วันนี้ 3 พ.ย.66 เวลา 10:00 น. นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พา ผู้เสียหายนางสาวเอ (นามสมมุติ) เข้าพบ พล.ต.นฤดล สุขมา เจ้ากรมจเรทหารบก เป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องของผู้เสียหายและอดีตสามียศสิบเอก หลังถูกหลอกให้หย่า และฝ่ายชายไม่ยอมส่งเสียค่าเลี้ยงดูบุตรให้ตามที่เคยตกลงกันไว้ในสัญญาการหย่า
กัน จอมพลัง ระบุว่า เมื่อวานตนได้ประสานกับเจ้ากรมจเร และ โฆษกทหารบก เพื่อเคลียร์ปัญหาให้จบ ทั้งเรื่องเงินที่ไปกู้มา และการส่งเสียเลี้ยงดูบุตร ว่าจะมีการส่งเงินเลี้ยงดูเดือนละ 5,000 บาท แต่ไม่ได้ทำอย่างที่บอก ส่งเงินไม่สม่ำเสมอ "ขอเงินเหมือนขอทาน" ฝ่ายชายกินหรูอยู่สบาย แต่งงานใหม่ แต่ผู้เสียหายต้องอยู่อย่างลำบาก ซึ่งผู้เสียหายนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอกให้เซ็นใบหย่าหรือเปล่า จึงอยากคุยให้จบ ซึ่งก่อนหน้านี้ฝ่ายผู้เสียหายก็พยายามไปตามหน่วยต่างๆ ได้กระดาษมาแต่เหมือนจะไม่มีผลอะไร วันนี้จึงประสานทางเจ้ากรมทหารบก และฝ่ายชายมาคุย เพื่อเจรจาเรื่องต่างๆ
ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนแต่งงานกับอดีตสามีจนมีลูกชายด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันอายุ 12 ปี ตอนนั้นอดีตสามีเป็นเพียงพลเรือน แต่มีคนมาติดต่อให้ไปเป็นทหาร ต้องใช้เงินจำนวน 300,000 บาท โดยไม่ได้ระบุขั้นตอนว่ามีการสอบหรือไม่ ซึ่งตนก็อยากให้สามีมีหน้าที่การงานที่ดี เป็นเสาหลักให้ครอบครัว จึงไปกู้เงินโดยการนำรถไปรีไฟแนนซ์ได้เงินมา 200,000 บาท และไปกู้บัตรเครดิตชื่อของฝ่ายหญิงเพิ่มอีก 100,000 บาทเพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเข้ารับราชการ แต่หลังจากอดีตสามีได้เข้ารับราชการทหาร ซึ่งตอนนั้นเป็นยศสิบตรี ได้ช่วยจ่ายหนี้ไฟแนนซ์รถยนต์ส่วนหนึ่ง แต่ยังคงค้างอีกส่วนหนึ่ง รวมถึงหนี้บัตรเครดิตที่เป็นชื่อของตัวเอง
ต่อมาปี 2562 อดีตสามีมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปและขอหย่าด้วยเหตุผลที่ว่า กลัวทำอะไรผิดจนต้องออกจากราชการ และกลัวว่าจะมีผลกระทบกับลูกและเมีย ตนจึงยอมเซ็นใบหย่าให้ โดยมีข้อตกลงว่าจะต้องจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูบุตรทุกเดือน เดือนละ 5,000 บาท จนกว่าลูกจะบรรลุนิติภาวะ ตนเชื่อแบบนั้นจึงยอมเซ็นใบหย่าให้ แต่หลังจากเซ็นใบหย่า อดีตสามีก็ไม่ได้ค่าเลี้ยงดูลูกตามที่ตกลงกันไว้ จึงเริ่มระแคะระคายถึงพฤติกรรมของอดีตสามี ที่พักหลังชอบมายืมเงินบ่อย