หลังจากที่เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่และเสี่ยแป้งในช่วงบ่ายที่ผ่านมา ในหมู่บ้านบนเทือกเขาบรรทัด รอยต่อ ตรัง พัทลุง เกิดการยิงปะทะ แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันว่าคนร้ายรายสำคัญ ถูก "จับตาย" โดนวิสามัญฆาตกรรมแล้วหรือไม่
โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งชุดปฎิบัติการอย่างน้อย 3 ชุด คือชุดปฏิบัติการพิเศษจากกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรตรัง กองกำกับการสืบสวนภาค 9 และชุดปฏิบัติการพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมกว่า 100 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นเพื่อเข้าถึงตัวนายแป้ง โดยชุดแรกขึ้นจากพื้นที่อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ชุดที่สองขึ้นจากฝั่งอำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุงและชุดที่ 3 ขึ้นจากอำเภอมะนัง จังหวัดสตูล โดยการเคลื่อนย้ายกำลังของเจ้าหน้าที่นั้นจะแบ่งเป็นสองส่วนคือการใช้รถจักรยานยนต์ไปได้คราวละ 1 – 2 นายและการใช้เฮลิคอปเตอร์บินเข้าไป เนื่องจากพื้นที่บ้านในตระตั้งอยู่ใจกลางป่าเทือกเขาบรรทัดไม่มีเส้นทางรถยนต์ที่เข้าถึงได้
โดยพลตำรวจโทปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ระบุว่าปฎิบัติพิเศษของเจ้าหน้าที่ได้นำสู่การยิงปะทะกันกับบุคคลที่คาดว่าอาจจะเป็นนายแป้ง แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นการวิสามัญฆาตกรรมนายแป้ง เนื่องจากมีอุปสรรคในการติดต่อสื่อสารกับชุดปฎิบัติการซึ่งอยู่ในกลางเทือกเขาบรรทัดที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ จึงต้องรอการยืนยันข้อมูลอีกครั้ง
พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี” รักษาราชการแทน ผบช.ภ.9 ได้ให้สัมภาษณ์คืบหน้าว่าจากการปิดล้อมติดตามจับกุมตัว “เสี่ยแป้ง” จากการสืบสวนทราบว่า “เสี่ยแป้ง” อยู่บนหมู่บ้านตระ รอยต่อ 3 จังหวัดจริง จึงส่งชุดเจ้าหน้าที่เดินเท้าขึ้นไปตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 จากการตรวจสอบพิกัดที่มีการปะทะมีพื้นที่กว่า 100 ตารางกิโลเมตร พบว่า “เสี่ยแป้ง” อยู่คนเดียวและมีการเตรียมตัวสำหรับการใช้ชีวิตตรงนั้นไว้เป็นอย่างดี เนื่องจากพบร่องรอยของการทำที่พักไว้หลายจุดและเครื่องปั่นไฟที่คาดว่ายืมจากชาวบ้านในพื้นที่
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง คาดว่ามีสัญญาณเตือนให้ “เสี่ยแป้ง” รับทราบ ซึ่งยังไม่ยืนยันว่าเป็นเสียงสุนัขเห่าตามรายงานข่าวก่อนหน้านี้หรือไม่ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ชุดในพื้นที่รายงานกลับมา แต่ยืนยันว่าจากการปะทะกัน ด้านของ “เสี่ยแป้ง” ทำการยิงใส่เจ้าหน้าที่ก่อน เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องยิงตอบโต้ และ “เสี่ยแป้ง” หลบหนีเข้าป่าไป ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนร่องรอยคราบเลือดที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้นั้น ยังไม่ได้รับการยืนยันเช่นกัน และเชื่อว่า “เสี่ยแป้ง” ยังคงอยู่ในพื้นที่และมีอาวุธสงครามมากกว่า 1 กระบอก
