จากกรณีคลิปภาพจากกล้องหน้ารถกระบะของนายหนุ่ม (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ผู้เสียหาย บันทึกเหตุการณ์ระทึกระหว่างขับรถไปส่งภรรยาไปทำงานกะดึกในตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อเวลาประมาณตี 3 ของวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยขณะกำลังขับรถมาจากถนนเชียงใหม่-พร้าว ผ่านไฟเขียวบริเวณแยกฟ้าฮ่าม ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมืองเชียงใหม่ และกำลังจะเลี้ยวขวาเข้าไปทางสะพานป่าตันเข้าสู่ตัวเมือง จู่ ๆ มีรถยนต์สีดำของกลุ่มก่อเหตุ ขับฝ่าไฟแดงมาทางด้านซ้ายของทางแยกจนเกือบเฉี่ยวชน จึงบีบแตรเตือนไปสองครั้ง แทนที่จะรู้ตัวแต่เสียงแตรกลับทำให้คนขับรถคันดังกล่าวหัวร้อนขึ้นมาทันที โดยได้ขับจี้ท้ายมาติด ๆ พร้อมกับบีบแตรไล่หลังไม่หยุด ตนเองจึงได้ชะลอความเร็วและชิดขอบทางเพื่อให้แซงถึงสองครั้ง แต่ก็ไม่ยอมแซง จึงตัดสินใจหยุดรถเพื่อให้แซง แต่กลับถูกรถคันดังกล่าวพุ่งชนท้าย ด้วยความตกใจและกลัวภรรยาที่ตั้งครรภ์ 8 เดือนที่นั่งมาด้วยจะได้รับอันตราย จึงรีบขับหนีออกไป
เมื่อไปถึงบริเวณแยกเชิงสะพานรัตนโกสินทร์ฝั่งตะวันออก รถคันดังกล่าวก็ได้ขับมาเบียดและชนด้านท้ายขวาของรถ ตนเองขับหนีก็ยังถูกขับตามมาชนอีก 3 ครั้งจนรถเสียหาย ก่อนจะถูกปาดหน้าคล้ายกับบังคับให้จอดบริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ เหตุการณ์ระทึกเหมือนกับภาพยนตร์แอคชั่น จากนั้นตนเองจึงตัดสินใจขับรถข้ามถนนไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้ามเพื่อขอความช่วยเหลือ ปรากฏว่าชายคนขับและคนที่นั่งมาด้วย 3 คน ลงจากรถมาในสภาพเมา กรูเข้ามารุมทำร้ายถึงร้านก๋วยเตี๋ยวจนทำให้ตนเองโดนต่อยและต้องปัดป้องหาทางป้องกันตัวเอง จังหวะนั้นภรรยาร้องขอกลุ่มคู่กรณีอย่าทำร้ายสามี แต่กลับถูกผลักจนเกือบล้มทั้งที่ท้องแก่ ในช่วงชุลมุนหญิงเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวและลูกค้าที่อยู่ในเหตุการณ์พากันออกมาปกป้องช่วยเหลือจนเกิดการโต้เถียงกันบานปลาย แต่ทั้งสามคนก็ยังป่วนไม่หยุด หยิบถ้วยผักปาใส่เจ้าของร้านและลูกค้าและมีท่าทีคุกคามพยายามจะเข้ามาทำร้าย และยังมีกลุ่มวัยรุ่นอีกสองคนตามมาสบทบ จังหวะนั้นลูกค้าในร้านคาดสถานการณ์บานปลายจึงได้โทรศัพท์แจ้ง 191 ให้สายตรวจมาระงับเหตุ
ต่อมาตำรวจสายตรวจ สภ.ช้างเผือก มาถึงได้เชิญตัวทั้งสองฝ่ายไปโรงพัก ตนเองจึงได้ขับรถไปที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ซึ่งตนเองได้ผลที่ 5 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และได้สอบถามเหตุการณ์ทั้งหมดเพื่อลงบันทึกประจำวัน โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง แต่ปรากฏกว่าฝ่ายคู่กรณีไม่มีใครมา แต่ยังคงอาละวาดป่วนอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวไม่เลิก