กรณีนางสีดา หรือ ป้าดา อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นเมียหลวงมีการจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฏหมายกับนายเชษฐ์ อายุ 54 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี โดยช่วงหลังมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป จนกระทั่งเมียหลวงจับได้ว่ามีหญิงอื่น และสืบทราบว่าหญิงรายดังกล่าวเป็นพยาบาลอยู่ในพื้นที่กรุงเทพ เจ้าตัวจึงตัดสินใจติด GPS ในรถเพื่อติดตาม และพยามหาหลักฐานโดยเฉพาะคลิปเสียงและคลิปมือถือ เพื่อที่จะฟ้องชู้ กับผู้หญิงรายดังกล่าว

โดยเมื่อวันที่ 30 ต.ค. นางสีดา เมียหลวงได้ไปออกรายการโหนกระแส หลังจากที่จบรายการแล้ว ป้าดาได้มาเจอกับทีมข่าว พร้อมกับมีการส่งคลิปหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่านายเชษฐ์ผู้อำนวยการโรงเรียนในฐานะสามีของป้าดา มีการควงผู้หญิงอื่นเข้าโรงแรม และพากันไปนั่งกินข้าวลักษณะใกล้ชิดถึงขั้นอบกอดกัน

ป้าดาปล่อย 3 คลิป แฉสามีและสาวพยาบาล

คลิปแรกของการปะทะเดือดระหว่างป้าดาเมียหลวง ซึ่งไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวคนใหม่ในโรงพยาบาล โดยในคลิปจะเห็นว่าสวมใส่เสื้อแดงยืนถือมือถืออยู่ปลายเตียง ขณะที่นายเชษฐ์สามีของป้าดา นอนเจ็บอยู่บนเตียงนอนในโรงพยาบาล ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่ป้าดาทะเลาะกับนายเชษฐ์ แล้วมีดไปแกว่งโดนนายเชษฐ์จนกระทั่งได้รับบาดเจ็บและเข้าโรงพยาบาล และเป็นช่วงที่ร้อยเวรกำลังเข้ามาทำการสอบปากคำ

ซึ่งป้าดาได้เข้าไปเยี่ยมดูอาการหลังเกิด แต่ปรากฏว่าเจอทั้งตำรวจที่กำลังสอบปากคำและเจอหญิงคนสนิทคนใหม่มายืนข้างเตียง, ป้าดาจึงตัดสินใจถ่ายคลิปดังกล่าวเอาไว้รวมประมาณ 3 คลิป

นอกจากนี้ป้าดายังมีการส่งคลิปล่าสุด ซึ่งมีการถ่ายเอาไว้ เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่คลินิกดังกล่าว บุกไปแอบถ่ายนายเชษฐ์สามี ที่กำลังนั่งกินข้าวกระหนุงกระหนิงกับหญิงสาวคนสนิท โดยจะเห็นบางช่วงมีลักษณะอบกอดกัน

และยังมีภาพนิ่งอีก2ภาพที่เห็นใบหน้าคาดตาชัดเจน ว่าตัวของนายเชษฐ์สามีใส่เสื้อสีแดงนั่งทานข้าวอยู่กับหญิงคนสนิทใส่เสื้อสีดำ ที่โต๊ะหมายเลขสี่ในร้านร้านอาหารดังกล่าว

 

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ ที่ป้าดาอ้างว่ามีการถ่ายเอาไว้ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงเข้าพรรษา ที่ตัวของนายเชษฐสามีพาหญิงคนสนิทเข้าโรงแรม โดยคลิปดังกล่าวเจ้าตัวแอบถ่ายอยู่ในรถ แต่จะได้ยินเสียงป้าดาร้องไห้แทรกเข้ามาในคลิป ซึ่งคลิปดังกล่าวก็เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าตัวของนายเชษฐ์มีการพาหญิงสาวคนสนิทไปที่โรงแรม แล้วอ้างว่าไปปฎิบัติธรรม

