 น. ได้มีรถสีขาว มาจอดรอก่อนแล้ว คาดว่าน่าจะมารอรับนายบอย จากนั้นได้ขับเข้าไปจอดข้าง ๆ บริเวณอาคารที่ใช้สวดมนตร์ ทำวัตรของพระสงฆ์ และนายบอยได้เดินลงจากรถมาคนเดียว ก่อนจะล็อกรถและเดินจากไป



ทั้งนี้ทาง พระภูมิพัฒน์ สุทธญาโน เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ยางยายขลุย ได้ให้ข้อมูลกับทางทีมข่าวเบื้องต้นสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางเจ้าอาวาสเอง ได้เล่าเหตุการณ์ว่าช่วงค่ำที่ผ่านมาประมาณเที่ยงคืนกว่า ขณะที่กำลังจำวัดอยู่ภายในกุฎิ ก็ได้ยินลักษณะในส่วนของสุนัขที่อยู่ภายในวัดจำนวน 3 ตัว = แดง ทวน ลาย ได้ส่งเสียงเห่าคล้ายว่ามีคนเดินผ่านในบริเวณจุดที่มีการเจอรถ ซึ่งตอนนั้นเองยอมรับว่าส่วนตัวไม่ได้คิดว่าจะมีความผิดปกติ หรือมีบุคคลใดเข้ามาในพื้นที่ เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นจุดที่ติดกับบริเวณสวนหรือไร่ของชาวบ้านจึงมีความเป็นไปได้ว่าจุดดังกล่าวนั้นจะมีชาวบ้านเดินผ่านไปผ่านมา



จนกระทั่งช่วงเช้าประมาณ 6 โมง ส่วนตัวก็ได้ออกไปบิณฑบาตบริเวณด้านนอกโดยรอบซึ่งเป็นการออกไปบริเวณทางประตูด้านขวา ซึ่งไม่ได้ผ่านบริเวณจุดที่มีการจอดรถเนื่องจากบริเวณตรงนั้นจะตรงกับประตูบริเวณด้านซ้ายฝั่งกุฎิ โดยหลังจากที่ตนเองได้ออกไปบิณฑบาตแล้วเสร็จ ปรากฏว่าในช่วงจังหวะที่ กลับเข้ามาภายในบริเวณวัดซึ่งเป็นช่วงเวลาประมาณ 7 โมงกว่า โดยมีชาวบ้านขับรถสามล้อเข้ามาส่ง ก็เห็นว่ารถกระบะคันนึงดังกล่าวจอดอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำติดกับโรงเรียนเก่า โดยตอนแรกไม่ได้มีความผิดปกติหรือสงสัยแต่อย่างใดก็ได้มีการกลับไปที่กุฎิและทำวัตรเช้าตามปกติ

จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง เองก็เห็นว่ารถคันดังกล่าวดังกล่าวยังคงจอดตามปกติก็เลยเดินเข้าไปตรวจสอบที่บริเวณห้องน้ำเผื่อคิดว่าจะมีชาวบ้านแวะเข้ามาเข้าห้องน้ำในบริเวณจุดดังกล่าว แต่ปรากฏว่าก็ไม่เจอในส่วนของชาวบ้านที่เข้ามาเลยเข้าไปดูบริเวณใกล้กับรถ ซึ่งเบื้องต้นก็ไม่เจอคนตนเองเลยมีการประสานกับทางคณะกรรมการวัดและเรียกให้จำเลยที่เข้ามาตรวจสอบ ทั้งนี้ยอมรับว่าในปกติแล้วจะไม่ค่อยมีชาวบ้านเข้ามาในพื้นที่ ถ้าไม่ใช่ช่วงวันพระ



ด้านชาวบ้านคนหนึ่ง ซึ่งบ้านอยู่ไม่ไกลจากสำนักสงฆ์ดังกล่าวก็ได้เล่าว่า เมื่อเวลาประมานตี 3 หัวรุ่งที่ผ่านมา ระหว่างที่ตนกำลังนอนพักผ่อน ก็ได้ยินเสียงสุนัขเห่าส่งเสียงดังอยู่ประมาน 5 นาที จากนั้นก็เงียบไป แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงรถ หรือเสียงพูดคุยของคนเลย แต่ตนก็ไม่ได้ออกมาดูเพราะคิดหมาคงจะเห่าปกติว่าไม่น่าจะมีอะไรเพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาก่อน

หลักฐานลับ แกะรอยล่า "เสี่ยแป้ง" กบดานที่สตูล


จากกรณีวันนี้พบรถกระบะที่ใช้พาเสี่ยแป้งหลบหนีเป็นรถสีขาว สี่ประตู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งเป็นของนางจิตรา แม่ยายของบอย หนึ่งในผู้ที่พา เสี่ยแป้ง หลบหนีออกจาก รพ. โดยพบที่สำนักสงฆ์ยางยายขลุ่ย ในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลร่มเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ซึ่งก่อนหน้านี้ 22 ตุลาคม นายบอยได้ใช้รถกระบะคันนี้เดินทางมากับลูกและภรรยามาในพื้นที่จ.สตูล เพื่อมาหานายภาณุ เพ็ชรประดับ หรือนายกก้อย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปาล์มพัฒนา



โดยนายกก้อย บอกว่า บุคคลที่ช่วยเสี่ยแป้งหลบหนีออกจากโรงพยาบาลเป็นคนเดียวกันกับคนที่มาขอทำงานตน จึงตกใจและบอกว่าไม่อนุญาตให้อยู่กับตนและขอให้ออกจากบ้านของตน ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ได้สอบถามอะไรมากและให้ลูกน้องพาไปพักผ่อนโดยเปิดรีสอร์ทแห่งหนึ่งให้พักเท่านั้น และไม่ทราบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันที่ช่วยเสี่ยแป้งออกมา แต่ยืนยันว่าเป็นรถคันเดียวกันตามที่เป็นข่าว 

วันนี้ทีมข่าวเดินทางมาที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน จ.สตูล เป็นรีสอร์ตที่นายกก้อยให้ลูกน้องพานายบอยไปพักผ่อนโดยเปิดห้องพักที่รีสอร์ตแห่งนี้ เราได้สอบถามนางเพ็ญ อายุ 43 ปี เป็นพนักงานรีสอร์ทแห่งนี้ โดยได้นำภาพในบอยให้ดู ซึ่งนางเพ็ญก็ตอบทันทีว่าเป็นคนเดียวกันกับที่มาพักที่รีสอร์ทแห่งนี้

โดยช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 22 ตุลาคม ลูกน้องของนายกก้อยได้พานายบอยและผู้หญิงคนหนึ่งมาเปิดห้องพักที่รีสอร์ทแห่งนี้ เปิดห้องพักหนึ่งห้องและขอพักเป็นเวลา 2 คืน จึงมีกำหนดออกจากห้องพักในวันที่ 24 ตุลาคม



ระหว่างที่นายบอยและผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในห้องพักก็ได้สั่งอาหารมาที่ห้อง โดยจะมีกระบะคันหนึ่งมาส่งอาหาร แต่บางครั้งก็จะมาสั่งอาหารกับตนแล้วให้ตนนำอาหารไปให้ที่ห้อง ระหว่างที่ไปห้องพักก็สังเกตเห็นว่านายบอยและผู้หญิงคนนั้นมีสัมภาระเพียงกระเป๋าเป้ใบเล็กใบเดียวเท่านั้น จึงคาดคะเนว่าไม่ได้นำเสื้อผ้ามาจำนวนหลายตัว / ซึ่งช่วงเช้าวันที่ 24 ตุลาคมที่ตนมาทำงานก็ปรากฏว่านายบอยและผู้หญิงคนนั้นเช็คเอาท์ออกไปแล้ว

ส่วนตัวก็เชื่อว่านายกก้อยเป็นคนที่ดีมากและมีน้ำใจชอบช่วยเหลือทั้งเพื่อนทั้งลูกน้องและชาวบ้านไม่เกี่ยวข้องกับคดีของเสี่ยแป้ง แต่ก็คาดว่านายบอยอาจเคยเป็นคนรู้จักของนายกก้อย แล้วมาขอความช่วยเหลือ นายกก้อยก็ช่วยเหลือนายบอยเหมือนช่วยเหลือทุกคน ซึ่งนายกก้อยก็ไม่ทราบมาก่อนว่านายบอยมีส่วนร่วมในการเสี่ยแป้งหนีออกจากโรงพยาบาล

ทั้งนี้ทีมข่าวยังได้ภาพหลักฐานวงจรปิดภายหลังที่ได้บอยและผู้หญิงที่มาด้วยขับรถกระบะออกจากพื้นที่จังหวัดสตูลเพื่อมุ่งหน้าไปยังจังหวัดพัทลุงในช่วง 22.26 น. ของวันที่ 23 ตุลาคม

 

สมุนเสี่ยแป้งจนมุม แจ็กพอตเจอรถพาหนีซุกวัด ภาพชัดส่งไม้ต่อสาวปริศนาพาล่องหน