ๆ และมักจะขาดการติดต่อ จึงเข้าไปดูในเฟซบุ๊กของอดีตสามี พบรูปภาพถ่ายคู่กับผู้หญิงคนอื่น จึงเข้าไปดูเฟซบุ๊กของผู้หญิงคนนั้น และรู้ว่าทั้งคู่ได้คบหากัน ซึ่งผู้หญิงคนนั้นเคยโทรศัพท์มาหาตนอ้างว่าเป็นแฟน แล้วถามว่าตนมีความสัมพันธ์อะไรกับอดีตสามี ตนจึงบอกว่าเป็นภรรยา จดทะเบียนสมรสกันและมีลูกด้วยกัน ผู้หญิงคนนั้นก็ขอให้เลิก จนปี 2565 ผู้หญิงคนนี้ก็หายไปเองโดยไม่ทราบสาเหตุ และมารู้อีกทีว่าอดีตสามีไปแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ จึงรู้ว่าตนถูกหลอกให้เซ็นใบหย่า วันนี้จึงอยากมาร้องขอความเป็นธรรม เพราะก่อนหน้านี้เคยเดินทางเข้ามาที่ กทม.ติดต่อหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของอดีตสามี แต่ก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือ ขณะเดียวกันก็พยายามติดต่อกับอดีตสามีเพื่อจะเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ฝ่ายชายไม่ยอมคุยด้วย และท้าให้ไปฟ้องถ้าอยากได้เงิน 300,000 บาทคืน
ส่วนสาเหตุที่ไม่คิดจะเลิกกับฝ่ายชายก่อนหน้านี้ เพราะอยากจะรักษาความสัมพันธ์และคิดถึงลูก ซึ่งตนและสามีก็เคยลำบากและร่วมสร้างทุกอย่างมาด้วยกัน แล้ววันนี้ลูกชายก็มากับตนด้วย เพราะอยากจะมาเจอพ่อหลังไม่ได้เจอหน้ากันมา 5 เดือนแล้ว ซึ่งในสายตาของลูกไม่ได้รังเกียจพ่อและรับรู้มาตลอดว่าพ่อกับแม่มีปัญหากัน
จากนั้นนายกัณฐัศว์ได้พาผู้เสียหายเข้าไปพูดคุยกับพลตรีนฤดล ขณะเดียวกันก็ได้มีการเชิญอดีตสามีของผู้เสียหายมาพูดคุยกันในวันนี้ด้วย
หลังจากการพูดคุยเสร็จสิ้น กันจอมพลังและผู้เสียหาย ได้ลงมาอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมโดยระบุว่าจากการพูดคุยนั้นในส่วนของเงินจำนวน 5,000 บาทที่ฝ่ายชายจะต้องส่งเสียดูแลลูก จะถูกตัดออกจากเงินเดือนและโอนเข้าในบัญชีของลูกชายทุกเดือน
ส่วนเงินจำนวน 300,000 บาท ที่อ้างว่าเพื่อนำมาเข้ารับราชการทหารนั้น ต้องไปค้นหาว่าจ่ายเงินให้ใครแล้วก็เอาเงินจำนวนนั้นกลับมาคืน ทางเจ้ากรมจเรทหารบก ยืนยันว่าไม่มีการรับเงินจำนวน 300,000 บาทเพื่อได้รับตำแหน่ง ส่วนงบการศึกษาของกองทัพบกก็จะมอบให้กับลูกชาย รวมถึงทราบว่าลูกชายชื่นชอบในกีฬาก็จะสนับสนุนต่อไป
โดยกันจอมพลัง ได้พูดถึงวินาทีที่ลูกชายได้เข้าไปพบคุณพ่อหลังไม่ได้เจอกันมาห้าเดือน ลูกชายได้เข้าไปกอดและร้องไห้เพราะคิดถึงและรักคุณพ่อมาก โดยบอกว่าทราบเรื่องของพ่อและแม่ และเข้าใจในเรื่องครอบครัว อย่างไรก็ตามก็ยังมองว่าพ่อเป็นต้นแบบและอยากจะเป็นทหารเหมือนกับพ่อ