หลังจากนี้จะยังคงส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นไปสมทบเพื่อปิดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการประเมินแล้ว “เสี่ยแป้ง” มีข้อได้เปรียบเชิงพื้นที่ เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าและมีเส้นทางสูงชัน จึงจะดำเนินยุทธวิธีดังนี้
1.ปฎิบัติการติดตามไล่ล่า 2 ชุดต่อเนื่องโดยไม่มีกำหนด
2.ตั้งกองปฎิบัติการพิเศษ 3 จังหวัด ตรัง พัทลุงและสตูล
3.ออกสั่งการไปยังสถานีตำรวจ 10 โรงพักโดยรอบพื้นที่ปิดล้อมให้ตั้งจุดสกัดเข้า-ออก
4.ดำเนินการด้านมวลชนด้วยการประชาสัมพันธ์ 40 หมู่บ้านรอบพื้นที่เขาบรรทัด หากใครพบเจอหรือให้การช่วยเหลือกลุ่ม “เสี่ยแป้ง” จะมีความผิดตามกฏหมาย แต่หากใครพบเจอและแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะมีรางวัลนำจับให้จากผู้บัญชาการตำรวจภาค 9
ส่วนเบาะแสอาวุธในมือ “เสี่ยแป้ง” รายงานข่าวแจ้งว่ามีปืน M16 1 กระบอก ปืนยาว 1 กระบอก และปืนสั้นอีก 1 กระบอก
อย่างไรก็ตาม ด้าน “บังเขียว” หรือนายมนัส ซึ่งถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ขณะลงจากเขามาหาเสบียง ในตอนค่ำเจ้าหน้าที่นำตัวขึ้นเขาอีกครั้งเพื่อไปชี้จุดส่งเสบียงให้เสี่ยแป้ง โดยบังเขียวเป็นคนติดตามเสี่ยแป้ง และที่สำคัญน่าจะทราบข้อมูลว่าเสี่ยแป้งขึ้น-ลงเขาบรรทัด
ในขณะที่เจ้าหน้าที่พาไปชี้จุดส่งเสบียง บังเขียวไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆกับผู้สื่อข่าวทั้งสิ้น
แต่เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสันนิษฐานว่า ขณะนี้เสี่ยแป้งอาจจะซ่อนตัวอยู่เพียงลำพัง แล้วน่าจะมีอาหารอยู่ที่ตัวด้วยหรือไม่ หากมีอาหารที่ตัวหมายความว่าเสี่ยแป้งจะยังหลบหนีไปได้เรื่อย ๆ โดยรอยต่อของเทือกเขาบรรทัดที่หมู่บ้านแห่งนี้ สามารถเชื่อมไปยัง จ.ตรัง จ.พัทลุง จ.สตูล
โดยทางทีมข่าวได้สอบถามชาวบ้านละแวกนี้ ให้ข้อมูลว่า ตนเองเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาวนเวียนอยู่แถวนี้มา 2-3 วันแล้วตนก็พอจะทราบเรื่องที่ว่าเขาตามหาเสี่ยแป้งกันอยู่บ้าง
ส่วนตัวตนไม่เคยเจอเสี่ยแป้งอยู่แถวนี้มาก่อนเลย ตอนที่เขาปะทะกันตนก็ไม่ได้ยิน เพราะจากจุดนี้ไปยังจุดที่เขาปะทะค่อนข้างไกล โดยเจ้าหน้าที่ได้มาปูพรมค้นอยู่บริเวณนี้ประมาณ 3 วันแล้ว
หลังจากมีกระแสข่าวเสี่ยแป้งโดนปิดล้อม บนเทือกเขาบรรทัด เขตรอยต่อ ตรัง-พัทลุง-สตูล อ.ปะเหลียน จ.ตรัง และมีการปะทะ และเสี่ยแป้ง ถูกวิสามัญฆาตกรรม ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของหนอน ทุ่งลาน หนึ่งในผู้ต้องหาที่ช่วยเหลือเสี่ยแป้งหลบหนี
โดยเมื่อผู้สื่อข่าวไปถึงบ้านของหนอน ทุ่งลานได้พบชายคนหนึ่ง จึงเข้าไปหาเพื่อประสานขอสัมภาษณ์คนในบ้าน แต่ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวได้พูดกับผู้สื่อข่าวว่า “อย่ามายุ่งกับกู” ทางผู้สื่อข่าวจึงได้ออกมาจากจุดดังกล่าวเนื่องจากเกรงว่าจะถูกทำร้ายเพราะว่าเสี่ยแป้งและลูกน้องเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่