ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังวัดพัทลุงว่า วันที่ 29 ตุลาคม 66 จากกรณีที่กลุ่มผู้ต้องหาได้พาตัวนายเชาวลิต  ทองด้วง  อายุ  37  ปี หรือ  แป้ง  นาโหนด   หลบหนีออกจาก  รพ.มหาราช นครศรีธรรมราช  ซึ่งจากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดกลุ่มผู้ต้องมียานพาหนะในการหลบหนี  จำนวน  3  คัน  ประกอบด้วย  รถยนต์เก๋งฮอนด้า ซีวิค สีดำ หมายเลขทะเบียน ขม 1359 สงขลา   รถยนต์กระบะมิตซูมิตชิ สีขาว ทะเบียน  กจ.9049  พัทลุง ซึ่งมีนายจีระวุฒิ (ปอย) ชุมศรี อายุ  31  ปี  เป็นคนขับ  และรถยนต์กระบะอีซูซุ  สีขาว  4  ประตู  ทะเบียน   กท.8961  พัทลุง  ซึ่งมีนายจักรี บิ๊ก  แป้นน้อย   อายุ  41  ปี  เป็นคนขับ  ต่อมาในวันที่  26  ตุลาคม  2566  ตำรวจสามารถตรวจยึดรถยนต์กระบะของนายจีระวุฒิ ขณะนำไปจอดไว้  ณ  สำนักสงฆ์ใหม่ยางยายขลุย  ท้องที่  ม.6  ต.ร่มเมือง  อ.เมืองพัทลุง  และล่าสุดเมื่อวันที่  28  ตุลาคม  2566  ตร.สามารถตรวจยึดรถยนต์กระบะอีซูซุ  สีขาว  4  ประตูทะเบียน   กท.8961  พัทลุง  ของนายจักรี  ที่นำมาตอดทิ้งไว้ในพื้นที่  ม.5  ต.พญาขัน  อ.เมืองพัทลุง

ในขณะเดียวกันนายจักรีฯ และนายจีระวุฒิ ฯ ก็ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจในวันที่  28  ตุลาคม  2566  เช่นเดียวกัน  ในส่วนของการจับกุมผู้ต้องหานั้น  ก่อนหน้านี้มีการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาไปแล้ว   จำนวน  4  ราย  ประกอบด้วย  (1)  นางวิลาวัลย์  หมื่นรักษ์ อายุ  30  ปี  คนรับจ้างเฝ้าไข้  (2)นางสาวเยาวเรศ  กลศึก  อายุ  26  ปี  ผู้จ้างวานคนเฝ้าไข้  (3) นางสาวิลาวัลย์  บุญจันทร์ อายุ  30  ปี  ภรรยานายจักรีฯ ที่ทำหน้าที่ประสานงานการโอนเงินค่าเฝ้าไข้  และ (4) นายคเณศ  ทองประจง  อายุ  28  ปี  คนหิ้วกระเป๋าใส่คีมตัดโซ่ตรวน อาวุธปืน ซิมโทรศัพท์ ส่งให้นายเชาวลิตฯถึงเตียงคนไข้  ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น

 

ล่าสุดศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวที่ได้เกิดขึ้นเมือวันที่ 22 ตุลาคม 2566 อีก 1 ราย คือนายสุทิวัส ขุนณรงค์ อายุ 28 ปี หรือหนอน ทุ่งลาน ตามความผิด ร่วมกันกระทำการด้วยประการใด ให้ผู้ถูกคุมขังตรามอำนาจของศาล ซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปหลุดพ้นจากการคุมขึงไป โดยในวันนี้ (29 ต.ค.66)  ตร.กองปราบ 6 ได้ออกติดตามจับกุมตัวโดยการตรวจค้นบ้านพักของ หนอน  ทุ่งลาน  และพื้นที่ต้องสงสัย  แต่ยังไม่พบตัวผู้ต้องหา และรถยนต์เก่งคันดังกล่าวแต่อย่างใด

 

สำหรับ หนอน ทุ่งลาน นั้น เป็นลูกน้องคนสนิทของนายเชาวลิตหรือเสี่ยแป้ง ที่ทำหน้าที่จับรถยนต์เก๋งฮอนด้าซีวิคในการหลบหนี ในเบื้องต้นทราบว่าหนอน ทุ่งลาน เพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำกลางพัทลุง  ในข้อหามียาเสพติดไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเป็นขาใหญ่ของวงการค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.พัทลุง  และจังหวัดใกล้เคียง

