กรณีเมื่อเวลา 19.00น.วันที่ 28 ตุลาคม 2566 ตำรวจ สภ.หัวหิน มูลนิธิเพชรเกษมหัวหิน พบเด็กชายรัชชานนท์ ศรเฉลิม หรือน้อง วัย 4 ขวบ ถูกนายนัฐพล สังข์ประเสริฐ หรือโจ อายุ 24 ปี ทำร้ายเสียชีวิต แล้วนำศพลูกชายซ่อนร่างในพงหญ้า ในหมู่บ้านหนองคร้า ซอย 5 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์นั้น
พ.ต.อ. หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผกก.สภ.หัวหิน ให้สัมภาษณ์ว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหา เป็นคนลงมือก่อเหตุ ทำร้ายร่างกายลูกชายแท้แท้จนเสียชีวิตจริง ปมเหตุมาจากความเครียด ที่ถูกภรรยาบอกเลิกและแยกทางไปอยู่อื่น ได้ประมาณหนึ่งเดือน
ผู้ต้องหายังอ้างกับตำรวจอีกว่า เค้าไม่ได้ตั้งใจก่อเหตุแต่เป็นการพลั้งมือ และบอกว่าลูกชาย มีโรคเกี่ยวกับความเครียด โดยจากพฤติการณ์ ที่ผู้ต้องหามาแจ้งความว่าลูกหาย และมาบอกให้เพื่อนบ้านไปตามหาลูกชายกระทั่งเจอศพลูกนั้น คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการจัดฉาก
ซึ่งไทม์ไลน์ที่ผู้ต้องหาให้การกับเจ้าหน้าที่คือ วันที่ 27 ต.ค.2566 ช่วงบ่าย นายนัฐพล (โจ) มารับน้องเจแปนที่บ้านยาย บอกว่าจะพาไปกินข้าว ก่อนที่เจ้าตัวจะไปซือข้าวหมูกรอบที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน
จากนั้นเวลา 18.00 น. นายนัฐพล (โจ) โทรมาบอกญาติว่าเด็กหายไปที่ร้านขายข้าว
เวลา 20.00 ถึง 21.30 น. วันที่ 27 ตุลาคม 2566 นายนัฐพล (โจ) พร้อมญาติเข้าแจ้งความที่ สภ.หัวหิน โดยแจ้งว่าลูกชาย หายตัวไปที่ร้านร้านอาหาร ซึ่งตอนนั้นเด็กชายเจแปนก็ยังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในรถ ยังไม่ได้เสียชีวิตแต่อย่างใด
ต่อมาวันที่ 28 ต.ค.2566 เวลา 18.00น นายนัฐพล (โจ) ไปบอกชาวบ้านว่า เจอเบาะแสเป็นรถเก๋ง มีชายสามคน ผู้หญิงสองคน จอดอยู่ในป่าอ้อยอ้อยที่เกิดเหตุ เขามีความสงสัยว่ารถเก๋งต้องสงสัยคันดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวของลูกชายหรือไม่ จึงให้เพื่อนบ้านสองคนไปตามหาลูกพร้อมกับเขา กระทั่งมาพบศพน้องเจแปนมีร่องรอยถูกทำร้าย
19.00 น. ตำรวจ สภ.หัวหินนำตัวพ่อของเจแปนไปสอบสวน ให้การว่าอดีตภรรยา แม่ของน้องเจแปนเป็นคนทำ
วันนี้ 29 ตุลาคม เวลาประมาณ 09.00 น. ให้การรับสารภาพเป็นคนฆ่าลูก
ในเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์ และกลับบอกว่าเขาก่อเหตุเพียงแค่คนเดียว ตำรวจจึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไปในเบื้องต้น ส่วนข้อหาอื่นอยู่ระหว่างสอบปากคำ ได้จากการตรวจปัสสาวะของผู้ก่อเหตุก็ไม่พบสารเสพติดและไม่มีประวัติเกี่ยวกัลอาชญากรรมแต่อย่างใด
ในส่วนของร่างกายเด็กนั้น มีรอยช้ำที่ใต้คางด้านซ้าย และตาซ้ายมีรอยปูดบวมเล็กน้อย
