ศาลพิพากษา จำคุก "เบนจา อะปัญ" ผิด ม.112 จำคุก 3 ปี ส่วนคดี พ.ร.ก. ฉุกเฉิน 1 ปี ปรับ 12,000 บาท แต่ศาลให้ลดโทษกึ่งหนึ่ง เพราะจำเลยให้การเป็นประโยชน์ เหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน ปรับ 8,000 บาท แต่เห็นว่าจำเลยไม่เคยทำความผิด โทษจำคุกจึงให้ รอลงอาญา ไว้ 2 ปี
วันนี้ (30 ต.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ได้เดินทางมารอให้กำลังใจนางสาว เบนจา อะปัญ นักกิจกรรมและนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังศาลนัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่ "เบนจา" ปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ประกาศแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 2 ที่หน้าบริษัทซิโน-ไทย ในระหว่างกิจกรรม ‘คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช’ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2564 ในความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในเวลา 09.00 น. ของวันนี้
กระทั่งเวลา 09.30 น. นางสาว เบนจา ได้เดินทางมาถึงศาล พร้อมกล่าาวต่อสื่อมวลชนว่า กำลังใจของตนยังดี และพยายามจะคลายความกังวลออกไป เพราะอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ขอให้ไม่เป็นไปตามที่หวัง ต้องรับสภาพ และเดินหน้าสู้ต่อไป
เมื่อถามว่า แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลเป็นชุดใหม่แล้ว แต่นักกิจกรรมที่ยังถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 นั้น นางสาวเบนจากล่าวว่า คดีเหล่านี้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาอดีตนายกรัฐมนตรี และดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงยุครัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งแม้เราจะมีรัฐบาลใหม่แล้วก็ตาม แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าคดีเหล่านี้เกิดขึ้นในรัฐบาลปัจจุบัน เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่ตนคิดว่าในรัฐบาลนี้ จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ คือ หาจุดตรงกลางที่จะให้ผ่านจากเรื่องนี้ไปได้อย่างไร เพราะในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีผู้ถูกดำเนินคดีใน คดี ม.112 เยอะ และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลเก่า ที่ในวันนี้เป็นคดีสะสมสำหรับหลายๆ คน รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้อย่างไรต่อ และขอให้จับตาดู
เมื่อถามถึงกำลังใจหลังจากที่ทนายอานนท์ นำภา และนักกิจกรรมคนอื่นๆถูกดำเนินคดี 112 ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานางสาวเบนจา ยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมา ก็มีบ้างที่กำลังใจลดลง เพราะก่อนหน้านี้การเคลื่อนไหวแผ่วลงไป แต่เข้าใจบริบทของสังคมทุกวันนี้เป็นการเคลื่อนไหวในรูปแบบของรัฐสภา ซึ่งตนมองว่า ต่อให้ดำเนินคดีกับพวกเราไปจนสุดทาง แต่คนที่เปลี่ยนไปแล้วก็เปลี่ยน การที่เอาเราไปขังคุก และตัดสินคดีจำคุกไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้ทำให้สังคมนี้กลับไปอยู่จุดเดิม
นางสาวเบนจา ยังกล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นเพียงแค่อีกหนึ่งเรื่องที่จะต้องต่อสู้และผ่านไปให้ได้ ส่วนตอนนี้ตนมีคดีตนมีคดีพิพากษาที่รอการพิพากษาอยู่ 8 คดีเป็นคดีในมาตรา 112 ทั้งหมด หากวันนี้ได้รับการปล่อยตัวตนจะกลับไปเรียนหนังสือต่อเพราะเหลือเวลาอีกกว่า 1 ปี
ล่าสุด ศาลชี้จำเลยปราศรัยกล่าวถึง ร.10 โดยตรง ชัดว่าเป็นการหมิ่นประมาทล่วงเกิน การเบิกความของจำเลยไม่ได้ทำให้เห็นว่ามีเจตนากล่าววิพากษ์วิจารณ์ถึงรัฐบาลอย่างไร
พิพากษาผิด #ม112 จำคุก 3 ปี ส่วนข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำคุก 1 ปี และปรับ 12,000 บาท แต่ศาลให้ลดโทษกึ่งหนึ่ง เพราะจำเลยให้การเป็นประโยชน์ เหลือจำคุกรวมทั้งสิ้น 2 ปี 8 เดือน ปรับ 8,000 บาท
ศาลเห็นว่าจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และยังอยู่ระหว่างเรียน ป.ตรี ขณะกระทำผิดมีอายุเพียง 21 ปีเศษ ถือเป็นการกระทำผิดโดยขาดวุฒิภาวะ อยู่ในวิสัยที่จะกลับตัวเป็นพลเมืองดีได้ โทษจำคุกให้รอลงอาญา ไว้ 2 ปี