นอกจากนี้ป้าดายังได้มีการส่งคลิปอีกหลายคลิป ซึ่งมีการแอบตามความเคลื่อนไหวของหญิงสาวคนสนิทและนายเชษฐ์สามี ขับรถไปจอดในสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะโรงแรมและม่านรูด และหลายครั้งก็จะเห็นว่ามีหญิงสาวคนสนิทคนดังกล่าวเป็นคนมาเปิดประตูรถและใช้รถ เจ้าตัวจึงมีการส่งคลิปมาให้ทีมข่าวอีกหลายคลิป ซึ่งจะเห็นความเคลื่อนไหวของนายเชษฐ์สามีกับคนสนิท

ป้าดายังมีการส่งคลิปอีกประมาณ 3 คลิป ซึ่งเจ้าตัวถ่ายเอาไว้ช่วงเดือนมิถุนายน หลังจากที่เห็นว่าสามีเริ่มมีอาการเปลี่ยนไป และอาจกำลังมีหญิงคนสนิทคนใหม่ โดยคลิปดังกล่าวจะเห็นว่าตัวของนายเชษฐ์สามีนอนอยู่บนโซฟาไม้ แล้วตัวป้าดาก็มีการอัดคลิปหันไปทางสามี และผู้ทำนอง “ไหนจะรักกันจะดูแลกัน จะอยู่เคียงข้างกัน แต่ทำไมวันนี้ถึงจะไปมีคนอื่น และอ้างว่าจะให้เงิน 10,000 บาทเป็นค่าเลี้ยงดู แต่ถ้าเกิดนายเชษฐ์จะมีคนอื่น ตนเองจะไม่เอาแค่ 10,000 บาท แต่จะเอา2ล้าน”

 


ป้าดาเปิดอกคุย สุดจะทนพฤติกรรมผัวมีหญิงใหม่ ตัวเองเป็นเพียงแค่แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว

นางสีดา เผยว่า ตนเองคบหาและอยู่กินกับนายเชษฐ์สามีรวมกว่า 30 ปี ก่อนที่เจ้าตัวจะสอบติดและเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งตนเองคบหาและรู้จักกันตั้งแต่สมัยที่ทำงานโรงงานด้วยกันตั้งแต่อายุ20ต้นๆ จนกระทั่งลาออกจากโรงงาน มาช่วยกันเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่แถวบางใหญ่ ช่วยกันทำมาหากิน จนกระทั่งตนเองมีเงินส่งเสียและส่งให้สามีเรียนจนกระทั่งจบ และไปสอบเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ไปประจำอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี แต่แม้ว่าสามีตนเองจะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ส่วนตัวก็ยังเป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่ตลาดบางใหญ่ เหมือนเดิม ซึ่งต่างคนต่างทำงานช่วยกันหาเงิน และเวลาสามีว่างก็จะมาช่วยหยิบจับ ช่วยล้างหม้อก๋วยเตี๋ยว ช่วยดูแลลูกค้า

ส่วนตัวของนายเชษฐ์สามีนั้น ป้าดาบอกว่า ตนเองไม่มีอะไรฝากถึงนายเชษฐ์สามี เพราะที่ผ่านมาเคยฝากข้อความและพยายามที่จะพูดคุยหลายครั้งแล้ว นายเชษฐ์ไม่เคยฟังไม่เคยสนใจ ดังนั้นครั้งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องคุยหรือฝากสื่อสารอะไรไปอีกแล้ว ตนเองพร้อมที่จะดับเครื่องยนต์ และพร้อมที่จะดำเนินการตามข้อกฎหมาย เพราะฝ่ายของนายเชษฐ์ก็ฟ้องตนเองมา4คดี ทั้งหมิ่นประมาทและข้อหาอื่น ที่ไปเข้าข้างหญิงคนสนิทมากกว่าเข้าข้างเมียที่ยังมีทะเบียนสมรสด้วยกัน