ตนเองจึงได้ขอให้ตำรวจไปเชิญตัวมาเพราะต้องการให้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ แต่กลับได้รับคำตอบว่ากำลังสายตรวจมีไม่พอเพราะเป็นวันหยุดและมีตำรวจลาเยอะ ผู้ก่อเหตุมีจำนวน 5 คน ตำรวจที่จะไปต้องมี 10 นาย แต่วันนี้มีไม่ถึง ส่วนเรื่องการออกไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่จุดเกิดเหตุ เป็นหน้าที่ของตำรวจจราจร ซึ่งกลางดึกไม่มีตำรวจจราจรจึงไม่สามารถไปตรวจวัดให้ได้ โดยแจ้งแค่ว่าจะนัดทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันอีกครั้งในภายหลัง
ล่าสุด (2 พฤศจิกายน 2566) ทีมข่าวได้มีโอกาสไปเจอกับคุณหนุ่ม (นามสมมติ) ซึ่งเป็นผู้เสียหายและเป็นคนขับรถกระบะ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองกำลังขับรถไปส่งภรรยา ไปเข้ากะทำงานที่โรงงานใกล้กับจุดเกิดเหตุให้ทันในเวลา 03.00 น. กระทั่งไปถึงแยกไฟแดงตามกล้องหน้ารถ จู่ ๆ รถยนต์สีดำของกลุ่มคนก่อเหตุก็ขับฝ่าไฟแดงมาตรงทางแยกจนตนเองต้องบีบแตร ยาว ๆ ไป 1 ครั้ง เนื่องจากไม่สามารถเบี่ยงรถหลบได้ เพราะมีรถข้าง ๆ ที่ออกมาจากแยกไฟแดงที่ต้องเลี้ยงขวาไปพร้อมกัน แต่รถยนต์ของผู้ก่อเหตุก็ไม่หยุดจึงบีบแบบสั้น ๆ ไปอีก 2 ครั้ง
กระทั่งเมื่อพ้นทางแยก รถยนต์คันที่ก่อเหตุก็พยามขับรถมาจี้ท้ายเพื่อจะหาเรื่อง ซึ่งตามภาพก็จะเห็นว่าเขาบีบแตร ตลอดเวลาที่ขับตาม จากนั้นพอเห็นท่าไม่ดีตนเองก็พยามชะลอรถให้เขาแซง แต่เขาก็ไม่แซง ภรรยาของตนเองที่ตั้งท้องอยู่จึงบอกให้ตนเองรีบขับรถไปข้างหน้า แต่ปรากฏว่าพวกเขาก็ไม่ยอมหยุด ขับรถชนด้านข้างรถ 2 ครั้ง และเบียดข้างรถอีกหลายครั้ง จนกระทั่งในขณะที่ไปถึงหน้าโรงแรม รถของคนก่อเหตุก็ได้ขับมาปาดหน้าตามคลิป ซึ่งยอมรับว่าเบรกไม่ทันก็เลยชนท้ายรถไปตามภาพ และที่ต้องขับรถไปจอดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นเพราะว่าเห็นมีคนอยู่เยอะ จึงไปขอความช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่าพอไปจอดคนก่อเหตุก็ไม่หยุดวิ่งข้ามถนนมารุมต่อยตนเอง จากนั้นก็ชุลมุนกันตามในคลิปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวถ่ายเอาไว้ จนสุดท้ายตำรวจสายตรวจ 1 นายได้เข้ามาห้าม ตนเองจึงขับรถไปรอที่โรงพัก แต่ปรากฏว่ากลุ่มคนก่อเหตุไม่ยอมตามไปเคลียร์ ซึ่งตอนนั้นเห็นว่ารอนานก็เลยบอกพี่ตำรวจให้ไปตามคนก่อเหตุมาเคลียร์ แต่ปรากฏว่าตำรวจอ้างว่า วันเกิดเหตุเป็นวันหยุด ไม่มีกำลังไปเชิญตัวผู้ก่อเหตุมาโรงพัก และแจ้งว่าถ่ายบัตรประชาชนไว้แล้ว ค่อยมาเคลียร์กันวันหลัง ซึ่งถึงตอนนี้คนก่อเหตุก็ยังไม่มา
ยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงวันนี้ภรรยาที่ท้องแก่ใกล้จะคลอดยังหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นไปได้ก็อยากจะให้กลุ่มคนก่อเหตุมาเคลียร์ค่าซ่อมรถ เพราะถ้าไม่มาประกันก็ไม่ยอมซ่อมรถให้ เนื่องจากตำรวจยังไม่ตัดสินว่าใครผิดใครถูก