วันนี้ 29 ตุลาคม 2566 ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายัง สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเวลา 12.00 น. วันนี้ตำรวจได้นำตัวพ่อของเด็กชายคนที่เสียชีวิต มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
เวลา 12.10 ตำรวจตุมตัวนายนัฐพล ออกจากห้องสอบสวน เพื่อพาไปทำแผนจุดแรก ระหว่างนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามผู้ก่อเหตุถึงกลุ่มเหตุที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวปิดปากเงียบไม่ยอมตอบคำถาม
จุดแรก (จุดที่1) ที่ตำรวจนำตัวนายนัฐพล มาทำแผน คือบริเวณ ลานจอดรถหน้าโรงพัก โดยจุดนี้เป็นจุดที่ผู้ต้องหามาจอดรถ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 ตุลาคม ก่อนจะขึ้นแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ว่าน้องเจแปนหายตัวไป
จากนั้นนายนัฐพล ไปจำลองเหตุการณ์ ที่รถกระบะของเจ้าตัว ว่าวันที่ 27 ตุลาคม เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าตัวได้ขับรถกระบะกลับมาจากร้านอาหาร แล้วมาจอดที่จุดดังกล่าวนี้ จากนั้นเจ้าตัวก็ขึ้นไปแจ้งความ กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งตอนนั้นเอง น้องเจแปน ได้นั่งเล่นโทรศัพท์ยู่ในรถ ยังไม่ได้เสียชีวิตแต่อย่างใด โดยตำรวจก็ยังได้นำตุ๊กตามาจำลองว่าในที่เกิดเหตุเด็กนั่งลักษณะท่าทางไหนอยู่ในรถ
จากนั้น ตำรวจได้พาตัวนายนัฐพล ไปทำแผนในจุดที่สอง เป็นจุดที่ผู้ต้องหาไปซื้อข้าวหมูแดง ในร้านค้าแห่งหนึ่ง พื้นที่เขตเทศบาลหัวหิน
โดยจุดนี้ จะเป็นเหตุการณ์ ตอนที่นายนัฐพล อ้างว่า มาซื้อข้าวหมูแดง ในช่วงค่ำของวันที่ 27 ตุลาคม และโกหกกับญาติว่าเด็กได้หายตัวไปขณะนั่งรับประทานข้าวที่ร้านนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ให้ผู้ต้องหาจำลองเหตุการณ์ ที่เจ้าตัวมาซื้อข้าวในวันที่เกิดเหตุ
จากนั้นตำรวจได้พาผู้ต้องหาไปทำแผลในจุดที่ 3 โดยจุดนี้จะมีหลายเหตุการณ์ด้วยกัน เป็นจุดที่ผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุทำลายลูกจนเสียชีวิต เป็นจุดที่ผู้ต้องหาอำพรางศพลูก และเป็นจุดที่ผู้ต้องหาไปตามเพื่อนบ้านมาเจอศพลูกในจุดนี้
โดยบริเวณนี้มีลักษณะลักษณะเป็นป่าอ้อย อยู่ห่างจากร้านอาหารที่ผู้ต้องหาอ้างว่าน้องหายตัวไปประมาณ 30 กิโลเมตรกิโลเมตร และอยู่ห่างจากบ้านของผู้ต้องหาประมาณ 900 เมตร
นายณัฐพล ได้จำลองเหตุการณ์ว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของเมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม 2566) เจ้าตัวได้นั่งรถกระบะมากับลูกชาย โดยลูกชายนั่งข้างๆ จากนั้นเจ้าตัวได้ใช้มือปิดปากและจมูกของลูกชาย จนลูกชายสิ้นใจ จากนั้นก็อุ้มลูกชาย ออกจากรถกระบะ แล้วนำศพไปทิ้งในป่าอ้อย ห่างจากถนนประมาณ 2 เมตร