ผอ.เชษฐ์ เปิดใจทีมข่าวช่อง 8 ยันความสัมพันธ์กับพยาบาลสาวเป็นแค่ที่ปรึกษาเท่านั้น

ผอ.เชษฐ์ เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า สิ่งที่ภรรยาของตัวเองให้ข่าวในรายการโหนกระแสนั้นไม่เป็นความจริง ทีแรกตัวเองกะว่าจะไม่ไปออกรายการ จะไม่ให้ข่าวกับสื่อแต่อย่างใด เพราะอยากต่อสู้กันในชั้นศาลอย่างเดียว แต่พอฟังที่ไปให้ข่าวแล้วตัวเองรู้สึกรับไม่ได้ ซึ่งหลังจากนี้ตัวเองและพยาบาลสาวคนดังกล่าว เจาะไปออกรายการโหนกระแส เพื่อไม่อยากให้สังคมรับฟังความข้างเดียว

ตัวเองขอยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอง กับสาวพยาบาลคนดังกล่าวนั้น เป็นแค่ที่ปรึกษา เรื่องคดี และ เป็นเพื่อนร่วมเล่นเทรดหุ้นเท่านั้น ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ มากไปกว่านี้เลย

ส่วนที่มีคลิปตัวเองและพยาบาลสาวคนดังกล่าว เดินเข้าโรงแรมบางแห่งด้วยกันนั้น ก็เป็นช่วงหลังจากที่ตัวเองถูกภรรยาทำร้ายร่างกาย จนต้องเข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นมาตัวเองก็ไม่ได้กลับที่บ้าน เลยไปเช่าโรงแรมนอน ซึ่งพยาบาลสาว ก็ไปดูแลตัวเอง และคอยให้คำปรึกษาต่างๆเรื่องคดีเท่านั้น เหตุการณ์ในโรงแรมไม่มีเรื่องอย่างว่า หรือมีอะไรเกินเลย

รวมถึงคลิปที่เห็นตัวเองไปนั่งตามร้านอาหารต่างๆกับพยาบาลสาวคนดังกล่าว ก็เป็นการไปทานข้าวและปรึกษากันเรื่องคดี หรือเรื่องเทรดหุ้นเช่นเดัยวกัน

สำหรับตัวเองรู้จักกับ พยาบาลคนดังกล่าว เริ่มต้นจากก่อนหน้านี้เขาได้มาสอบถามตัวเอง เพื่อที่จะให้ลูกของเขามาศึกษาต่อที่โรงเรียนของตัวเอง จากนั้นก็ได้โทรศัพท์พูดคุยกันในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนและผู้ปกครอง กระทั่งได้ไปนั่งดื่มกาแฟด้วยกันที่ร้าน ได้พูดคุยกัน ตัวเองก็เห็นว่าพยาบาลคนดังกล่าวเขาเป็นคนเก่ง ให้คำปรึกษาได้หลายๆอย่างจึงสนิทกันมากขึ้น กระทั่งพอตัวเองเกิดเรื่องจึงให้พยาบาลคนดังกล่าวเป็นที่ปรึกษา ทั้งเรื่องเล่นหุ้น และเรื่องคดีความ ซึ่งตอนนี้ตัวเองได้แจ้งความภรรยา แต่ข้อหาพยายามฆ่าเอาไว้

หลังให้สัมภาษณ์ ผอ.เชษฐ์ได้โทรศัพท์ไปหาพยาบาลสาวคนดังกล่าว เพื่อให้ยืนยันความสัมพันธ์ โดยพยาบาลสาว ยืนยันกับทีมข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า ตัวเองมีความสัมพันธ์กับผอ. เชษฐ์ ในฐานะเป็นที่ปรึกษา และเป็นพยาบาลส่วนตัว ซึ่งดูแลผอ.เชษฐ์หลังจากที่ถูกทำร้ายร่างกาย ไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวแต่อย่างใด ซึ่งทุกอย่างที่ภรรยาของผอ.เชษฐ์กล่าวหาตัวเองออกรายการ ตัวเองก็จะมีการไปแจ้งความหลังจากนี้

ส่วนรายละเอียดอื่นๆตัวเองยังไม่ขอให้ข่าว ซึ่งจะไปให้ข่าวทีเดียวในรายการโหนกระแส คาดว่าจะไปออกรายการเร็วๆนี่

ผอ.ท้าชนเมียหลวง ถูกแฉอี๋อ๋อ พยาบาลแจงเข้า รร.ไปเฝ้าไข้แจ้งจับเมียปากดีหึงคิดฆ่า