ย่าของเด็กหญิงวัย 13 ปี ชาวอำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น ร้องเรียนผ่านสื่อกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม ภายหลังทราบความจริงว่าหลานสาวถูกคนขับรถตู้เหมารับส่งข่มขืนระหว่างโดยสารเดินทางไปหาพ่อแม่ที่กทม. ค่อนแคะจับใจความเพราะกลายเป็นคนพูดจาสติแตก เห็นภาพคนขับรถตู้กรีดร้องว่า "บักนี่มันเป็นปีศาจ" วอนตำรวจเร่งล่าตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว

 

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง ที่อำเภอแวงน้อย จ.ขอนแก่น เพื่อพบกับครอบครัวของ เด็กหญิงงาม(นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 ศึกษาอยู่ในตัวอำเภอแวงน้อย หลังประสานมายังผู้สื่อข่าวขอความเป็นธรรมกลัวคดีความที่ สภ.แวงน้อย ไม่ได้รับความเป็นธรรม และต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.แวงน้อยเร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนที่ทำการข่มขืน ด.ญ.งาม อายุ 13 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา

 

ผู้สื่อข่าวได้พบกับนางสวย (นามสมมุติ) อายุ  63 ปี ย่าของเด็กหญิงงาม และญาติพี่น้อง รวมตัวกันอยู่ที่บ้าน ส่วนน้องงาม ถูกส่งตัวไปรักษาที่รพ.ขอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา คุณย่า เปิดเผยว่า น้องงาม เป็นบุตรคนที่สองของลูกชาย ที่เดินทางไปทำงานอยู่ใน กทม.พร้อมภรรยา จึงเลี้ยงดูหลานสาวมาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ก่อนเกิดเหตุในช่วงโรงเรียนปิดเทอม พ่อ แม่ อยากให้ลูกสาว ลงไปหาที่ กทม. จึงให้ลูกสาวนั่งรถตู้โดยสารที่วิ่งล่อง กรุงเทพและปริมณฑล  ซึ่งรับผู้โดยสารจากอ.แวงน้อยไปส่งยังปลายทางในกรุงเทพฯ  โดยเป็นการออกจากบ้านครั้งแรกของหลานสาว เพราะต้องการไปหาพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ

 

“พ่อเป็นคนประสานงานให้รถตู้มารับลูกสาวที่บ้าน เมื่อเย็นวันที่ 1 ตุลาคม 2566 เพื่อเดินทางไปหาที่กทม.ซึ่งตามกำหนดการ รถตู้จะต้องส่งหลานสาวถึงพ่อแม่ในช่วงเช้ามืดวันที่ 2 ต.ค.  แต่รถตู้นำส่งในช่วงเที่ยงของวันที่ 2 ตค. ซึ่งจากการสอบถามกับคนขับรถตู้ ตอบว่า ซ่อมถนน รถติดมาก จึงมาส่งช้า  เมื่อพอรับลูกก็ไม่ได้สังเกตความผิดปกติ เห็นลูกเงียบ นิ่ง คิดว่าลูกสาวเมารถ จึงไม่ได้สอบถาม และให้ลูกสาวนอนพักผ่อน  ซึ่งลูกสาวอยู่กับพ่อแม่ที่ กทม. จนถึงสิ้นเดือนตุลาคม พ่อจึงจองรถตู้ให้ไปรับกลับมาส่งที่บ้าน ซึ่งก็เป็นรถตู้คันเดิม มาส่งหลานสาวที่บ้าน ในช่วงเวลาเกือบเก้าโมงเช้าของวันที่ 31 ตุลาคม”

 

คุณย่าเปิดเผยต่ออีกว่า  หลังจากหลานสาวลงจากรถ ก็มีอาการเหม่อลอย พฤติกรรมเปลี่ยนไป จึงเฝ้าสังเกตอาการและพยายามคุยกับหลาน ในช่วงเวลานอนกลางคืน หลานไม่ยอมนอนได้แต่พนมมือและพูดพร่ำ เอ่ยชื่อนายหอย (นามสมุติ) จึงพยายามคุยจนหลานสาวคุยให้ฟังว่า นั่งรถตู้ไปกับนายหอย  นายหอยตระเวนส่งคนไปทั่ว  จนเหลือหลานสาวคนเดียว นายหอยจึงให้ดื่มน้ำก่อนจะไปส่งหาพ่อแม่ หลังดื่มน้ำ นายหอยได้ข่มขืนหลานสาวในรถตู้ จนเลือดไหลเต็มเบาะรถ ซึ่งหลานสาวมีอาการสลึมสลือ อ่อนแรง ขัดขืนไม่ได้ จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัว มารู้สึกตัวอีกทีก็สว่างแล้ว และพบว่าตัวเองนอนในเบาะรถตู้ และกู้พบว่ารถตู้ขับวนไปหลายที่ ซึ่งหลานสาวไม่รู้ว่าเป็นที่ใด จนถูกนำส่งถึงที่พักของพ่อแม่  แต่ยังไม่ได้บอกพ่อแม่ จนกลับมาถึงบ้าน จึงเล่าให้ย่าฟังว่าถูกนายหอย (นามสมมุติ) ข่มขืนจนเลือดไหล