จากนั้นวันที่ 28 ตุลาคม 2566 ตัวเองก็ได้ตามเพื่อนบ้าน 2 คน ซึ่งเป็นเครือญาติกันมาตามหาลูกชาย โดยบอกกับญาติว่า เจอรถเก๋งสีขาวต้องสงสัย รวมถึงมีผู้ชายสามคนผู้หญิงสองคน อยู่ที่จุดพบศพ ทำให้ญาติทั้งสองคนปักใจเชื่อและออกมาตามหาน้องเจแปน กระทั่งเจอศพในช่วงค่ำของเมื่อวานนี้
หลังจากทำแผนในจุดที่ 3 (จุดฆ่า) เสร็จ นายนัฐพล เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตัวเองยอมรับว่าเหตุที่เกิดขึ้นตัวเองทำไปเนื่องจากต้องการประชดภรรยา เพราะภรรยาได้เลิกรากับตัวเองประมาณหนึ่งเดือน จึงพลั้งมือทำร้ายลูกจนหมด พอยังไม่พูดตอนนี้พูดสติ ตัวเองไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าลูก
จากนั้น ตำรวจได้พาผู้ต้องหาไปทำแผนในจุดที่ 4 ซึ่งเป็นปากซอยเข้าบ้านผู้ต้องหา จุดนี้เป็นจุดที่ผู้ต้องหามาจอดรถ กระบะ ก่อนจะไปเรียกญาติสองคนไปตามหาลูกชายในป่าอ้อย
ต่อมาตำรวจพาผู้ต้องหาไปทำแผนใน จุดที่ห้า โดยจุดนี้เป็นจุดที่ตำรวจอยากเห็นว่าผู้ต้องหาใช้ชีวิตกินนอนกับลูกอย่างไรบ้าง ไม่เกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ช่วงวันเวลาที่เกิดเหตุแต่อย่าง จากนั้นนายนัฐพล ผู้ต้องหา ได้พาเจ้าหน้าที่ไปชี้จุดบริเวณบ้านของของตัวเอง
ทีมข่าวช่อง 8 ได้กล้องวงจรปิด ที่ นายนัฐพล ผู้ก่อเหตุ ไปแจ้ฃความที่ สภ.หัวหิน มาพบว่า
เวลา 19.44.01 นายนัฐพล (เสื้อน้ำเงิน) เดินเข้าโรงพักไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ ว่าน้องเจแปนหายตัวไป
เวลา 20.27.05 น. ผู้ต้องหาเดินวนเวียนอยู่บนโรงพัก ขณะรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่
20.59.45 นายนัฐพล นั่งให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าลูกชายได้หายตัวไป
21.07.39 ผู้ก่อเหตุเดินทางออกจากโรงพัก พร้อมญาติ หลังจากแจ้งความเสร็จ
เวลา 21.09.28 จับภาพผู้ก่อเหตุ ลักษณะเป็นเงาดำดำ เนื่องจากกล้องไม่ชัด โดยผู้ก่อเหตุ เดินออกจากโรงพัก เพื่อไปขึ้นรถกลับ หลังจากแจ้งความ
ต่อมาทีมข่าวเดินทางมาพบกับนางสาวปลื้ม นามสมมติ แม่ของเด็กที่เสียชีวิต เธอให้สัมภาษณ์ว่า ที่ตัวเองต้องเลิกกับผู้ก่อเหตุ เพราะที่ผ่านมาตัวเองถูกเขาทำร้ายร่างกายเป็น ถึงขั้นเอาท่อนไม้มาตีทำร้ายตัวเอง จนตัวเองต้องเข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องเลิกรากับผู้ก่อเหตุ และขอยืนยันว่าตัวเองไม่มีผู้ชายคนอื่นแต่อย่างใด
ที่ผ่านมาสามีตัวเอง รักน้องเจแปนมากๆ ทั้งสองคนมีความผูกพันธ์กันมาก ตัวเองก็ไม่นึกเลยว่าเค้าจะกล้าก่อเหตุกับลูกชายได้ถึงขนาดนี้
ในวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ในช่วงเช้า ผู้ก่อเหตุ ได้ ส่งคลิปเสียงมาบอกตัวเอง ว่าน้องเจแปน ลูกชายได้หายไป ตอนนั้นตัวเองก็ไม่เชื่อว่าลูกจะหายไปจริงๆ เพราะว่าเขารักลูกมาก เขาไม่มีทางที่จะให้ลูกคลาดสายตาเขาแน่ ถามว่าทำไม ตัวเองจึงปล่อยให้สามีเลี้ยงลูกตามลำพังนั้น เนื่องจากฝ่ายชายอ้างว่าตัวเองเลี้ยงลูกไม่ดี เค้าจึงเอาลูกไปอยู่ที่บ้านเขาตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม
กระทั่งหลังเกิดเหตุที่ลูกหายไป ผู้ก่อเหตุก็ได้ใส่ร้ายว่าตัวเองเป็นคนทำร้ายลูก โยนความผิดมาที่ตัวเอง ยิ่งทำให้ตัวเองรับไม่ได้
ก่อนหน้านี้สามี เคยโกหกตัวเองหลายครั้งว่าลูกได้หายตัวไป และบางครั้งก็ถึงขั้นสร้างสถานการณ์โกหกว่าลูกเสียชีวิต เพื่อให้ตัวเองกลับมาหา แต่ทุกครั้งตัวเองก็จับได้ว่าไม่เป็นความจริง
เหตุที่เกิดขึ้นตัวเองก็ไม่ขอให้อภัยอดีตสามี เพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่เขาทำกับลูก
นอกจากนี้ภรรยาของผู้ก่อเหตุ และเป็นแม่ของผู้เสียชีวิต ได้ส่งคลิปเสียง ของผู้ก่อเหตุที่ส่งมาหาเธอในช่วงเช้าของวันที่ 27 ตุลาคม 2566 โดยคลิปเสียงดังกล่าวผู้ก่อเหตุบอกว่า “ เจแปนไปสบายดีแล้ว ไม่อยู่แล้ว , ในเมื่อปลื้มทิ้งลูกได้ พี่ก็ทิ้งลูกได้เหมือนกัน“
และมีคลิปเสียงความยาว 12 วินาที ที่ผู้ก่อเหตุพูดจาด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “ปลื้มพี่ไปหาลูกมาแล้ว แต่ลูกไม่อยู่แล้ว เค้าบอกว่าออกไปข้างนอก”
นอกจากนี้แม่ของผู้เสียชีวิต ยังพาทีมข่าวไปดูเสื้อผ้า และของเล่นที่อยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลงเหลือไว้ให้เธอดูในขณะนี้ ส่วนข้าวของอื่นๆผู้ก่อเหตุได้ขนของลูกชายไปที่บ้านของเจ้าตัวตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา
ต่อมาทีมข่าวช่องแปดได้มาพูดคุยกับนายโต (นามสมมติ) ชาวบ้านที่ออกตามหาน้องเจแปนแล้วเจอร่างเป็นคนแรก
นายโตเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 18:00 น. ผู้ก่อเหตุได้มาเรียกตัวเองที่บ้าน ให้ไปช่วยหาน้องเจแปน เนื่องจากน้องได้หายตัวไป ตัวเองก็บอกเค้าไปว่าทำไมไม่ไปขอดูกล้องวงจรปิดในตัวเมือง แต่นายนัฐพล ผู้ก่อเหตุก็บอกกับตัวเองว่า เขาจะพาไปหาอีกจุดหนึ่ง ซึ่งมีรถเก๋งต้องสงสัย และมีผู้ชายผู้หญิงอยู่ตรงนั้น และเห็นเหมือนรถก็ต้องสงสัยเอาของบางอย่างมาทิ้งตรงนั้น
จากนั้นตัวเองจึงออกตามหาน้องเจแปนพร้อมกับเพื่อนบ้านอีกหนึ่งคน รวมทั้งหมดเป็นผู้ชายสามคน โดยค้นหาประมาณ 1 ชั่วโมง ตัวเองก็ไปเจอร่างน้องเจแปนเป็นคนแรก ซึ่งมีผู้ก่อเหตุอยู่ด้านหลังตัวเอง
วินาทีที่ตัวเองเจอน้องเจแปน เห็นว่าน้องนอนอยู่ในพุ่มไม้และกอหญ้า สภาพนอนแน่นิ่ง ไม่รู้สึกตัว แล้วผู้ก่อเหตุก็รีบเข้าไปกอดและอุ้มร่างของน้องเจแปน พร้อมกับร้องไห้เสียใจ
ตอนนั้นตัวเองก็ไม่ได้สงสัยอะไรเพราะคิดว่าพ่อคงเสียใจที่เจอร่างรูปอยู่ในลักษณะหนอนแน่นิ่งแบบนั้น กระทั่งพึ่งมาทราบเรื่องวันนี้วรรคพ่อคือผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่าตัวเองก็สงสารเด็กมาก ที่ต้องเสียชีวิตแบบนั้น ตัวเองไม่คาดคิดว่าพ่อจะกล้าก่อเหตุกับลูก เพราะที่ผ่านมาทั้งสองคนรักกันมาก