นางสาวเดียร์ นามสมมติ อายุ 26 ปี ได้ส่งแชทข้อความพร้อมกับรูปถ่ายคู่กับจอมขมังเวทย์ดังคนหนึ่ง มีความประสงค์ที่จะร้องเรียนขอความช่วยเหลือกับผ่านเพจ สายไหมต้องรอด ซึ่งแชทในข้อความระบุว่า ได้ไปให้จอมขมังเวทย์คนดัง ทำเสน่ห์เพื่อแก้ของออกจากตัวให้ โดยวิธีให้ถอดเสื้อ พร้อมกับเอาอวัยวะเพศสอดใส่ ตนเองไม่อยากจะยินยอมแต่ถูกอ้างว่าเป็นวิธีทำทางไสยศาสตร์ แต่เมื่อทำแล้วกลับไม่ได้ผลอย่างที่อ้างไว้ว่าหากทำแล้ว ทำเสน่ห์แล้วจะทำให้แก้ของที่โดนได้ สิ่งที่เกิดขึ้นยอมรับว่ามีพยานอยู่ในเหตุการณ์ด้วย
ขณะที่ต่อมาในช่วงบ่าย นางสาวเดียร์ (นามสมมติ) สาววัย 25 ปี เข้าพบ นายเอกภพ และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนอายุ 22 ปี ตัวเองมีอาการปวดศรีษะมาก และยังกินไม่ได้นอนไม่หลับ ร่างกายซูบผอม และทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต จึงคิดว่า เพราะญาติทำของคุณไสยใส่ เนื่องจากมีปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดินกัน หลังจากนั้นจึงตัดสินใจเดินทางไปดูดวงร่างทรงคนหนึ่ง ด้วยการหยดน้ำมนต์ ตอนนั้นคนทรงบอกว่าโดนทำของใส่ ตนเองจึงไปหาข้อมูลทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์ จนไปเจอชื่อของจอมขมังเวทย์รายนี้ประกอบกับเคยเห็นประวัติจอมขมังเวทย์ก็ทราบว่าจอมขมังเวทย์คนนี้มีการไปเรียนวิชาไสยศาสตร์จากประเทศเพื่อนบ้าน เคยย่างกุมารเป็นข่าวดัง ทำให้เชื่อว่าสามารถรักษาอาการที่ตัวเองเป็นได้ จึงตัดสินใจขอซื้อเกลือล้างอาถรรพ์และตะกรุด ในราคา 2,000 บาท
จากนั้นตนเองได้นำเกลือมาใส่อาหารทุกมื้อ กินเกลือได้ไม่ถึง 1 สัปดาห์ เกลือก็หมดและอาการไม่ดีขึ้น หลังจากนั้นจึงประสานกลับไปที่จอมขมังเวทย์คนเดิม จึงได้รับคำแนะนำว่าให้เข้าไปหาที่ตำหนักย่านดอนเมือง
ครั้งแรกที่เข้าหาจอมขมังเวทคือวันที่ 8 สิงหาคม 2562 ได้ให้ทำพิธีไปลงเสน่ห์ด้วยน้ำมัน จอมขมังเวทย์เรียกเข้าไปในห้อง แล้วให้ตนเองถอดเสื้อผ้าทั้งหมด และจอมขมังเวทย์คนนี้ก็ลงมือล่วงละเมิดตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางไปหาอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของพิธี และหลังจากนั้นตนเองก็ยังมีอาการเหมือนเดิม และที่หนักไปกว่านั้นมีอาการเพิ่มขึ้นไปจากเดิมด้วย คือ ตนเองมีความรู้สึกอยากจะเข้าไปหา และไปพูดคุยอกับจอมขมังเวทย์คนนี้ และตามเนื้อตามตัวตนเองมีลักษณะความรู้สึกเหมือนมีเข็มมาจิ้มตามร่างกาย ซึ่งจอมขมังเวทย์ก็แนะนำให้ตนเองเข้าไปหาตั้งแต่ตอนนั้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้นเป็นเวลาสามปี ไปครั้งล่าสุดคือช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้เอง จึงเชื่อว่าถูกเสน่ห์จากจอมขมังเวทย์คนนี้แทนการถอนของ
นอกจากนี้ นางสาวเดียร์ บอกว่าหลังจากที่เธอรู้สึกถึงความผิดปกติ ว่าจะถูกหลอกลวงจึงได้มีการไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ดอนเมือง เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม แต่ตำรวจก็ยังไม่ดำเนินการอะไร วันนี้จึงมาร้องเพจสายไหมต้องรอดให้เข้าช่วยเหลือ เพราะอยากให้สังคมรู้ถึงพฤติกรรมของจอมขมังเวทย์คนดังกล่าว
ภายที่หลังที่ผู้เสียหาย นายเปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วต่อมา นายเอกภพ และทีมสายไหมต้องรอดได้พา ผู้เสียหายไปหา “พระครูโสภณภัทรเวทย์” หรือพระอาจารย์อิทธิพล ปธานิโก หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “พระอาจารย์อ๊อด วัดสายไหม” พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เจ้าตำรับวัตถุมงคล “ตะกรุดลูกปืน” ที่ ตำบลคูคต อำเภอ ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี หลังจากที่เดินทางมาถึง พระอาจารย์อ๊อด ได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่าทำไม นางสาวเดียร์ จึงคิดว่าตัวเองโดนของ พร้อมกับมีการดูแววตา สีหน้า ท่าทางของนางสาวเดียร์ ก่อนที่พระอาจารย์อ๊อด จะเริ่มทำพิธีเสกน้ำมนต์ในขัน ใช้เวลาในการท่องคาถา ก่อนจะยื่นให้ นางสาวเดียร์ ดื่มน้ำมนต์ให้หมดขัน ซึ่งพระอาจารย์อ๊อดบอกว่าถ้าคนโดนของจริงเวลาดื่มน้ำมนต์เข้าไปจนหมดจะมีอาการอาเจียนออกมา โดยระหว่างที่กำลังดื่มน้ำมนต์นางสาวเดียร์มีอาการอาเจียนออกมา 1 ครั้ง และมีอาการพะอืดพะอม แต่สุดท้ายเธอก็ดื่มน้ำมนต์ต่อจนหมดขัน
หลังจากนั้น พระอาจารย์อ๊อดได้เปิดเผย ยืนยันต่อหน้าสื่อมวลชนและ น.ส.เดียร์ ว่า เท่าที่พระอาจารย์ดูจากอาการของนางสาวเดียร์แล้ว ลักษณะอาการแบบนี้ไม่น่าจะเป็นอาการของคนโดนของ เพราะหากเป็นคนโดนของจริงๆ ส่วนใหญ่จะมีญาติพามาหาพระอาจารย์และคนโดนของจะไม่กล้าที่จะสบตา และจะไม่มีแววตาด้วย ซึ่งเท่าที่วังเกตนางสาวเดียร์อยู่ในสภาพปกติทุกอย่าง ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะอาการจิตตก หรือมีอะไรที่คิดอยู่ภายในใจ อีกทั้งนางสาวเดียร์เป็นคนชอบศึกษาเรื่องไสยศาสตร์ ทำให้เกิดการอยากลองของ ทั้งนี้ พระอาจารย์ขอฝากเตือนประชาชน บอกว่าแม้ปัจจุบันจะเป็นโลก 4G แล้ว แต่เรื่องไสยศาสตร์ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีอยู่ แต่ไม่เคยมีถึงขั้นที่จะต้องไปหลับนอนร่วมกับคนแก้คุณไสย หรือคนทำของ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นการเล่นผิดวิธี ถ้าพูดกันตามกฎหมายก็จะต้องไปตรวจสอบกันอย่างละเอียด.
