จากกรณี เมื่อเวลาประมาณ 23.10 น. วันที่ 7 พ.ย. 66 ร.ต.อ.กิตติพัฒน์ ราชภัณฑ์ รอง สว.(สอบสวน)ฯ ปฏิบัติหน้าที่ พงส.เวรฯ ได้รับแจ้งเหตุว่ามีรถกระบะเสียหลักพุ่งตกข้างทาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีทรัพย์สินราชการเสียหาย โดยเหตุเกิดบนถนนยันตรกิจโกศล สายน่าน-เวียงสา อ.เวียงสา จ.น่าน จึงได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบ รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำตาล-เทา ตกลงไปข้างทาง ทราบชื่อผู้ขับขี่คือ นายจักรพงศ์ อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นลูกชายนายก อบต.เวียงสา ได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด โดยมีบาดแผลถูกยิงที่บริเวณลำคอ ปาก ไหล่และแขน ไม่สามารถให้การกับเจ้าหน้าที่ได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งรักษาตัวที่ รพ.เวียงสา โดยพนักงานสอบสวนได้ทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุ และเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อหาตัวคนร้าย
ล่าสุดวันนี้ ( 9 พ.ย.66 ) ทีมข่าวช่อง 8 ยังคงไปติดตามความคืบหน้าทางคดี โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ศาลจังหวัดน่าน ได้มีการอนุมัติออกหมายจับ นายธนกฤต อายุ 34 ปี ชื่อเล่นว่า โฟน ตามพยานหลักฐานในข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร
ซึ่งข้อมูลล่าสุด ที่ทีมข่าวได้มา นายธนกฤต ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ เป็นลูกของ นายเปลี่ยน ผู้ใหญ่บ้านห้วยโป่งหมู่ 8 ในอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน และหลังก่อเหตุ ในขณะที่ตำรวจไปตามตัวเมื่อวานนี้ พบหลักฐานว่า นายโฟน ย้อนกลับมาที่บ้าน ซึ่งจะมีร่องรอยเท้าหมวกกันน็อกและปลอกกระสุนปืนที่ใช้แล้ววางอยู่ที่หน้าบ้าน และยังพบร่องร่องรอยที่นายโฟน นำเสื้อผ้าที่ใส่ไปก่อเหตุไปเผาเพื่อทำลายหลักฐานในสวนยางใกล้กับบ้านของผู้ใหญ่บ้าน
โดยวันนี้ นายเปลี่ยน ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นพ่อของนายโฟน ขอเปิดใจกับช่อง 8 ที่แรกและที่เดียวเท่านั้นว่า ส่วนตัวได้เจอกับลูกชายครั้งสุดท้ายก่อนจะหนีไปก็คือคืนวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งคืนนั้นก่อนที่ลูกจะหลบหนี ยืนยันว่าลูกไม่ได้พูดกับพ่อมาไปก่อเหตุทำอะไรมาบ้าง โดยช่วงเช้าของวันที่ 8 พ.ย. ตอนที่ตำรวจยังไม่มาที่บ้าน ตนเองยังเห็นลูกโฟน ไปเก็บผักกาดในสวนมาเดินแจกให้ชาวบ้านกิน ซึ่งยืนยันว่าลูก ไม่ได้มีพิรุธอะไรเลย
จนกระทั่งตำรวจมาเฝ้าที่บ้าน แล้วมาแจ้งว่า ลูกโฟน เป็นผู้ต้องสงสัยที่ไปยิงลูกนายกฯเจ็บสาหัส ด้วยความเป็นห่วง หัวอกคนเป็นพ่อ ก็ห่อข้าวออกเดินขึ้นเขาเข้าป่ายางไปตามหาลูก เพราะเชื่อว่าลูกหนีไปไม่ไกล แต่ปรากฎว่า พอพ่อเข้าไปดูในทุกที่ ที่คิดว่าลูกจะไปหลบอยู่เพื่อจะพาลูกออกมามอบตัว ก็ไม่เจอ โทรศัพท์ก็โทรไม่ติด ซึ่งตอนนี้เป็นห่วงลูกมาก ถ้าหากตำรวจไปเจอลูกที่ไหน ผมขอร้องว่าอย่าทำอะไรรุนแรงกับลูกผม