ความคืบหน้าการติดตามจับกุมตัว นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด หลังจากหลบหนีออกจากโรงพยาบาลมหาราช โดยมีลูกน้องหลายคนช่วยในการหลบหนี
บอย คเณช ยอมเปิดปากสารภาพเอาซิมไปให้ เสี่ยแป้ง แลกรถกระบะ 1 คัน
สำหรับพฤติการณ์ของนายคเณช หรือ บอย พบว่า ช่วงบ่ายวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา เสี่ยแป้งได้โทรศัพท์หาบอยให้เข้ามาเยี่ยมที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช หลังนางสาววิลาวัลย์ หรือ “ไหม” ส่งโทรศัพท์ให้ก่อนหน้านี้ และเมื่อบอยเข้ามาเยี่ยมในช่วงค่ำวันดังกล่าวแล้ว บอยกำลังจะกลับ แต่เสี่ยแป้งได้บอกบอยว่า “ให้อยู่เป็นเพื่อนก่อน รอเพื่อนอีกคนมา” จากนั้นบอยได้ออกไปรับเพื่อนคนดังกล่าวที่หน้าลิฟท์ชั้น 6 ปรากฎว่าเป็นนายจักรี หรือ “บิ๊ก” และไหมเดินออกมา แต่บอยไม่รู้จักบิ๊ก รู้จักเพียงแต่กับไหม เพราะเคยเจอกับไหมที่มารับจ้างเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชเมื่อหลายเดือนก่อน หลังออกจากคุกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
หลังจากนั้นไหมก็แนะนำให้บอยรู้จักกับบิ๊ก ก่อนที่บิ๊กจะส่งกระเป๋าให้บอย ช่วงช่วงเวลาราวตี 3 ซึ่งบอยได้หิ้วกระเป๋าที่พกคีมตัดเหล็กข้างในให้เสี่ยแป้งที่นอนอยู่บนเตียง โดยเสี่ยแป้งเอง ก็พยายามจะใช้คีมตัดโซ่ตั้งแต่ช่วงราวตีสามถึงตีห้า แต่ไม่สำเร็จ ทั้ง 3 คนจึงพากันลงมาด้านล่าง โดยบอยขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งบิ๊กที่รถยนต์ที่จอดไว้บริเวณตึกเอกซเรย์รังสี ก่อนพากันแยกย้าย
ต่อมาเข้าวันที่ 21 ตุลาคม 2566 เสี่ยแป้งได้โทรศัพท์ให้บอยหาซิมโทรศัพท์มาให้อีก 1 ซิม ก่อนที่บอยจะขี่รถจักรยายนต์มาให้ที่ตึกกายภาพของโรงพยาบาลฯ โดยมีไหมเป็นคนมารับซิมดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าตัวยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่าได้วางแผนกับเสี่ยแป้งในวันที่ไปเยี่ยมในคืนแรกบนเตียง แลกกับรถกระบะ 1 คัน พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้รู้จักผู้คุม และผู้คุมไม่เกี่ยวข้อง เพียงแค่บังเอิญนามสกุลเดียวกัน และเคยเจอกันตอนที่ตัวเองติดคุก
ตำรวจนำตัว “บอย” ชายถือกระเป๋าสีดำส่งให้ทีมช่วยเหลือเสี่ยแป้ง ไปชี้จุดประกอบคำให้การที่ รพ.-บ้าน เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามใดๆ
ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ล่าสุดเช้าวันนี้ตำรวจได้นำตัวนายคเณศ ทองประจง หรือ “บอย” อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาอีกหนึ่งรายในคดีให้การช่วยเหลือนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ “เสี่ยแป้ง” หลบหนีออกจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช มาสอบปากคำเพิ่มเติม ภายในห้องประชุมชั้น 2 ของโรงพัก โดยมีพันตำรวจเอกนัษฐวุฒิ ทองทิพย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้สอบปากคำด้วยตัวเอง ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนนำตัวบอยไปชี้จุดที่เดินทางมายังโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชในช่วงคืนวันเกิดเหตุ ว่าเดินทางเข้ามาภายในตึกของโรงพยาบาลจุดไหนบ้าง รวมถึงไปยังที่บ้านของบอยด้วย ซึ่งในขณะที่นำตัวลงมาขึ้นรถ บอยไม่ตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชนทั้งสิ้น และอยู่ในอาการนิ่งเฉย
จากนั้นตำรวจได้คุมตัวบอยไปยังโรงพยาบาลมหารราชนครศรีธรรมราช เพื่อชี้จุดสถานที่ส่งซิมการ์ดโทรศัพท์ให้กับนางสาววิลาวัลย์ หรือ “ไหม” จุดแรก บริเวณด้านข้างตึกกายภาพ
จากนั้นไปชี้จุดที่ 2 ซึ่งเป็นจุดที่บอยจอดมอเตอร์ไซต์ไว้ข้างตึกเอกซเรย์รังสี ก่อนขี่มอเตอร์ไซต์ออกไป โดยมีบิ๊กและไหมซ้อนท้าย
