"วุฒิพงศ์" สส.ปราจีนบุรี ก้าวไกล ขอโทษประชาชน ยอมรับผิดหวังมติพรรคขับออก อ้างไม่มีคอนเน็คชั่น สส.ในพรรค ทำผลโหวตขับพ้นพรรค พร้อมเปิดใจครึ่งชั่วโมงถึงเหตุการณ์ โชว์หลักฐานที่เกี่ยวข้อง ยันไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ผู้เสียหาย เผยตอนนี้ยังไม่คุยเข้าพรรคไหน ไม่ลาออก สส. ขอทำงานต่อ เดินหน้าพิสูจน์ตัวเอง
นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส. ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล เปิดใจต่อสื่อมวลชนครั้งแรก หลังเกิดกรณีร้องเรียนคุกคามทางเพศ ผ่านไปแล้ว 20 วัน และมติพรรค ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ว่า ตอนนี้กระบวนการของพรรคสิ้นสุดลง และเห็นปฏิกิริยาของคนภายในพรรค โดยกระบวนการหลังจากนี้จะเข้าสู่การพิสูจน์ความจริง เพราะที่ผ่านมาได้รับความเสียหายทั้งโดยส่วนตัวและครอบครัว และออกตัวว่าไม่ใช่นักการเมืองที่จะแถลงเก่ง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่เคยได้ชี้แจงต่อสังคม รู้สึกอึดอัดมาโดยตลอดเพราะกระบวนการของพรรคยังไม่สิ้นสุด
พร้อมชี้แจงไทม์ไลน์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้ซับซ้อน เรื่องของ sexual-harassment ซึ่งมีหลายระดับการแสดงออก พร้อมกับอ้างอิงกรณีที่เกิดขึ้นภายในพรรคก่อนหน้านี้ก็ได้รับบทลงโทษความรุนแรงระดับปานกลาง แต่ เคสของตนเองนั้นรู้สึกผิดหวังมีมติที่รุนแรงที่สุด ซึ่งกระบวนการทางคดีความภายนอก หรือกระบวนการยุติธรรมตำรวจเรื่องจะต้องเกิดภายใน 3 เดือน เรื่องความผิดของ สส. จะต้องเข้ามาเป็น สส. ก่อน แล้วกระทำความผิด แต่กรณีผู้ร้องเรียนเป็นเอกสารกระดาษ 200 หน้าที่อ้างถึงเหตุการณ์กระทำผิดตั้งแต่ช่วงปี 2565 ก่อนที่จะเข้ามาเป็น สส.
นายวุฒิพงศ์ ยังยอมรับด้วยว่าตอบยากเมื่อถามถึงกระบวนการสอบสวนของพรรคที่รู้สึกอึดอัด เพราะยังมีกรณีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในจังหวัด แต่มีการเพิกเฉย โดยเรื่องการคุกคามทางเพศถูกแทรกขึ้นมา พร้อมชี้แจงว่านับแต่มีการปรากฏข้อมูลในโซเชียลมีเดีย 9 ตุลาคมที่ผ่านมาได้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการวินัยของพรรคในวันที่ 10 ตุลาคม แต่ผู้เสียหายได้เข้าให้การต่อพรรคก้าวไกลก่อนวันที่ 9ตุลาคม พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่าผู้เสียหายมีเจตนาที่จะปล่อยข้อมูลก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการของพรรค
และตั้งข้อสังเกตว่าการแถลงของกรรมการบริหารพรรคบางคนล่วงหน้าเข้าข่ายเป็นการชี้นำสังคมหรือไม่ และการแถลงก่อนที่จะมีการตัดสิน จึงถามความเป็นธรรมในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าทำด้วยเหตุผลอะไร ทั้งนี้ยอมรับมติ สส. ของพรรคทุกคนโหวต มองเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้เดินหน้าต่อ ก่อนจะเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเรื่องกระบวนการสอบของคณะกรรมการของพรรค โดยรับเคารพการตัดสินใจแต่ไม่ขอวิพากษ์ว่ากระบวนการเป็นธรรมหรือไม่
