จากกรณีกล้องจรปิดจับภาพขณะที่คนร้ายชาย 1 คน แต่งกายมิดชิดปิดบังใบหน้าปีนข้ามรั้วจากริมถนนเข้าไปที่บ้านหลังหนึ่ง จากนั้นได้เข้ามาในบ้านที่เกิดเหตุแล้วใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมาที่บังคับแม่บ้าน แล้วให้ส่งของมีค่าให้ และได้บังคับให้แม่บ้านพาเข้ามาในบ้าน แล้วรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้าน ได้เงินสดไปรวมประมาณ 2,000 บาท แล้วหลบหนีไป เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อช่วงเกือบสามทุ่มที่ผ่านมา (3 พฤศจิกายน)


หลังจากก่อเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ออกติดตามแกะรอยคนร้ายอย่างเร่งด่วน จนสามารถสกัดจับกุมคนร้ายจนพบรถกระบะที่คนร้ายใช้ขับขี่ในการหลบหนี ไปในเส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย จึงประสานตำรวจด่านตรวจยาเสพติด ที่ตั้งจุดสกัดภายในเส้นทางนั้น หากพบเห็นให้ดำเนินการควบคุมโดยทันที

ต่อมาเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันเดียวกัน มีรถกระบะลักษณะคล้ายกับรถของผู้ก่อเหตุขับเข้ามายังด่านตรวจแม่โถ สภ.แม่เจดีย์ จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านแม่โถ จึงได้ เรียกตรวจค้น พบว่านายมินท์ธนากร อายุ 33 ปี เป็นผู้ขับขี่และเป็นผู้ต้องสงสัยในการกระทำความผิดดังกล่าว และพบของกลางที่ได้จากการกระทำความผิดอยู่ภายในรถ ได้แก่ เสื้อผ้าที่ใช้ในการกระทำความผิด อาวุธปืน แบลงค์กัน คล้ายกับปืนกล๊อก 19 ที่ใช้ในการก่อเหตุ ทรัพย์สินที่ถูกลักทรัพย์หลายรายการซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ



ทั้งนี้จากการสอบสวนผู้ต้องหา พบว่า ก่อเหตุมาแล้วโชกโซน โดยก่อนหน้านี้ วันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 03.11 น. ได้ก่อเหตุลักเงินสดที่ร้านชาบูแห่งหนึ่งใน ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แจ้งว่าทรัพย์ที่สูญหายมูลค่าราว 40,000 บาท

ต่อมาวันที่ 3 พฤศจิกายน เวลา 18.27 น. ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ภายในหมู่บ้านจัดสรรชื่อดัง ในพื้นที่ ต.สุเทพ อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยคนร้ายปืนขึ้นไปลักทรัพย์บนบ้าน ทรัพย์สินเสียหาย เป็นเครื่องประดับ ราคาประมาณ 99,000 บาท จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบชายไม่ทราบชื่อ ปิดบังใบหน้า ถืออาวุธปืนเข้ามาภายในสถานที่เกิดเหตุและได้ก่อเหตุลักทรัพย์ แล้วหลบหนีไป



ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. วันเดียวกันก็ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์แม่บ้าน ที่บ้านของอดีตข้าราชการตำรวจยศ พ.ต.อ. โดยได้เข้ามาในบ้านที่เกิดเหตุแล้วใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมาที่บังคับแม่บ้าน แล้วให้ส่งของมีค่าให้ และได้บังคับให้แม่บ้านพาเข้ามาในบ้าน แล้วรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้าน ได้เงินสดไปรวมประมาณ 2000 บาท แล้วหลบหนีไป

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าว จ.เชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบ พ.ต.อ.ณัฐธกฤต อายุ 63 ปี อดีตข้าราชการตำรวจ ได้พาไปดูจุดที่คนร้ายปีนเข้ามาบริเวณรั้วบ้านซึ่งมีเหล็กแหลม แต่คนร้ายก็ยังปีนเข้ามาได้ โดยตอนเกิดเหตุนั้นตนไม่ได้อยู่ในบ้านมีแต่แม่บ้านที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว ซึ่งเจ้าตัวนั้นก็ไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด



อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ทำการสืบสวนติดตามพบว่า ทั้ง 3 เหตุมีตำหนิรูปพรรณคนร้ายคล้ายคลึงกัน จึงได้ทำการเทียบข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อม จนได้ตำหนิรูปพรรณคนร้าย และเส้นทางหลบหนี ผ่านหารตรวจสอบกล้องวงจรปิดระบบเทศบาล เอกชน และกล้องวงจรปิดระบบไลเซนเพลต รวมถึงพยานหลักฐานอื่น ๆ เป็นที่แน่ชัดจนสามารถติดตามจับกุมคนร้ายเอาไว้ได้

วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2566) ทีมช่าวช่อง 8 ลงพื้นที่จุดเกิด หมู่บ้านแห่งหนึ่ง (ดอยคำฮิลไซต์ 3) ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พบว่าเป็นบ้านอดีตนายตำรวจ อยู่ติดกับถนน โดยมีรั่วและต้นไม้ติดกำแพงบ้าน บนรั่วยังติดเหล็กปลายแหลมความยาวกว่า 20 เซนติเมตร พื้นที่บริเวณ รั้วบ้านค่อนข้างมืด



ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายธง (นามสมมุติ) ชาวบ้านที่อยู่ติดกับบ้านที่โดนโจรขึ้น เล่าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะหมู่บ้านแห่งนี้มักจะถูกโจรปีนบ้านอยู่เป็นประจำ ซ้ำบ้านพี่ชายของตนที่อยู่ติดกัน ก็ยังโดนโจรขึ้นเมื่อปีที่แล้ว หมู่บ้านแห่งนี้บริเวณที่เกิดเหตุนี้ เป็นช่วงทางโค้ง ค่อนข้างเงียบและมืดในเวลากลางคืน ซึ่งเมื่อวานนี้ตนนั่งทำงานอยู่ในห้องเวลาประมาณ 20.30 น. ได้ยินเสียงคนวิ่งไล่กันจึงได้ลงมาดู จึงก็ทราบว่ามีโจรขึ้นบ้านและใช้ปืนขู่แม่บ้านและหลบหนีไป ตนจึงได้เปิดกล้องวงจรปิดดูจะเห็นผู้ก่อเหตุ เดินมาซุ่มอยู่ตรงพุ่มไม้ ตรงข้ามหมู่บ้านก่อนจะวิ่งเข้าไปที่กำแพงของบ้านหลังดังกล่าว แล้วก็ปีนเข้าไป ด้วยระยะของกล้องที่จับได้นั้นค่อนข้างไกล จึงไม่สามารถบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ได้ ส่วนตัวคิดว่าโจรร้ายดังกล่าวน่าจะมีการเตรียมการไว้แล้ว

ทั้งนี้ ตนอยากจะฝากถึงเทศบาลให้เข้ามาติดไฟส่องสว่างบนถนนข้างหมู่บ้าน เพื่อความเพื่อปลอดภัยของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณนี้

ใจพี่ได้! โจรโง่ปีนบ้านตำรวจเก่า ปืนจี้แม่บ้านพาฉกทรัพย์ พลิกประวัติพีกบุกแล้ว 2 หลัง