 

โดยวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังบ้านของนายหนอน พบนางวรพัฒน์ อายุ 56 ปี แม่ของนายหนอน เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตนเองได้ทราบข่าวแล้วเรื่องที่ว่าลูกชายตนช่วยเหลือเสี่ยแป้งหลบหนี ตนก็รู้สึกเป็นห่วงเขา

 

โดยตนนั้นก็ไม่สามารถติดต่อนายหนอนได้เลย ปกติแล้วเบอร์ก็ติดต่อไม่ค่อยได้ และตัวแม่เองเวลาแม่ทำงานจะกลับค่ำจึงไม่ค่อยมีเวลาคุยกับลูก เจอเขาล่าสุดก็วันที่มีข่าวว่าเสี่ยแป้งออกจากคุก (22 ตุลาคม 2566) เขาก็นั่งอยู่ที่บ้าน ตนก็ได้ถามเขาคำหนึ่งว่า “เสี่ยแป้งออกจากคุกแล้วหรอ” เขาก็ตอบแค่ “ใช่ รู้เรื่องแล้ว” หลังจากนั้นก็ไม่เจอเขาอีกเลย

 

โดยรถเก๋งซีวิคดำที่บอกว่าลูกตนเป็นคนขับนั้นก็ไม่ใช่รถของลูกตน ลูกตนไม่เคยมีรถเก๋งเลย มีเพียงรถกระบะเท่านั้น

 

พอหลังจากที่มีข่าวออกมาว่าลูกตนเกี่ยวข้อง ตนก็พยายามติดต่อหาลูกไป แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ตอนนี้ก็ทำได้เพียงรอแค่ลูกตนติดต่อมาเท่านั้น ส่วนภรรยาของลูกตนนั้นตนก็ไม่เคยติดต่อหาหรือมีเบอร์ใดๆเลย เพราะไม่สนิทกัน

 

ส่วนเรื่องของสัมพันธ์ของนายหนอนกับเสี่ยแป้งนั้น คาดว่าน่าจะรู้จักกันตั้งแต่ตอนลูกตนติดคุกอยู่ในเรือนจำ เขาน่าจะสนิทกันในนั้น แต่ตอนอยู่ที่บ้านตนไม่เคยเห็นลูกโทรหาเสี่ยแป้ง หรือเสี่ยแป้งมาที่บ้านเลย

 

ตอนนี้ตนก็รู้สึกเป็นห่วงลูก อยากให้เขาออกมามอบตัว เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวอย่างไรก็มาคุยกันกัน ตนก็ติดต่อไม่ได้ก็อยากจะถามเขาว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร

 

ถ้านายหนอนดูข่าวอยู่ ตนก็อยากจะขอให้ลูกออกมามอบตัว แม่เป็นห่วงเขา อยากเจอหน้าลูก

 

ภายหลังวานนี้นายจักรี แป้นน้อย หรือ “บิ๊ก” และนายจิรวุฒิ ชุมศรี หรือ “ปอย” เข้ามอบตัวคดีช่วยพาเสี่ยแป้งหลบหนี  วันนี้ตำรวจยังคงนำตัวทั้งสองมาเค้นสอบเพิ่มที่สภ.เมืองนครศรีธรรมราช โดยตำรวจนำตัวนายจักรี แป้นน้อย หรือ “บิ๊ก” ออกมาจากห้องขังก่อนห้องควบคุมผู้ต้องหา ก่อนพาเดินขึ้นไปสอบปากคำด้านบนชั้น 2 ของโรงพัก

 

ระหว่างเข้าห้องสอบสวนทีมข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริง โดยสังเกตเห็นเจ้าตัวมีท่าทีปกติไม่เครียดและพูดคุยเล่นกับสื่อมวลชนที่ปักหลักทำข่าว  รวมถึงยังเตือนให้ช่างภาพที่บันทึกภาพอยู่ให้ระวังชนกันเองด้วย  นายบิ๊กยืนยันว่า ตนได้ไม่เป็นคนไปส่งกระเป๋าให้กับนายคเณช หรือ “บอย” ที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช และไม่ได้วางแผนพาเสี่ยแป้งหลบหนี

 

ส่วนเมื่อคืนวานนี้ ก็นอนหลับดี ไม่ได้เครียดอะไร เพราะไม่มีอะไรต้องเครียด แต่ยอมรับว่า “อยากรู้ว่าทำไมใครลงข่าวมั่วจัง มันคนละเรื่องเลย ตนไม่ได้รอเสี่ยแป้งหลบหนีเลย”