"กระบวนการสอบครั้งแรกวันที่ 10 ตุลาคมกรรมการสอบวินัยมี 7 คนแต่มา 6 คน ได้พูดคุยอยู่กว่า 1 ชั่วโมงจากนั้นอีกครั้งหนึ่งวันที่ 30 ตุลาคมเข้าสู่กระบวนการของกรรมการวินัยครั้งที่ 2 ได้เข้าห้องประชุมของกรรมการล่าช้า 1 ชั่วโมง จากนัด 10 โมง ได้เข้า 11 โมง ซึ่งกรรมการคนสุดท้าย จาก 7 คนเหลือเพียง 4 คน จึงรู้สึกข้อมูลที่ให้ต่อกรรมการไม่มีความสำคัญ และก่อนที่จะยุติการสอบสวนมีกรรมการคนที่ 5 เข้ามา ซึ่งความสำคัญระดับนี้ของผู้แทนราษฎรของคนทั้งจังหวัดปราจีนบุรีไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในกระบวนการ" นายวุฒิพงศ์กล่าว
นายวุฒิพงศ์ยังระบุอีกว่า ในการตั้งคณะกรรมการวินัยสอบควรจะเป็นกรรมการที่เป็นแพทย์หรือเป็นจิตแพทย์ทางด้านนี้โดยตรง หรือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง ว่าผู้ที่ถูกคุกคาม มีความรู้สึกที่ถูกคุกคามจริงหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการวินัยในการสอบไม่มีคนนอกแต่เป็น สส. ทั้งหมด
ทั้งนี้มองว่ากรณีที่เสียงโหวต สส. ในพรรคก้าวไกลที่ต่างอีกกรณี 10 เสียง ด้วยเพราะตนเองไม่มีคอนเน็คชั่นส์หรือความสัมพันธ์กับ สส.ในพรรค เพราะส่วนใหญ่ทำงานในพื้นที่ โดยมองว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในพรรค ยังแสดงความกังวลการใช้กระบวนการภายในของพรรคในการสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะหาก ผู้ถูกร้องเรียนหรือ ส.บางคน ไม่ถูกกับกรรมการบริหารพรรค ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้
และรู้สึกเสียใจว่าพรรคไม่ได้เปิดให้ตนเองได้พูดหรือชี้แจงต่อสังคมและวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ได้มาชี้แจงต่อสังคม และรู้สึกเสียใจว่าในกรณีคุกคามทางเพศ 2 เคส เช่นเดียวกัน แต่มติออกมาแตกต่างกัน พร้อมกันนี้ได้กล่าวขอโทษโหวตเตอร์และประชาชนชาวปราจีนบุรีที่ทำให้ผิดหวัง และหลังจากนี้จะพิสูจน์ตนเอง และเปิดเผยว่าชาวบ้านยังให้กำลังใจและเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น แต่บางมีกลุ่มที่สร้างเพจมาโจมตี
โดยไม่ขออุทธรณ์โทษในพรรค ขณะนี้ยังไม่ได้มองในการไปเข้าสังกัดพรรคการเมืองใหม่หลังถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล เพราะเมื่อพ้นสภาพจากพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองอื่นย่อมต้องมองอยู่แล้วแต่ตนเองก็ต้องแสดงจุดยืนต่อพรรคการเมืองที่จะเข้าไปสังกัดใหม่
พร้อมกันนี้ได้กล่าวถึงปฏิกิริยาของคนในพรรคที่แสดงออก ต่อกรณีการคุกคามทางเพศ ที่กดดันทั้งที่กระบวนการยังไม่สิ้นสุด แต่มีการตั้งตัวเป็นศาล ซึ่งพรรคก้าวไกลก็ไม่ได้ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ แต่กลับตั้งตัวเป็นศาล เพื่อตัดสิน
ช่วงหนึ่งนายวุฒิพงศ์ โชว์หลักฐานภาพ ที่ถูกแชร์ใน Twitter ซึ่งเป็นแชร์ ในโซเชียลมีเดีย บางภาพที่เป็นการจงใจทำให้เข้าใจผิดหรือไม่ พร้อมนำโน้ตข้อความของผู้เสียหายที่ได้เขียนถึงตนเอง "ที่ระบุว่าผู้เสียหายยังคงต้องการจะลงพื้นที่ทำงานกับตนเองในทุกที่ทุกวัน และตลอดเวลาที่ออกไปทำงานมีความสุขไม่มีครั้งไหนที่ไม่อยากออกไปทำงาน" โดยได้นำโน้ตข้อความดังกล่าวไปปรึกษาจิตแพทย์ว่า ผู้ที่ถูกกระทำ ซึ่งมีบางข้อความแสดงออกที่ไม่เหมาะสม ขณะเดียวกันก็ได้รับคลิปส่วนตัวที่ไม่เหมาะสมอีก 50 คลิป จึงตัดสินใจให้ผู้เสียหายยุติการทำงานกับตนเองตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565