 

หลังทราบเรื่องจึงโทรศัพท์บอกลูกชายและลูกสะไภ้ พ่อแม่ของหลานสาว ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และตัดสินใจ เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.แวงน้อย  ซึ่งตำรวจก็รับแจ้งความ และสอบสวนย่าในเบื้องต้น ซึ่งตำรวจสภ.แวงน้อย สันนิษฐานว่า เหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้นในช่วงระหว่างเวลา 05.00-11.00 น.วันที่ 2 ตุลาคม 2566 ช่วงระหว่างทาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ถึงพื้นที่ สน.บางกอกใหญ่ ซึ่งตำรวจสภ.แวงน้อย รับแจ้งความร้องทุกข์ไว้ในเบื้องต้น จากนั้นประสานไปยังตำรวจสน.บางกอกใหญ่ ที่เชื่อว่าเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ให้ทำการสืบสวน และสอบสวน เพื่อดำเนินการขอหมายจับ จับกุมกับนายหอย คนขับรถตู้ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

ย่า ยังกล่าวอีกว่า หลานสาวมีอาการเหม่อลอย พร่ำเพ้อแต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และชอบพูดว่าถูกข่มขืนแบบนั้นแบบนี้ต่างๆนาๆ จนเลือดไหลในรถตู้ คล้ายคนมีอาการทางประสาท สติแตก บางครั้งก็พูดจาไม่รู้เรื่อง พร้อมกันนี้ได้เอาภาพของนายหอยให้หลานสาวดู หลานสาวถึงกับกรีดร้องและบอกว่า บักนี่มันเป็นปีศาจ ซึ่งหลังเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.แวงน้อย  ตำรวจก็ทำเรื่องส่งตัวไปตรวจร่างกายที่รพ.แวงน้อย จากการตรวจร่างกาย แพทย์แจ้งในเบื้องต้นว่าเยื่อพรหมจรรย์ ฉีกขาด และเป็นแผลที่เกิดขึ้นนานแล้ว ส่วนอาการเหม่อลอยเหมือนเสียสตินั้น เกิดจากอาการของคนถูกวางยา รพ.แวงน้อย จ.ส่งตัวหลานสาวไปรักษาต่อที่รพ.ศูนย์ขอนแก่น  พ่อแม่จึงลางานมาเฝ้าดูลูกสาวที่รพ.ศูนย์ขอนแก่น  ซึ่งขณะนี้หลานสาวก็ยังไม่ดีขึ้น  ส่วนตำรวจก็ไม่มีฝ่ายไหนมาสอบสวนหรือติดต่อมา และหากปล่อยไว้นาน  กลัวคนก่อเหตุจะไหวตัวหลบหนี

 

ทางด้านนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี พ่อของน้องงาม ซึ่งเฝ้าดูแลลูกสาวที่รพ.ศูนย์ขอนแก่น กล่าวว่า เคยใช้บริการรถตู้คันดังกล่าว เป็นรถตู้ที่ชาวบ้านในพื้นที่ใช้บริการกันเป็นจำนวนมาก โดยจะมีป้ายโฆษณาติดไว้ตามเสาไฟฟ้า ในหมู่บ้านชุมชนจำนวนมาก  เมื่อรู้ว่าลูกสาวปิดเทอม ด้วยความคิดถึงอยากให้ลูกไปอยู่ด้วย จึงติดต่อรถตู้ให้ไปรับลูกสาวจากที่บ้าน มาส่งให้ยังที่พักในกรุงเทพฯ ซึ่งปกติรถจะถึงในช่วงเช้ามืด  แต่ไม่เห็น จึงโทรศัพท์สอบถามนายหอย คนขับรถตู้ บอกว่า  ซ่อมถนน รถเยอะ รถติด จะถึงช้า  ส่วนโทรศัพท์ลูกสาวติดต่อได้ แต่ไม่รับสาย จึงคิดว่าลูกดสาวหลับในรถ  จนกระทั่งก่อนเที่ยง รถตู้จึงส่งลูกสาวให้พ่อแม่  โดยที่ไม่ได้สังเกตความผิดปติของลูก พบเพียงอาการนิ่งเงียบ ไม่คุย จึงคิดว่าลูกเมารถ จึงให้ลูกพักผ่อน พ่อแม่ก็ไปทำงานตามปกติ

 