 

ต่อมาตำรวจก็คุมตัวนายจิรวุฒิ ชุมศรี หรือ “ปอย” ออกมาจากห้องควบคุมผู้ต้องหา เพื่อนกตัวไปสอบสวนเช่นกัน  ระหว่างที่คุมตัวไปสอบสวนทีมข่าวก็พยายามสอบถามข้อเท็จจริง  แต่เจ้าตัวไม่ปริปากพูด  และเมื่อพยายามสอบถามว่า “เครียดหรือไม่” เจ้าตัวก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที

 

หลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้นทางตำรวจได้นำตัว 2 ผู้ต้องหา ทั้งนายบิ๊ก และนายปอย ไปชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ 3 จุด  คือ จุดที่ 1 รถที่ใช้ก่อเหตุ  ซึ่งถูกยึดตรวจสอบมาที่สภ.เมืองนครศรีธรรมราช  จุดที่ 2 โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช  และจุดที่ 3 โรงแรมแห่งหนึ่งย่านอ.พระพรหม

 

จุดแรกตำรวจคุมตัวทั้งสองชี้จุดรถที่ใช้ก่อเหตุ  ซึ่งยึดมาตรวจสอบที่สภ.เมืองนครศรีธรรมราชแล้ว  ทั้งรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีขาว และกระบะอีซูซุดีแมกซ์ สีขาว

 

นายปอยไปชี้รถรถกระบะสีขาวมิตซูบิชิไททัน  และให้การตำแหน่งคนนั่งในรถ  บอกว่า ตัวเองเป็นคนขับรถ  ส่วนเสี่ยแป้งนั่งอยู่เบาะด้านหลังซ้าย  ขณะที่ภรรยาของนายปอย นั่งแยกไปอีกคันคือรถกระบะสีขาวอีซูซุ ดีแมกซ์

 

ต่อมานายบิ๊กก็ไปชี้จุดรถกระบะสีขาวอีซูซุดีแมกซ์  ให้การว่า ตนเองเป็นคนขับรถกระบะสีขาวอีซูซุดีแมกซ์  โดยตนนั่งเบาะคนขับ  ส่วนภรรยาของนายบิ๊กนั่งเบาะข้างคนขับ  และภรรยาและลูกของนายปอยนั่งเบาะหลังรถ  ยังยอมรับอีกว่าตนเองมีการพบปืนไว้ติดตัวตลอด 

 

แต่ตำรวจได้ซักถามต่อว่าป้ายทะเบียนรถเก็บไว้ไหน  ซึ่งนายบิ๊กก็ได้ให้การว่าตอนที่ขับรถกระบะมาก็ยังมีป้ายทะเบียนรถติดอยู่ซึ่งขณะที่ไปจอดรถทิ้งไว้ก็ยังมีป้ายทะเบียนรถติดอยู่เช่นกัน  ตนเองไม่ทราบว่าป้ายทะเบียนรถหล่นไปตอนไหน

 

หลังจากที่ชี้รถกระบะเสร็จตำรวจก็ได้คุมตัวนายบิ๊กและนายปอยไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อ  โดยไปพาไปโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช  ตำรวจพาทั้งคู่ไปชี้จุดแรกที่บริเวณหน้าตึกรังสี  เป็นจุดที่นายปอยจอดรถกระบะสีขาวมิตซูบิชิไททันทิ้งไว้

 

โดยมีนายบิ๊กเป็นคนขับรถกระบะสีขาวอีซูซุ ดีแมกซ์  คอยรับส่งนายปอยในการปฎิบัติภารกิจเตรียมพาเสี่ยแป้งหลบหนีออกจากโรงพยาบาล 

 

โดยรับส่งนายปอยระหว่างโรงแรมย่าน อ.พระพรหม และโรงพยาบาล  เป็นระยะทางกว่า 14 กม.  เนื่องจากรถกระบะสีขาวมิตซูบิชิไททันต้องทิ้งไว้ที่รพ.จำนวน 2 วัน  เพื่อสแตนบายรอเสี่ยแป้งหากหลบหนีหากหลบหนีได้สำเร็จ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนายบิ๊กและนายปอยมีความเชื่อมโยงคือภรรยาของทั้งสองคู่เป็นพี่น้องกัน

 