ส่วนภาพวงจรปิดที่ทีมข่าวไปได้มาเพิ่มเติมในวันนี้ จะเป็นวงจรปิดตรงข้ามร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งจะเห็นว่าในเวลา 02.51 น. รถของผู้เสียหายได้ขับข้ามไปฝั่งร้านก๋วยเตี๋ยว จากนั้นก็จะเห็นว่ากลุ่มของคนก่อเหตุวิ่งข้ามถนนตามรถกระบะไปติด ๆ กระทั่งมีการชุลมุนกัน ซึ่งเสียงที่ได้ยินจากกล้องหลัก ๆ จะเป็นเสียงเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวที่ด่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ
กระทั่งในเวลา 02.54 น. กลุ่มคนก่อเหตุก็ได้พากันเดินข้ามกลับมาที่รถ แต่ก็ไม่จบ เนื่องจากพวกเขาเดินข้ามถนนกลับไปหาเรื่องผู้เสียหายอีกครั้ง ซึ่งจะเห็นว่าหลังจากมีคนข้ามถนนย้อนกลับไป คนที่ขับรถยนต์สีดำก็ได้ขับรถเข้ามาจอดตรงหน้ากล้องแล้วก็เดินข้ามไปที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยว
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุก็คือบริเวณ ร้านก๋วยเตี๋ยวตรงข้ามกับหน้าโรงแรมเชียงใหม่รัตนโกสินทร์ ถนนรัตนโกสินทร์ ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
โดยลักษณะจุดเกิดเหตุเป็นถนน 6 เลน ไม่มีเกาะกลางถนนกั้นไว้ตรงกลาง ส่วนหน้าโรงแรมที่มีการปาดหน้ากันจะอยู่ตรงข้ามกับร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งร้านก๋วยเตี๋ยวดังกล่าวก็จะอยู่ติดถนนฝั่งตรงข้ามกับโรงแรม
วันนี้ทีมข่าวได้ไปเจอกับนางเจน (นามสมมติ) อายุ 27 ปี เป็นพนักงานร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองยืนลวกก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่หน้าร้าน กระทั่งใกล้เวลาที่ร้านจะปิด ก็ได้ยินเสียงรถชนกันที่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นรถกระบะของผู้เสียหายก็ขับข้ามเลนมาที่ข้างร้าน ซึ่งตอนนั้นตนเองคิดว่า เขาคงจะจอดเรียกประกันมาเคลียร์กัน แต่ปรากฏว่า หลังจากที่รถผู้เสียหายมาจอด กลุ่มคนก่อเหตุ 3 คนที่มากับรถยนต์สีดำได้วิ่งข้ามถนนไปต่อยนายหนุ่ม ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ขับรถกระบะ
กระทั่งนายหนุ่ม ได้เดินมาขอความช่วยเหลือที่ร้านก๋วยเตี๋ยว แล้วก็เกิดการโต้เถียงกันตามในคลิป ซึ่งผู้หญิงที่ยืนด่าผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว ยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลุ่มคนก่อเหตุมีอาการมึนเมาทั้งสามคน ถ้าลูกค้าในร้านไม่เข้าไปห้าม ส่วนตัวเชื่อว่ากลุ่มคนก่อเหตุน่าจะเข้าไปทำร้ายคนท้องซึ่งเป็นภรรยาของผู้เสียหาย
ยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ข้องใจว่าทำไมตำรวจถึงมาในที่เกิดเหตุแค่คนเดียว และยังปล่อยให้กลุ่มคนก่อเหตุยืนโวยวายอยู่ที่หน้าร้านเป็นชั่วโมง ซึ่งทางร้านยืนยันว่า ตอนที่เกิดเหตุ ทางร้านไม่ได้เข้าข้างใคร แต่กลุ่มคนก่อเหตุไม่สมควรที่จะเข้ามาทำร้ายผู้เสียหายในร้าน รถชนกันก็ควรจะไปไกล่เกลี่ยกันที่โรงพัก