ดีเดย์"สิระ"เปิดร้านอาหารอีสาน"เอ๋ ปารีณา"ควงสากโชว์ตำแซ่บ "เต้"ร่วมแจมแย้มเตรียมหิ้วไก่ย่าง-ส้มตำ เยี่ยม"ทักษิณ"สัปดาห์หน้า
วันที่ 1 พ.ย. 66 นายสิระ เจนจาคะ อดีตสส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เปิดร้านอาหารอีสาน “ครัวเรือนไทย”
โดยมีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (เต้) อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้มาโชว์ฝีมือการตำส้มตำประเดิมร้านใหม่ โดยมีนายสิระ เป็นผู้ชิมฝีมือของทั้งคู่
นอกจากนี้ ยังมีการสอบถามทั้ง 3 ท่าน ว่าหากเปรียบเทียบอาหารกับรัฐบาลชุดนี้ อยากจะเปรียบเทียบเป็นอาหารอะไร
ด้านนายสิระ บอกว่าให้เป็น "แกงจืด" เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่มีรสชาติอะไรเลย จืดชืด ส่วนนายมงคลกิตต์ เปรียบเป็น ส้มตำ(ตอแหล) เพราะตอนแรกบอกอีกรสชาติ พอตำเสร็จเป็นอีกรสชาติหนึ่ง
ขณะที่น.ส.ปารีณา บอกว่าให้เป็นปลาร้า(เน่า)
เมื่อสอบถามนายสิระ ว่าจะให้ร้านอาหารนี้เข้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทหรือไม่ นายสิระ บอกว่า ไม่เข้าร่วมเพราะอายุ 60 แล้วใช้เทคโนโลยีแบบนี้ไม่ถนัด ควรออกนโยบายเป็นเงินสดแทน เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน
ขณะเดียวกัน มีการจับตามอง ถึงการรวมตัวครั้งนี้ของทั้ง 3 คน โดยมีการเปิดเผยว่า ในวันอังคารหน้าจะเอาส้มตำและไก่ย่างเขาสวนกวางของนายสิระ ไปเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 ที่รพ.ตำรวจ โดยให้เหตุผลว่าหากนายทักษิณทานไก่ย่างเขาสวนกวางได้ แปลว่าไม่ป่วยหนัก สมควรกลับไปรับโทษในเรือนจำ แต่หากไปแล้วไม่พบตัวนายทักษิณ ก็จะเดินหน้าเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมถึงผบ.เรือนจำ เพราะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
นายสิระ ยังบอกอีกว่า การเปิดร้านอาหารได้ไอเดียมาจาก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เปิดร้านอาหารแกงใต้แล้วเป็นกระแส มีคนเข้าไปทานอาหารที่ร้านเยอะ เห็นว่าประสบความสำเร็จเลยขอเลียนแบบมาเปิดร้านส้มตำไก่ย่างเขาสวนกวางบ้าง เพราะตัวเองมีบ้านทรงไทยอยู่แล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร จึงใช้พื้นที่นี้เปิดเป็นร้านอาหาร ให้ที่นี่เป็นศูนย์รวมเหมือนร้านอาหารแกงใต้ ที่มีนักการเมืองมาพบปะพูดคุยกัน พูดถึงความหลังกันที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองไหน เพราะตอนนี้ทั้ง 3 คน ไม่ได้เป็นนักการเมืองแล้ว แต่ยอมรับว่าเมื่อก่อนเป็นคู่อริกับนายมงคลกิตติ์ ยิ่งไปอยู่ฝ่ายค้านก็ยิ่งไปกันใหญ่ แต่พอไม่มีเรื่องการเมืองก็กลับมารักกันเหมือนเดิม การเมืองก็เป็นแบบนี้แหละ
ด้านนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ยอมรับว่า นาทีที่มาถึงตกใจที่เห็นนายสิระและนายมงคลกิตติ์อยู่ด้วยกัน ไม่รู้ว่าทั้งคู่ไปดีกันตอนไหน เพราะตอนอยู่ในสภาก็เห็นห้ำหั่นกันดุเดือด แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เพราะการเมืองคือการละคร ในชีวิตจริงมีคนเจ็บช้ำกันมามากมาย ส่วนคนสบายก็ยังสบายต่อไป
ด้านนายมงคลกิตติ์ ยอมรับว่าต้องห้ำหั่นกันเป็นธรรมดา เพราะการเมืองเล่นจริงเจ็บจริง ถูกดำเนินคดีจริง หลายคนอาจจะมองเรื่องการเมืองเป็นเรื่องเล่น ๆ แต่มันคือความจริงทั้งหมดทุกเรื่อง แล้วตอนนี้นายสิระมาเปิดกิจการก็ต้องมาสนับสนุน เพราะการเมืองจบไปแล้ว อะไรที่ทำเพื่อบ้านเมืองได้ก็พร้อมที่จะทำ และถ้ารัฐบาลดีก็จะสามารถทำธุรกิจได้ดี
นางสาวปารีณา ยังแสดงความคิดเห็นต่อการทำงานของฝ่ายค้านในสมัยรัฐบาลยุคนี้ว่า ฝ่ายค้านรุ่นนี้ยังไม่มีความกระตือรือร้นเหมือนกับในอดีต เพราะคนที่เป็นนักอภิปรายไม่ได้เข้าสภาเยอะเลย และคนที่เข้าสภาก็เหมือนไปยกมือให้อีกฝ่าย เมื่อเปรียบเทียบกับพรรคประชาธิปัตย์แล้วพรรคก้าวไกลยังทำหน้าที่ไม่ดีเท่าไหร่ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย จึงทำให้ไม่ได้เห็นการตรวจสอบที่จริงจัง การตรวจสอบนอกสภาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ จึงอยากเชิญชวนประชาชนหรืออินฟลูเอนเซอร์เป็นผู้ร่วมตรวจสอบด้วย