วันนี้ (31 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ นาย กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ "กัน จอมพลัง" ได้พานางสาว สีดา (นามสมมติ) อายุ 52 ปี เข้าร้องเรียนต่อ นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้ลงโทษทางวินัยกับสามี จากกรณีที่สามีของเจ้ดา ซึ่งเป็น ผอ. รร .แห่งหนึ่งที่จังหวัดเพชรบุรี ไปมีเมียน้อยแต่เมียน้อยอ้างว่าตนเป็นที่ปรึกษาและไปปรึกษากับสามีที่โรงแรมเพราะโรงแรมปลอดภัย แถมเธอยังป่วยเป็นมะเร็งร้าย ไม่เคยได้รีบการเหลียวแลอีกทั้งยังรวมหัวกันฟ้องเธอ
โดยเจ๊สีดา เปิดเผยว่า เธอแต่งงานจดทะเบียนสมรสอยู่กินกับสามีมานานกว่า 30 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 29 ปี ทำงานแล้ว ปัจจุบันนี้เธอ เป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว ส่วนสามีรับข้าราชการเป็นครู ปัจจุบันเป็น ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จังหวัดเพชรบุรี ตลอดเวลาที่ผ่านมาสามีรักตน ดูแลตนเป็นอย่างดี จนกระทั่งสามีไปเป็นผอ.โรงเรียน ก็เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ดูแลตัวเองมากขึ้น ปรับลุคบุคลิกส่วนตัวด้วยการย้อมผมหงอก เปลี่ยนผมขาวให้เป็นผมดำ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ตนสงสัย จนกระทั่งได้ทราบความจริงว่า สามีแอบคบชู้เป็นนางพยาบาลที่บ้านอยู่ใกล้กับโรงเรียน 500 เมตร กระทั่งช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 จับได้คาหนังคาเขาว่าทั้งคู่เดินลงมาจากโรงแรมด้วยกัน จึงไปพูดคุยสอบถามถึงข้อเท็จจริง แต่กลายเป็นว่ามีปัญหาทะเลาะกันอย่างรุนแรงกว่าเดิม บางครั้งสามีพูดจาดูถูกตนสารพัด จนรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ทั้งที่เคยลำบากด้วยกันมาด้วยกัน 30 กว่าปี
"มีช่วงหนึ่งที่เธอทะเลาะกับสามีหนักมาก จึงคว้ามีดทำร้ายและมีการยื้อแย่งไปมากับสามี จนทำให้สามีได้รับบาดเจ็บที่บริเวณท้อง ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เธอก็ไปเฝ้าปรนนิบัติดูแล แต่สามีกลับพาสาวชู้มาดูแลแทน และแจ้งความดำเนินคดีเธอ ในข้อหา "ทำร้ายร่างกายในบาดเจ็บสาหัส" หลังจากที่สามีออกจากโรงพยาบาล เธอก็แอบติดตั้ง GPS ติดตามบนรถยนต์ของสามี จนตามไปจับได้อีกว่า ทั้งคู่ยังคบหาและอยู่ด้วยกันตลอด มีการพากันไปเปิดโรงแรม ไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ โดยไม่สนใจเธอ โดยครั้งล่าสุดต้นเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา เธอตามไปเจอ ทั้งคู่ไปกินข้าวด้วยกัน โอบกอดหอมแก้มกันในร้านอาหาร พอเธอส่งข้อความไปด่าสามีในไลน์ส่วนตัว สามีกลับแคปข้อความดังกล่าวไปให้สาวชู้ดูและร่วมมือกันฟ้องร้องเธอฐานหมิ่นประมาท อีกหนึ่งข้อหา อย่างไรก็ตามเธอไม่ยอมได้ฟ้องชู้ ฐานที่เป็นชู้กับสามี แต่หญิงชู้ก็ฟ้องตนกลับในข้อหาหมิ่นประมาท" เจ๊สีดา กล่าว
สีดา กล่าวทั้งน้ำตาว่า ไม่คิดเลยว่าช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมา จะไม่มีความหมาย ตนเองดูแลสามีมาตลอด ตกทุกข์ด้วยกัน คอยช่วยเหลือให้สามีถึงฝั่งฝัน แต่ตอนนี้เธอป่วย เป็นมะเร็งที่มดลูก อยู่ระหว่างรักษาตัว สามีก็ไม่เคยมาเหลียวแล ไม่เคยสอบถามด้วยซ้ำว่าอาการเป็นอย่างไร ต้องไปรักษาอาการคนเดียวตลอด ความรักที่ให้ไปกลับได้หมายศาลมาเป็นของขวัญตอบแทน