ผมยืนยันลูกผมไม่มีอาวุธติดตัวไป ลูกผมเป็นกะเทย อย่าทำอะไรลูกผม ส่วนครอบครัวคนเจ็บในฐานะคนเป็นพ่อ ก็ขอโทษแทนลูกด้วย ยืนยันคนเป็นพ่อ ไม่รู้เรื่องด้วยว่าทั้งสองคนทำอะไรกันและมีความสัมพันธ์กันยังไง ผิดถูกก็ขอให้รอลูกผมกลับมาชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่คนเจ็บเขียนใส่กระดาษว่าลูกเป็นกะเทย ตนเองยอมรับว่า รู้มาตลอดว่าลูกเป็นกะเทย แต่ลูกไม่เคยพาแฟนมาที่บ้าน และที่ผ่านมา ก็ขอยืนยันว่าลูก เป็นคนช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน ซึ่งเรื่องของยาเสพติด ยอมรับว่าลูกเสพยาและเคยติดคุก แต่ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร
ทั้งนี้หากลูกโฟน ฟังและดูช่อง 8 อยู่ในตอนนี้ ก็อยากจะบอกว่าพ่อเป็นห่วงลูกมาก พ่ออยากให้ลูกกลับมา อย่าหนี ถ้าฟังอยู่ติดต่อมาหาพ่อ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนพ่อก็จะไปรับลูกกลับมามอบตัวด้วยตัวเอง
ส่วนภาพวงจรปิด หลักฐานใหม่ ที่ช่อง 8 ได้มาในวันนี้ จะเห็นว่าที่ร้านซ่อมรถหน้าหมู่บ้านของนายโฟน จะสามารถจับภาพเหตุการณ์ก่อนที่นายโพนจะเดินทางไปก่อเหตุ โดยภาพวงจรปิดที่ช่อง 8 ได้มาในวันนี้ จะเห็นทั้งภาพและเสียง ซึ่งในเวลา 21.08 น. ของคืนวันที่ 7 พ.ย. ก็คือคืนที่เกิดเหตุ นายโฟน ได้ขี่รถจักรยานยนต์คันที่ไปก่อเหตุเข้ามาที่ร้านซ่อมรถ จากนั้นเมื่อลงมาจากรถ นายโฟน ได้เดินมาขอให้ช่างในร้านปะยางรถที่ล้อหน้าให้ ซึ่งเสียงในกล้อง นายโฟนบอกกับช่างว่า รถพี่ยางแบน บอกแม็กช่วยพี่ที ยางหน้าพี่แบน โดยเจ้าตัวใส่กางเกงสีขาว เสื้อแขนยาวสีดำและสวมหมวกแก็บซึ่งจะมีกระเป๋าเป้สะพานอยู่ข้างหลัง
จากนั้นพอพูดเสร็จ นายโฟน ก็ถือหมวกกันน็อกไปวางตรงตะกร้าหน้ารถของช่าง จากนั้นก็เข็นรถคันที่ไปก่อเหตุเข้ามาให้ช่างทำการปะยางให้ ซึ่งจะเห็นว่า ในขณะที่ช่างกำลังปะยางอยู่ นายโฟน มีการคุยโทรศัพท์ในลักษณะวิดีโอคอลกับคนเจ็บโดยบอกว่าใกล้ถึงแล้วและส่องโทรศัพท์ไปให้คนเจ็บดูโดยบอกว่ากำลังซ่อมรถอยู่ซ่อมเสร็จจะรีบไป
ต่อมาจะเป็นเหตุการณ์หลังเกิดเหตุ ซึ่งจะเห็นว่าเบาะแสที่ตำรวจให้ข้อมูลว่านายโฟน ย้อนกลับมาที่บ้าน เป็นความจริงเนื่องจาก วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ไปได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ที่จะเห็นว่า ในเวลา 08.04 น. ของเช้าวันที่ 8 พ.ย. ก็คือเมื่อวานนี้ นายโฟน ได้ขี่รถจักรยานยนต์คันที่ไปก่อเหตุกลับมาที่บ้าน ซึ่งก่อนจะขี่รถเข้าไปที่บ้าน นายโฟน ได้แวะไปเอาหมวกกันน็อกที่ลืมเอาไว้ที่ร้านซ่อมรถ ซึ่งจะได้ยินเสียงนายโฟน พูดกับแม่เจ้าของร้านซ่อมรถว่า เมื่อคืนลืมมวกกันน็อกไว้ที่นี่ จากนั้นก็เดินไปหยิบหมวกกันน็อก แล้วก็ขี่รถมุ่งหน้าไปที่บ้าน
ส่วนหลักฐานสำคัญอีกชิ้น ที่ช่อง 8 ได้มาในวันนี้ จะเป็นคลิปเหตุการณ์ที่ตำรวจเข้าไปสอบปากคำนายจักรพงศ์ ที่โรงพยาบาล ซึ่งตามภาพจะเห็นว่า ตำรวจนำทะเบียนราษฎร์ ไปให้นายจักรพงศ์ ยืนยันว่าเป็นคนในรูป ที่ยิงในคืนเกิดเหตุ โดยจะเห็นว่า นาย จักรพงศ์ พยักหน้าและชี้บอกตำรวจว่าใช่