โดยเมื่อ นางสาวเดียร์ ทำพิธีกับพระอาจารย์อ๊อดเสร็จสิ้นแล้ว ระบุว่า หลังจากที่ดื่มน้ำมนต์เข้าไปแล้ว รู้สึกตัวเบาและเลือดลมไหลเวียนดีขึ้น จนมีลมออกที่หู และอาการเจ็บตามร่างกายเบาบางลง ต่างจากที่ก่อนหน้านี้ตัวเองรู้สึกไม่สบายตัว ส่วนที่มีอาการอาเจียนออกมาคิดว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์ โดยหลังจากนี้ตัวเองจะเลิกคิดฟุ้งซ่านที่จะไปหาหมอดู ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเคยชื่นชอบและศึกษาตำราเกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์ แต่เมื่อโดนกับตัวเองและรุนแรงถึงขั้นนี้ ทำให้ตัวเองต้องไปทบทวนถึงความเหมาะสมและถูกต้อง ยืนยันว่าหากจะตัดสินใจทำอะไรหลังจากนี้ตัวเองจะไปพูดคุยกับเพื่อนและสามีก่อน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีกเพราะตัวเองก็อายุมากแล้ว
วันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตำหนักของ นายหาญ หรือเณรแอร์ หลังจากที่นักข่าวเดินทางไปถึง เณรแอร์พาสื่อมวลชนไปตรวจสอบภายในห้องนอนส่วนตัว ซึ่งอยู่ติดกับห้องรับแขกที่ทำพิธี เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ จากการตรวจสอบภายในห้องนอนของเณรแอ มีแป้งปลุกเสกและเครื่องรางของขลังบางส่วน ส่วนบริเวณที่ห้องรับแขกมีวัตถุมงคลเยอะแยะมากมาย นักข่าวสังเกตุเห็นกล่องใส่ผงสีขาวคล้ายกับเกลือ เราจึงสอบถามว่า “นี่คือเกลือที่นางสาวเดียร์กล่าวอ้างหรือไม่”
แต่เณรแอบอกกับนักข่าวว่า “นี่ไม่ใช่เกลือแต่เป็นผงที่กินแล้ว ทำให้มีคนรักคนหลง ซึ่งสิ่งนี้ไม่ใช่เกลือเหมือนที่นางสาวเดียกล่าวอ้าง”หลังจากนั้นเณรแอได้พานักข่าวมาดูสถานที่อาบน้ำมนต์ซึ่งเป็นพื้นที่กลางแจ้งภายนอก
โดยเณรแอให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ยืนยัน ว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมที่ น.ส.เดียร์กล่าวอ้าง ว่ามีการล่อลวงล่วง ละเมิดทางเพศเพื่อจะแก้เคล็ดและแก้คุณไสยมนต์ดำ แต่ยอมรับว่า นางสาวเดียร์เคยมาที่ตำหนักของตัวเองจริง 2-3 ครั้ง เพื่อมาทำพิธีอาบน้ำมนต์กับลงนะหน้าทอง ซึ่งมีการถูกตัวโดยใช้เพียงปลายนิ้วสัมผัสที่บริเวณหน้าผาก และไม่มีการเปลือยกายเพื่อทำพิธีลงน้ำมัน รวมทั้งไม่มีการร่วมหลับนอนกับ น.ส.เดียร์ อย่างแน่นอน ซึ่งแต่ละครั้งที่ น.ส.เดียร์ มา จะมีลูกศิษย์อยู่ตลอดเวลาและภายในบ้านก็มีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกจุด ส่วนที่ น.ส.เดียร์ กล่าวหา เณรแอมองว่า น่าจะเป็นการดิสเครดิตเนื่องจากเร็วๆ นี้ตัวเองกำลังจะมีภาพยนตร์เข้าฉาย เรื่องมนต์ดำสั่งตาย ส่วนการไปแจ้งความของ นางสาวเดียร์ตัวเองก็ยืนยันที่จะไปให้ข้อมูลกับตำรวจ แต่จะฟ้องกลับหรือไม่นั้นเดี๋ยวขอพิจารณาดูอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน นายเอกภพ บอกว่า ข้อมูลที่ได้มา ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้มีความรู้เรื่องไสยศาสตร์ หลังจากสิ้นสุดขั้นตอนที่นี่จะพาผู้เสียหายไปตรวจสอบสภาพจิตใจและร่างกายที่โรงพยาบาล ส่วนที่แจ้งความไว้วันนี้ ก็ให้ทางตำรวจสอบปากคำผู้เสียหาย ซึ่งพยานหลักฐานต่างๆหลังจากนี้จะมีการประสานในการกู้ข้อมูลแชทมาเป็นหลักฐานเพิ่มเติม