จนกระทั่งวันที่ 30 ตุลาคม 2566 วันที่ต้องส่งลูกสาว และลูกชายกลับบ้านที่ขอนแก่น จึงให้รถตู้คันเดิมมารับลูกยังที่พัก ตกเย็นมารถตู้ก็มารับ แต่เมื่อลูกสาวเห็นรถตู้และคนขับรถตู้ ลูกสาวผวา ร้องไห้กอดแม่ จึงคิดว่าลูกสาวคงคิดถึงพ่อแม่ จึงปลอบลูกสาว และส่งขึ้นรถพร้อมลูกชาย อายุ 16 ปี เรียนชั้น ม.4 ให้กลับมาหาย่าที่บ้าน   แต่เมื่อลูกสาวถึงบ้าน กลับมาอาการเหมือนคนเสียสติ พูดพร่ำถึงเหตุการณ์ ที่ถูกคนขับรถตู้ข่มขืนในรถ จนเลือดไหล และกล่าวว่าคนขับรถตู้เป็นปีศาจ ชอบแต่เรื่องในหว่างขา จนย่าผิดสังเกตุที่หลานสาวเพ้อเช่นนั้น ซึ่งย่าพยายามเค้น ถามหาความจริง จนทราบว่า ลูกสาวถูกคนขับรถตู้ข่มขืนในรถ จึงแจ้งความกับตำรวจให้สืบสวนจับกุมนายหอย มาดำเนินคดีตามกฎหมาย  แต่ตำรวจทำงานล่าช้ามาก ไม่มีการสอบสวนลูกสาว แม้แต่ครั้งเดียว  ซึ่งครอบครัวก็พอรู้ว่า เรื่องเด็กต้องใช้ทีมสหวิชาชีพมาสอบสวน แต่จนถึงขณะนี้ไม่มีใครหรือหน่วยงานใดมาสอบสวนย่า พ่อ แม่หรือลูกสาวเลย  สอบถามตร.ที่สภ.แวงน้อยก็ได้ใจความว่า  รอฝ่าย สน.บางกอกใหญ่ทำการสอบสวนและขอหมายจับ สภ.แวงน้อยจึงจะจับกุมตัวนายหอยได้ ส่วนตร. สน.บางกอกใหญ่ บอกว่า ยังไม่ได้สอบสวนผู้เสียหายและพยานแวดล้อม ต้องรอให้น้องงามอาการดีขึ้น ถึงจะทำการสอบสวน และสืบสวนจับกุมคนที่ข่มขืนน้องงามได้

 

ส่วนอาการคล้ายคนเสียสตินั้น  แพทย์รพ.ศูนย์ขอนแก่น แจ้งา ยังไม่ทราบสาเหตุ แต่อาจจะเกิดจากเหตุการณ์ที่น้องงามถูกกระทำฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก ทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้  ซึ่งแพทย์จะพทำการแสกนสมองน้องงามในวันจันทร์ที่จึงนี้  แต่โดยส่วนตัว อยากเปลี่ยน รพ. อยากส่งลูกสาวไปรักษาที่รพ.จิตเวช  เพราะเชื่อว่า ลูกสาวสติแตก จนมีอาการทางจิตแล้ว  ขอวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเข้ามาดูแล เรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกสาวให้ด้วย  ตอนนี้ลูกสาวเสียสติ หนังสือก็ไม่ได้เรียนแล้ว แพทย์บอกว่าอาการเช่นนี้ต้องใช้เวลารักษาเป็นปี จึงจะมีอาการดีขึ้น ซึ่งเท่ากับว่าคนขับรถตู้ ทำร้ายลูกสาว จนเสียอนาคต ขอให้ตำรวจสืบสวนจับกุมนายหอยยัดคุกให้ด้วย

 

ล่าสุดทีมข่าวได้พูดคุยกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนเด็ก 13 ปี อีกทั้งตรวจร่างกายพบโดนมอมยานั้นคือ นายหอย (นามสมมติ) โดยนายหอยได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เปิดใจกับนักข่าว เปิดใจว่าตนนั้นไม่เคยกระทำชำเราหรือข่มขืนเด็กแต่อย่างใด ซึ่งในวันที่เกิดเหตุตนยอมรับว่าเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการว่าจ้างจากพ่อเด็ก ซึ่งพ่อของเด็กนั้นได้ใช้บริการรถตู้ของตนอยู่เป็นประจำ ในการเดินทางจากขอนแก่นไปกทม. โดยส่งถึงกทม.ในช่วงสายของวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในรถตู้ที่ตนขับมามีผู้โดยสารเต็มคัน โดยตนได้แวะจอดส่งเด็ก 13 ปี เป็นรายรองสุดท้าย ซึ่งก็ยังมีคนที่ตนต้องไปส่งจุดท้ายอีก แต่จำไม่ได้ว่ามีกี่คน ซึ่งหลังจากนี้หากพ่อแม่เด็กต้องการให้ตนพิสูจน์อะไรเกี่ยวกกรณีที่ตนถูกกล่าวหา ตนพร้อมพิสูจน์และยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตนทุกที่ทุกเวลา อีกตอนทั้งตอนนี้ตนก็พยายามติดต่อหาพ่อเด็กว่าทำไมถึงกล่าวหาตนเช่นนี้ด้วย