ต่อมาตำรวจพานายบิ๊กและนายปอยเข้าไปชี้จุดเพิ่มภายในตึกโรงพยาบาล เริ่มจากจุดแรก บริเวณชั้น G ตึกศัลยกรรม  ซึ่งต้องผ่านเครื่องสแกนใบหน้าก่อนจะสามารถขึ้นลิฟต์ได้  แต่ทั้งนายบิ๊กและนายบอยให้การว่าไม่ได้เดินผ่านเครื่องสแกนใบหน้า  เพราะนางสาวไหมได้ประสานกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแบบลับๆก่อนหน้านี้แล้ว  จึงสามารถทำให้ทั้งคู่เข้าตึกนี้เพื่อไปยังตึกอายุรกรรมที่เสี่ยแป้งรักษาตัวอยู่ได้

 

จากนั้นตำรวจก็พาทั้งคู่ขึ้นไปบริเวณชั้น6  โดยให้นายบิ๊กไปชี้จุดที่เตียงของเสี่ยแป้ง เป็นเตียงหมายเลข 19  นายบิ๊กเปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตัวเองเป็นเพื่อนกับเสี่ยแป้ง  และเสี่ยแป้งได้โทรศัพท์มาหาตนให้มาหามาเยี่ยมที่โรงพยาบาลแห่งนี้  ซึ่งตนก็ได้มาหาจริงและมาเยี่ยมจริงแต่ไม่ได้มีการวางแผนหลบหนี  เมื่อมาหาเสี่ยแป้งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร  โดยตนไปเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็มานั่งที่ระเบียงข้างห้องน้ำ  นั่งได้สักพักก็กลับทันที  โดยไม่ได้เครียดอะไรหลังถูกพามาชี้จุด

 

ส่วนนายปอยให้การว่า เมื่อมาถึงก็มานอนรออยู่ที่ระเบียงที่จัดไว้สำหรับญาติมานอนเฝ้าคนป่วย  ซึ่งเปิดเผยว่า “ ตนไม่ได้ตั้งใจมาช่วยเสี่ยแป้งหลบหนี  เพียงแต่มาเฝ้าไข้เท่านั้น “และได้เล่านาทีที่เสี่ยแป้งมาสะกิดตนเองช่วงกลางดึก โดยตอนนั้นสังเกตเห็นว่าเสี่ยแป้งเครื่องพันธนาการแล้ว  รวมถึงมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว  ซึ่งได้ลุกมาสะกิดตนและบอกว่า “ไป” จึงใช้เส้นทางหลบหนีเดินไปบริเวณระเบียงที่นายปอยนอนอยู่  แล้วเดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อหลบสายตาเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่เข้าเวร

 

นายปอยยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องและตกกระไดพลอยโจนไปกับเขา  เพราะถ้าตนเกี่ยวข้องจริงก็คงไม่พาลูกและพาภรรยามาเฝ้าไข้เสี่ยแป้งที่โรงพยาบาล ส่วนสาเหตุที่ตนต้องมาเฝ้าเพราะตนได้รับความช่วยเหลือจากเสี่ยแป้งตลอดและมีความสนิทสนมกัน  ซึ่งก่อนหน้านี้เสี่ยแป้งเคยให้ตอนไปอยู่บ้านพักด้วย

 

เมื่อทีมข่าวถามว่าขับรถพาเสี่ยแป้งหลบหนีแล้วแยกกันที่บริเวณจุดไหน  นายปอยก็ตอบว่าแยกกันบริเวณบนเขาเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดพัทลุง-ตรัง  จากนั้นเสี่ยแป้งก็ขึ้นรถเก๋งต่อและขับออกไป  โดยตอนนั้นตนไม่ได้สังเกตว่าเสี่ยแป้งได้นำอาวุธปืนไปด้วยหรือไม่ตอนหลบหนี ส่วนสาเหตุที่มามอบตัววันนี้เพราะตนบริสุทธิ์ใจ

 

ต่อมาตำรวจก็พามาชิ้นอีกหนึ่งจุดบริเวณหน้าลิฟท์ชั้นG  ซึ่งบริเวณจุดนี้ได้ปรากฏในภาพวงจรปิดที่ปรากฏตามช่องต่างๆ โดยทางเจ้าหน้าตำรวจได้จำลองเหตุการณ์ขณะเสี่ยแป้งลงลิฟต์เพื่อหลบหนี

ตามล่า "หนอน" สมุนขับเก๋งดำพาเสี่ยแป้งหนี แม่เปิดใจช่อง 8 อ้อนลูกมอบตัว "บิ๊ก-ปอย" แฉแผนแยบยลแหกรพ.