โดยยืนยันว่าตนเองให้ความสำคัญกับปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตเรื่องหลักฐานที่คณะกรรมการได้พิจารณาว่าเป็นเฉพาะการแคปข้อความบางส่วนเท่านั้น เพราะมีบางส่วนที่หายไป ซึ่งต่างกันกับกระบวนการสอบสวนยุติธรรมภายนอกที่จะต้องดูในมิติความเชื่อมโยงต่อเนื่อง แต่พยามจะนำหลักฐานให้กรรมการได้รับทราบในการสอบครั้งที่ 2 แต่ กรรมการเข้าไม่ครบ
โดยยืนยันว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งหรือการมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายเลย และไม่เคยให้ความหวังผู้ร้อง โดยในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ ตนเป็นเพียงบุคคลธรรมดา ไม่เคยคิดเรื่องใช้กำลัง ใช้อำนาจเป็นใหญ่ อย่างที่ได้ยินในสังคม
ซึ่งหลังจากนี้จะพิจารณาเรื่องกระบวนการนอกพรรค เนื่องจากมีผลกระทบมากกว่าที่คิด ทั้งเรื่องการถูกขับออกจากพรรค การทำลายชื่อเสียงและการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว มีการบิดเบือนข้อมูลส่วนตัว ผิดพ.ร.บ.คอมฯ จึงขอยืนยันว่าจะไม่ลาออก จากตำแหน่ง สส. และขอโอกาสในการทำงานต่อ ซึ่งเชื่อมั่นว่าการออกมาตอบคำถามอธิบายในครั้งนี้เป็นเรื่องใหม่ที่แม้แต่สส.ก็ไม่เคยได้ยิน และตนก็พร้อมที่จะ พิสูจน์ตนเองทุกขั้นตอนเนื่องจากผู้ร้องได้เดินทางไปยื่นร้องในทุกช่องทาง
เมื่อถามว่าตอนนี้สังคมกดดันอยากให้ ทั้ง2 สส.ลาออก เช่นเดียวกับกรณีกับสส.ที่เมาแล้วขับ ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบนั้น นายวุฒิพงษ์ กล่าวว่าการที่ตนเข้ามาทำงานตรงนี้ คือการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จึงมีหลายประเด็นที่หากเราก้าวถอยก็มีหลายคนยิ้มรอ เพราะในจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดโดยรอบมีตนเพียงคนเดียวที่เป็นสส.พรรคก้าวไกล
พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นตั้งแต่กลางปี 2565 แต่เพิ่งมาร้องเรียนในช่วงที่ตนได้รับตำแหน่งแล้ว และผู้ที่พามาร้องก็เป็นคนในพรรค จึงอยากให้ไปย้อนดูเพจก้าวไกลปราจีนบุรี ช่วงเลือกตั้งไม่มีรูปตนในเพจเลย และไม่มีแม้แต่การแสดงความยินดีในวันที่ชนะเลือกตั้ง และคนทำงานในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง 2 ปีก็หายไป ตนเข้ามาด้วยความยากลำบาก และตนคิดว่าจะดำเนินคดีอาญากับผู้ร้องด้วย เพราะตนรู้จักเขารู้จังครอบครัวเขา ในช่วงแรกจึงลำบากใจที่จะออกมาพูดเรื่องนี้ แต่คนอยู่เบื้องหลังกลับดันเขามาอยู่เบื้องหน้า ตนจึงอยากทำให้ตนเองหลุดออกจากข้อครหาในเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ แต่ไม่ได้มีเจตนาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เพียงแค่ต้องการที่ยืนในฐานะผู้แทนราษฎรอย่างสง่างาม
ภายหลังการแถลงข่าว นายวุฒิพงศ ได้ฝากถึงพรรคก้าวไกลว่า หลังจากนี้ขอให้พรรคก้าวไกลปกป้อง สส.และสมาชิกพรรค อย่าให้อะไรก็ตามยิงมาโดนพวกเขาง่ายๆ เพราะทุกคนลำบากกว่าจะเข้ามา ต้องแบกรับความกดดันสูง ส่วนเรื่องคณะกรรมการวินัย อยากให้มี สัดส่วนภายนอกจริงๆ ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้ในเรื่องนั้นๆจริงๆ เช่นตำรวจ จิตแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มีสัดส่วน สส. น้อยที่สุดป้องกันการเมืองภายใน