"วันนี้ตนตัดสินใจเดินทางมาพร้อมนายกัน จอมพลัง เพื่อมายื่นหนังสือเอกสารหลักฐานที่กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอให้ตรวจสอบทางวินัยกับสามีที่เป็น ผอ.โรงเรียน และอยากให้ดำเนินการตรวจสอบให้ถึงที่สุด ให้ถึงขั้นออกจากราชการนอกจากนี้ตนเองได้ฟังบทสัมภาษณ์สามีเมื่อวาน ก็รู้สึกเสียใจมาก กล่าวหาว่าตนเองมีคนอื่นๆ มีคลิปสัมพันธ์กับผู้ชายอื่น ท้าเลยว่าให้เอาหลักฐานมาเปิด ตนเองยืนยันเกิดมาไม่เคยนอกใจสามีและไปมีสัมพันธ์กับชายอื่น วันนี้ตนเองเป็นเหมือนตัวแทนเมียหลวง อยากเรียกร้องให้เมียหลวง ที่อาจจะไม่มีศักดิ์มีสีมีอาชีพการงานที่เชิดหน้าชูตาให้กับสาทีได้แต่อยากให้ออกมาเรียกร้องศักดิ์ศรีความเป็นเมียหลวง" เจ๊สีดา กล่าว
ขณะที่กัน จอมพลัง บอกว่า วันนี้พาเจ๊สีดามายื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อดำเนินการทางวินัยกับตัวผัวที่เป็น ผอ. ซึ่ง ทำงานอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยตนเองอยากให้ตรวจสอบทั้งเรื่องจริยธรรมจรรยาบรรณการเป็นบุคลากรทางการศึกษายืนยันว่าจะเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพี่สีดาในฐานะเมียหลวง
ทีมข่าวช่องแปดได้พูดคุยกับครูนุ่มนิ่ม ครูในโรงเรียนดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุที่เกิดขึ้นตัวเองก็เพิ่งทราบในข่าว ที่ทางภรรยาของผอ. ไปออกรายการรายการหนึ่ง ส่วนรายละเอียดความสัมพันธ์ของผอ. และผู้หญิงที่เป็นพยาบาลนั้น ตัวเองก็ไม่รู้เรื่อง ที่ผ่านมาตัวเองไม่เคยเห็นผอ. กับผู้หญิงที่เป็นพยาบาลแต่อย่างใด
แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ ก็เคยทราบเรื่องที่ผอ. โดนภรรยาใช้มีดแทงจนได้รับบาดเจ็บมาแล้ว โดยทราบมาว่าเป็นเรื่องความสัมพันธ์ภายในครอบครัว แต่ตัวเองก็ไม่ได้ถามรายละเอียดกับใคร ได้ยินแต่เค้าเล่าต่อๆกันมา
เท่าที่ตัวเองสัมผัสกับผอ. คนดังกล่าวมา เขาก็เป็นคนนิสัยดี ขยันทำงาน และชอบช่วยเหลือครูในโรงเรียน และก็ไม่เคยพบว่าผอ. มีพฤติกรรมเชิงชู้สาว กับครูผู้หญิงในโรงเรียน หรือผู้หญิงคนอื่นๆแต่อย่างใด
ตอนนี้ตัวเองก็ไม่ทราบว่าผอ. ไปอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเค้าไม่ได้อาศัยอยู่บ้านของเค้าแล้ว
กระบวนการทางกฎหมายระหว่างผัวเมีย
ต่อมาทีมข่าวช่องแปดเดินทางมายังบ้านของ ผอ. เชษฐ์ ซึ่งทีมข่าวพบแต่นายตั้ม นามสมมติ ลูกชายของผอเชษฐ์
นายตั้มให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ที่ว่าพ่อไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นนั้น ตัวเองขอยืนยันว่าเป็นความจริง เพราะทุกครั้งที่พ่อไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนดังกล่าวสองต่อสอง ตัวเองก็เป็นหนึ่งคนที่เดินทางไปกับแม่ตลอด และไปเจอพ่ออยู่กับผู้หญิงคนนั้นด้วยตาของตัวเอง ซึ่งก็เป็นตามในคลิปที่แม่นำไปออกรายการทั้งหมด ส่วนเรื่องที่แม่ก่อเหตุแทงพ่อจนได้รับบาดเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาลนั้น กรณีนี้ตัวเองไม่รู้เรื่อง เพราะวันนั้นมันไม่อยู่ในเหตุการณ์
สำหรับพ่อตัวเอง ก่อนหน้านี้เค้า เป็นคนนิสัยไม่เจ้าชู้ และพึ่งมาเป็นในระยะหลังๆ น่าเดือนพฤษภาได้เพราะตอนนี้ตัวเองก็ยังไม่ได้พูดคุยกับพ่อหลายหลายวัน เพราะพ่อย้ายออกจากบ้านไปเช่าหอพักอยู่ที่อื่น ในมุมมองของตัวเองที่เป็นลูก ก็ไม่อยากให้พ่อแม่ต้องมาเลิกกัน อยากให้คืนดีกัน ส่วนผู้ใหญ่ทั้งสองตัดสินใจแบบไหนนั้น ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขา