ป้าถอน” ท้า ทีมทนายลุงพล พิสูจน์เดินขึ้นเขา เป็นไปไม่ได้ ชมพู่ตามหมาขึ้นไปตายเอง
ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินขึ้นภูเหล็กไฟอีกครั้ง โดยเดินทางไปกับป้าถอน ชาวบ้านบ้านกกอก ซึ่งป้าถอนมักจะขึ้นภูเหล็กไฟไปหาของป่าอยู่บ่อยครั้ง ป้าถอนให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เมื่อวานนี้ตนเองได้รับฟังข่าวจากทีมทนายลุงพลเรื่องข้อต่อสู้ของลุงพล เกี่ยวกับ “หญ้าเพ็ก” ซึ่งทนายอ้างว่า รอยขีดข่วนตามร่างกายของน้องชมพู่ เกิดจากที่น้องเดินขึ้นภูเหล็กไฟด้วยตัวเอง และระหว่างทาง ถูกหญ้าเพ็กทำให้มีรอยตามแขนและขา
ตนเองมองว่า ก็มีความเป็นไปได้ที่หญ้าเพ็ก ทำให้ตามแขนขาของน้องชมพู่มีบาดแผล แต่รอยบาดแผลนั้นจะไม่ลึก ถึงขั้นเลือดออก จะเป็นรอยขีดข่วนเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากหญ้าเพ็ก เป็นหญ้าที่อ่อน และไม่ได้มีหนาม แต่หากเป็น “เครือกลอย” ซึ่งเป็นไม้เถาล้มลุก ซึ่งอยู่บนภูเหล็กไฟเช่นกัน บริเวณก้านของกลอย จะมีหนามแหลมคม อาจจะทำให้น้องชมพู่ถูกหนามจนเลือดออก เป็นแผลลึกได้มากกว่าหญ้าเพ็ก
ซึ่งการที่ทีมทนายลุงพล อ้างว่า พบรอยบาดแผลตามร่างกายของน้องชมพู่ ซึ่งเกิดจากหญ้าเพ็ก แต่ไม่พบรอยบาดแผลจากลุงพล ตนเองมองว่า คิดไม่ถูก เนื่องจาก ในวันที่น้องชมพู่หาย คนร้ายที่อุ้มน้องไป หรือ ลุงพล ก็อาจจะใส่เสื้อแขนยาวป้องกันก็ได้
ส่วน ทีมทนายลุงพล อ้างเรื่อง กระจุกผมของน้องชมพู่ที่ถูกตัดเป็นกระจุก อาจเกิดจากสัตว์ป่า เช่น หนู แมลงสาบ กัดแทะผมก็เป็นไปได้ ตนเองยอมรับว่า บนภูเขา มีหนู และแมลงสาบจริง และเชื่อว่า จุดที่พบศพน้องชมพู่ก็มี เพราะสัตว์พวกนี้จะอยู่ในโพรง แต่สัตว์พวกนี้ มันจะกัดแทะผมน้องชมพู่ได้เป็นกระจุกเลยหรือ หากหนูแทะ มันจะกัดเป็นเส้นๆ และแต่ละความยาวของเส้นผมที่ถูกแทะก็ต้องไม่เท่ากัน ส่วนแมลงสาบแทะผมตนเองไม่เคยเห็น และสัตว์พวกนี้จะมีมากในช่วงฤดูฝน
แต่ช่วงพฤษภาคม ปี 63 ช่วงที่น้องชมพู่หาย เพิ่งผ่านไฟไหม้ป่ามาไม่นาน และอากาศร้อนจัด ตนเองคิดว่า สัตว์จำพวกหนูและแมลงสาบ แทบจะไม่มีด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นไปได้ยากที่สัตว์พวกนั้นจะมาแทะกัดผมของศพ
ส่วนเสื้อของน้องชมพู่ ที่ทีมทนายลุงพลอ้างว่า หายไปเพราะถูกวัวกิน ก็เป็นไปได้ยาก เพราะว่าจุดที่พบศพน้องชมพู่ สูงเกินไปที่วัวจะขึ้นไปกินหญ้าได้
ดังนั้น ป้าถอนยังมั่นใจเช่นเดิม น้องชมพู่ไม่สามารถเดินตามหมาปลาส้ม ขึ้นไปบนเขาและตายเองได้อย่างแน่นอน ทีมทนายที่บอกว่า เด็กตามหมาขึ้นเขาได้ อยากถามกลับทีมทนายลุงพลว่า “แล้วหมามันมีแรงจูงใจอะไรที่มันต้องขึ้นไปบนเขา?” เพราะมันอยู่ที่บ้านก็มีข้าวกิน มันจะขึ้นไปทำไม เพราะที่ผ่านมามันไม่เคยขึ้นไป
นอกจากนี้ป้าถอนยังท้าให้ทีมทนายความของลุงพลทุกคน หรือ ใครที่เชื่อว่า น้องชมพู่ขึ้นเขาที่ไกลกว่า 2 กิโลเมตรจากบ้านไปเสียชีวิตเองได้ “ตนเองขอท้าให้ลองมาขึ้นเขาดู และฝากไปถึงทนายความของลุงพล หากทนายความมีลูก ก็พามาด้วย ให้ขึ้นเขาไปพิสูจน์พร้อมกับตนเองเลยว่า ลูกของทนายความ จะขึ้นเขาสูงขนาดนั้นได้หรือไม่ โดยตนเองยืนยัน จะไม่คิดเงินค่านำทางพาขึ้นเขาสักบาท และยินดีพาขึ้นไปจุดที่พบศพน้องชมพู่ด้วย จะได้รู้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่ทนายอ้างว่า เด็กขึ้นไปได้ ตนเองอยากรู้ว่า ทนายความที่อ้าง เคยขึ้นไปบนจุดที่เจอศพน้องชมพู่บ้างหรือยัง”
ซึ่งตนเองต่อให้ทนาย ก่อนขึ้นหาเส้นทางที่เด็กจะเดินขึ้นไปได้ง่ายที่สุด หามาเองเลยก็ได้ ซึ่งตนเองมั่นใจว่า ทุกเส้นทาง ที่จะขึ้นภูเหล็กไฟไปยังจุดที่พบศพชมพู่ สูงและชัน เด็กขึ้นไม่ได้ในทุกเส้นทาง ใครไม่เชื่อตนเองขอท้าให้มาพิสูจน์
ช่อง 8 พิสูจน์เดินขึ้นภูเหล็กไฟเวลากลางคืน พบยากกว่ากลางวันหลายเท่า - จุดพบศพน้องชมพู่ เด็กเดินขึ้นได้ยาก ก้าวพลาดอาจเจ็บหนัก
นอกจากนี้ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้ทดสอบขึ้นภูเหล็กไฟในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ฝั่งทนายลุงพลได้ตั้งสมมุติฐานว่า น้องชมพู่อาจใช้เวลาเดินขึ้นไปเสียชีวิตเอง ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ซึ่งจากการทดสอบพบว่า การขึ้นภูเหล็กไฟในเวลากลางคืน ถือว่า มีความยากลำบากมากกว่าในเวลากลางวันหลายเท่าตัว และหากน้องชมพู่เดินขึ้นภูเขาไฟมาเสียชีวิตเองจริง แต่ตามตัวน้องแทบไม่มีบาดแผลเลย ถือเป็นเรื่องที่แปลก
โดยทีมข่าวได้เดินทางไปพร้อมกับชาวบ้านสองคน ซึ่งเป็นพรานหาของป่า โดยทั้งสองให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เด็กเป็นไปได้ยากมากที่จะเดินขึ้นภูแด็กไฟเองได้ในเวลากลางคืน เนื่องจาก น้องชมพู่ไม่มีทั้งไฟฉาย ไม่มีทั้งคนนำทาง ประกอบกับเส้นทางขึ้นภูเหล็ก มีหญ้าเพ็กขึ้นสูง ทั้งความมืด และหญ้าเพ็กที่ขึ้นสูง ทำให้เวลาเดิน ไม่สามารถมองเห็นได้เล่นว่า เส้นทางขึ้นเขา พื้นดินมีความลาดชันขนาดไหน มีหิน หรือ ตอไม้ อยู่ตรงไหนบ้าง ซึ่งชาวบ้านบอกว่า หากเดินไม่ระวัง ก็อาจจะสะดุด และบาดเจ็บหนักได้
ซึ่งระหว่างทางที่ทีมข่าวกำลังเดินไปใกล้ถึงกับจุดพบศพน้องชมพู่ พบว่า เส้นทางมีลักษณะลาดชัน และหากไม่มีไฟฉายจะมองไม่เห็นพื้นด้านล่าง ทำให้ทีมข่าวสะดุด เหยียบก้อนหินพลาด และได้รับบาดเจ็บ เข่ากระแทกกับโขดหินจนหน้าแข้งถลอก
ซึ่งขนาดทีมข่าวเป็นผู้ใหญ่ และขึ้นภูเขาไฟในเวลากลางวัน เพื่อมายังจุดที่พบศพน้องชมพู่ ไม่ต่ำกว่า 15 ครั้งตลาดที่ทำข่าวมา แต่เมื่อลองทดสอบเดินในเวลากลางคืน หากไม่ระวัง ก็บาดเจ็บได้แบบนี้ โดยชาวบ้านที่พาทีมข่าวขึ้น ก็มีความเห็นตรงกันว่า เวลากลางคืน เดินขึ้นภูเหล็กไฟยากมาก เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่น้องชมพู่จะเดินขึ้นมาเสียชีวิตเอง โดยที่ไม่ลื่น หรือ สะดุดก้อนหิน ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้เดินสำรวจใกล้จุดพบศพของน้องชมพู่ในปัจจุบันพบว่า ล่าสุดมีหญ้าเพ็กขึ้นสูง และสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก แต่ยังมีเหรียญบาดที่ก่อนหน้านี้ 3 ปีที่แล้ว ที่ชาวบ้านมาโยนเหรียญ ทำบุญให้กับน้องชมพู่หลงเหลืออยู่