ก่อนจะไปจุดที่ 3 คือ บ้านของบอย อยู่ติดถนน ริมถนนพัฒนาการคูขวาง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยมีผู้เป็นแม่และแฟนสาวเป็นคนนำเปิดบ้าน ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ผู้เป็นแม่เช่าให้ลูกชายอยู่หลังออกมาจากคุก และพยายามสร้างฐานะให้ลูกชายได้เป็นคนดี กลับตัวกลับใจ
แม่บอย เปิดใจ เครียดและยืนยันลูกไม่ได้ช่วยเสี่ยแป้งหลบหนี เพียงแต่ไปเยี่ยม พร้อมลั่นสงสารผู้คุมนามสกุลเดียวกัน เป็นแค่ญาติที่ไม่ได้สนิทกัน และเขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย
ขณะที่ทีมข่าวได้พูดคุยกับแม่ของนายคเณช หรือ “บอย” ด้วยที่มาเยี่ยมลูกชายในวันนี้ บอกว่า ตนไม่รู้เรื่องอะไร เห็นตามข่าวพร้อมกันกับทุกคน ยอมรับว่าเครียดมาก และตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้น เมื่อคืนวานนี้จึงเดินทางมาหาลูกชายที่โรงพักด้วย โดยลูกชายยืนยันว่า คืนวันเกิดเหตุได้เข้าไปที่โรงพยายาลจริง แต่ไม่ได้พกอาวุธไปให้ตามรายงานข่าว และยอมรับว่ารู้จักกับบิ๊ก
เมื่อถามว่าผู้คุมที่ชื่อ นายวรินทร นามสกุลเดียวกันกับบอย รู้จักกันหรือไม่ แม่ของบอย ยืนยันว่า ผู้คุมคนดังกล่าวเป็นญาติกัน แต่ไม่ได้สนิทอะไรกัน เพียงแต่เคยไปเจอกับผู้คุมตอนลูกชายติดคุกในเรือนจำนครศรีธรรมราช ก่อนจะพ้นโทษออกมาเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยอมรับว่า สงสารผู้คุมมาก เพราะเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย แต่ข่าวกลับเอามาโยงกันเพียงแค่เห็นนามสกุลเหมือนกัน
ส่วนการช่วยเหลือเสี่ยแป้ง ลูกชายบอกว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และเชื่อว่าลูกชายถูกหลอก เพราะเวลาลูกชายทำผิด ก็จะยอมรับทันที แต่ครั้งนี้ไม่พูด แต่ถ้าหากลูกชายผิดจริง ก็จะไม่เข้าข้าง ยอมให้ติดคุกและอยากขอความเป็นธรรมว่าอย่าจับเพียงแต่ลูกชายตน ให้จับคนที่ทำผิดทั้งหมดไปเลย
เปิดภาพวงจรปิดรถต้องสงสัยลักษณะคล้ายรถนายบอย โผล่ใกล้ท่าเรือปากบารา จ.สตูล
ทีมข่าวช่อง8 ได้ภาพหลักฐานวงจรปิด โดยจะเห็นรถต้องสงสัยคล้ายรถของนายบอยที่ขับรถกระบะสีขาวเข้ามายังท่าเรือปากบารา โดยช่วงเช้า 07.00-08.00 น. รถกระบะต้องสงสัยคล้ายรถของนายบอย ขับเข้ามายังท่าเรือปากบารา
ขณะที่กล้องวงจรปิดอีกตัว บันทึกนาทีที่รถกระบะต้องสงสัย ออกมาจากท่าเรือปากบารา ห่างกันเพียง 4 กิโลเมตร โดยมุ่งหน้าไปยังอ.เมืองสตูล และจ.พัทลุงได้ เวลาที่ปรากฎในภาพวงจรปิดคือช่วง 08.00 น. ของวันที่ 22 ตุลาคม
ช่อง 8 เปิดหลักฐาน เสี่ยแป้ง ข้ามไปมาเลเซีย
วันนี้ทีมข่าวเดินทางมาสำรวจข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยเดินทางมาที่ท่าเรือปากบารา ต.ปากน้ำ อ.ละงู และได้บินโดรนสำรวจเส้นทาง โดยจุดนี้ห่างจากบ้านพักนายกอบต.รายหนึ่งที่นายบอยไปขอความช่วยเหลือประมาณ 38 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช 232 กิโลเมตร โดยมีหลายเส้นทางที่สามารถมาทะลุเส้นทางนี้ได้ ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านพบว่า มีเรือให้บริการแบ่งเป็น เรือนักท่องเที่ยวและเรือขนส่งสินค้า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ทีมข่าวเข้าไปเก็บภาพบรรยากาศด้านใน
พยานคนสำคัญแฉ เสี่ยแป้ง วางแผนเป็นเดือน มาดูลาดลาวและเตรียมเรือที่จะพาหลบหนีในจังหวัดสตูลหลายรอบ
ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายโก้ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ชาวบ้านที่พักอาศัยในอ.มะนัง จ.สตูล เล่าว่า ในส่วนแผนที่เสี่ยแป้งหลบหนีออกจากโรงพยาบาล มีการเตรียมการก่อนหน้านี้เป็นเดือนแล้ว ซึ่งนายบอยเป็นคนขับรถให้กับนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งในอ.มะนัง จ.สตูล ทำงานขับรถให้เป็นเวลาประมาณ 2-3 เดือน และระหว่างนี้ก็มีการเตรียมการกันเรื่องที่พาเสี่ยแป้งหลบหนีทางท่าเรือ