เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 พฤศจิกายน 2566 ที่ บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช นายวรินทร อายุ 41 ปี และนายเอกลักษณ์ อายุ 35 ปี สองผู้คุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชที่ถูกศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ออกหมายจับเป็นผู้ต้องหา ซึ่งมีหน้าที่ควบคุม เสี่ยแป้ง ผู้ต้องขังตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดพัทลุง หมายเลข อ.1861/2565 ลงวันที่ 30 พ.ย. 2565 พิพากษาจำคุก 20 ปี 6 เดือน ซึ่งป่วย ทางเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชได้ส่งตัว เสี่ยแป้ง มารักษาตัวและแพทย์ให้รักษาตัวที่ตึกอายุรกรรมชาย 6 รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช และเสี่ยแป้งได้หลบหนีไประหว่างควบคุม เมื่อ 22 ต.ค. 2566 เวลา 00.06 น.
โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมอบชอบภาค 8 ได้อนุมัติออกหมายจับ 2 ผู้คุมชุดแรกคือ นายวรินทร และนายเอกลักษณ์ ตามหมายจับเลขที่ 17 /2566 และ 18/2566 ลงวันที่ 1 พ.ย. 2566 ในข้อกล่าวหา เป็นเจ้าพนักงาน ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและเป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งหน้าที่ควบคุมดูแลผู้ที่ต้องคุมขังตามอำนาจศาล ซึ่งเป็นบุคคลต้องคำพิพากษาของศาลให้ลงโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นปี ร่วมกันกระทำด้วยประการใด ๆให้ผู้ที่อยู่ระหว่างคุมขังนั้น หลุดพ้นจากการคุมขังไป”
โดยนายวรินทร และนายเอกลักษณ์ 2 ผู้คุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ที่ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ออกหมายจับ เดินทางพร้อมทนายความส่วนตัวแอบเข้ามอบตัวแบบเงียบ ๆ กับ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ที่ บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ก่อนที่ พล.ต.ต.สมชาย จะสอบปากคำเบื้องต้นและรับมอบตัว ก่อนส่งตัวผู้คุมทั้งสองให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ที่รับผิดชอบคดีทำการสอบปากคำ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ตำรวจไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวถ่ายภาพ 2 ผู้คุมแต่อย่างใด พร้อมทั้งปิดล็อกประตูทางเข้าออกของอาคาร ตร.ภ.นครศรีธรรมราช ทุกด้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวถ่ายภาพการมอบตัวผู้คุม
อย่างไรก็ตาม ทีมสืบสวนในคดีนี้แจ้งว่า ทางตำรวจมีการเสนอขอออกหมายจับผู้คุมเพิ่มอีก 1 คน คือนายวีระชัย อายุ 42 ปี ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 หมายจับเลขที่ 19 /2566 ลงวันที่ 3 พ.ย. 2566 ซึ่งนายวีระชัย เป็นผู้คุมผลัดเช้าที่เป็นผู้ไขกุญแจขยับโซ่ตรวนที่พันธการข้อเท้าเสี่ยแป้งให้หลวมกว่าเดิม โดยทราบว่านายวีระชัย แอบเข้ามอบตัวแบบเงียบ ๆ ในวันเดียวกัน แต่ตำรวจปิดข่าวเงียบไม่แจ้งให้ผู้สื่อข่าวรับทราบแต่อย่างใด โดยทนายความของผู้คุมทั้ง 3 คน ระบุเบื้องต้นเพียงว่า ผู้ต้องหาทั้งสามคน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ทนายความไม่ได้เผยรายละเอียดใด ๆ ทั้งสิ้น
ส่วนที่มาของการนำไปสู่หมายจับนั้น สืบเนื่องจากการสอบปากคำจากผู้ต้องหารายแรกคือ นางสาววิลาวัลย์ ผู้รับจ้างเฝ้าไข้ ให้การพาดพิงอย่างชัดเจนถึงพฤติกรรม รวมทั้งการรวบรวมพยานหลักฐานทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องทำให้นำไปสู่การออกหมายจับได้เป็นรายล่าสุด
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของผู้คุมวีระชัย พบไม่มีใครอยู่ ถามชาวบ้านแถวนั้นให้ข้อมูลว่าไม่รู้ว่าที่บ้านเขาไปไหน ปกติจะอยู่กัน 3 คน คือพ่อแม่ พี่ชาย ของผู้คุมวีระชัย ส่วนผู้ตัวของผู้คุมวีระชัยนั้นย้ายไปอยู่ที่นครศรีธรรมราชนานแล้ว เพราะทำงานที่นั่น
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนางแย้ม (นามสมมุติ) ชาวบ้านอีกราย ให้ข้อมูลกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ผู้คุมวีระชัยไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้นานแล้ว เพราะไปทำงานอยู่ที่นครศรีธรรมราช ส่วนบ้านหลังนี้มีเพียงพ่อแม่เขาอยู่เท่านั้น ตนเองก็ไม่เคยคุยกับผู้คุมวีระชัยมาก่อน เคยคุยแค่กับพ่อแม่เขาเท่านั้น ก็ไม่รู้เขาเป็นคนอย่างไร
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านผู้คุม เอกลักษณ์ โดยเมื่อไปถึงพบบ้านปิดเงียบ ทีมข่าวได้เรียกอยู่ที่หน้าบ้านว่ามีใครอยูาหรือไม่ แต่ไม่มีใครตอบกลับมา สอบถามเพื่อนบ้านได้ความว่า บ้านหลังนี้นายเอกลักษณ์อยู่กับแม่เพียงสองคนเท่านั้น โดยเมื่อวานที่ผ่านมา มีญาติขับรถเก๋งมารับแม่นายเอกลักษณ์ไปตั้งแต่เช้า และได้ฝากเพื่อนบ้านให้ช่วยดูแลบ้านและให้อาหารหมาให้หน่อย 2-3 วัน ขอไปอยู่บ้านญาติก่อน เพราะตอนนี้แม่นายเอกลักษณ์ค่อนข้างเครียดมาก
ขณะที่ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านพักของผู้คุม วรินทร ซึ่งเป็นผู้คุมอีกคนที่อยู่คู่กับผู้คุมเอกลักษณ์ โดยเมื่อไปถึงพบเป็นบ้านปิดเงียบ โดยมีถุงพัสดุ วางไว้บริเวณหน้าบ้านโรงจอดรถ ซึ่งเมื่อวานที่ทีมข่าวช่อง 8 มาที่บ้านก็พบถุงพัสนี้ชิ้นนี้วางอยู่ วันนี้ก็ยังวางอยู่เช่นเดิม
ทีมข่าวจึงได้ลองเดินไปสอบถามเพื่อนบ้านแถวนั้น ว่ารู้จักกับนายวรินทร หรือคนในบ้านน้้นหรือไม่ พบนายวันชัย (นามสมมุติ) ให้ข้อมูลว่าตนเองไม่พบคนในบ้านนั้นมา 2-3 วันแล้ว โดยปกติตนเห็นมีคนอยู่บ้านนั้น 2 คน เป็นผู้หญิงและผู้ชาย แต่ตนไม่เคยคุยด้วยเลย ปกติคนในหมู่บ้านนี้ต่างคนต่างอยู่ ไม่ค่อยได้สุงสิงกันเท่าไรมากนัก