วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของฉายา “มือปราบหูดำ” กล่าวถึงภารกิจไล่ล่าเสี่ยแป้ง ว่า ในเรื่องของการวิสามัญนั้นไม่ใช่อยู่ดี ๆ เจอคนร้ายแล้วจะวิสามัญได้ทันที ถ้าทำแบบนั้นตำรวจจะโดนข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ซึ่งในการวิสามัญนั้นจะต้องให้คนร้ายต่อสู้ก่อน โดยมีการยิงสู้ตำรวจจึงสามารถยิงตอบโต้เพื่อป้องกันชีวิตของเจ้าหน้าที่ตำรวจ การวิสามัญจึงเป็นคดีพิเศษที่เรียกว่าวิสามัญฆาตกรรม
ซึ่งจากกรณีของเสี่ยแป้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องมียุทธวิธีในการดำเนินการ ซึ่งถ้าหากมีการต่อสู้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีความจำเป็นที่จะต้องวิสามัญ ส่วนของการหลบหนีและยุติธรรมของเสี่ยแป้งแล้ว เบื้องต้นคาดว่าจะต้องไม่มีใครให้การช่วยเหลือ เพราะว่าถ้าหากมีใครให้การช่วยเหลือก็จะจะมีส่วนในเรื่องของความผิดไปด้วย และกรณีของเสี่ยแป้ง เป็นเรื่องดังและเรื่องใหญ่ ส่วนตัวจึงคิดว่าน่าจะไม่มีใครอยากยุ่ง และคิดว่าเสี่ยแป้งยังต้องหลบอยู่ภายในป่าเขาบรรทัด
ในเรื่องของอาวุธปืนนั้น เป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่แล้วในการหลบหนี ซึ่งเสือแป้งเป็นถึงระดับที่เรียกว่ามาเฟีย ก็ต้องหาง่ายเป็นเรื่องปกติ และในการหลบหนีที่ว่ามีการนำสุนัขมาล้อมรอบกระท่อมที่ใช้พักพิงนั้น ในส่วนนี้เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายของกรมอุทยาน เนื่องจากเป็นข้อห้ามของกรมอุทยานที่จะนำสัตว์เลี้ยงขึ้นไปภายในป่าที่เป็นส่วนดูแลของกรมอุทยาน ส่วนคาดว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมพื้นที่ดังกล่าวไว้หมดแล้ว แล้วก็จะทำการกดดันการตัดทางด้านเสบียง ซึ่งคิดว่าอาจจะจับกุมได้ในเร็ววันนี้
ตั้งด่านสกัด 24 ชม. ล้อมแนวเขาจุดกบดานเสี่ยแป้ง
ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ (9 พ.ย. 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า ที่น้ำตกโตนตก อยู่ใน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ห่างจากกองอำนวยการร่วมของชุดปฎิบัติการบริเวณน้ำตกโตนเต๊ะไปประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเชิงบนปากทางที่จะเดินทางขึ้นไปยังชุมชนบ้านตระ อ.ปะเหลียน กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดหนุมานศรีตรัง กก.สส.ภ.จว.ตรัง และกำลังชุดปฎิบัติการพิเศษตำรวจภูธรภาค 9 จำนวนกว่า 10 นาย พร้อมอาวุธครบมือ ได้ใช้รถจักรยานยนต์วิบาก เป็นยานพาหนะเดินทางขึ้นไปยังชุมชนบ้านตระ ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร เพื่อที่จะเดินเท้าต่อไปยังจุดที่มีการปะทะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ พร้อมกับจะไปร่วมกำลังสนับสนุนกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจแดนไทย 54 และชุดหนุมานตำรวจสอบสวนกลาง ที่ได้ขึ้นไปกำชับและกดดันติดตามตัวเสี่ยแป้งอยู่ตั้งแต่เย็นเมื่อวานนี้แล้ว
ขณะที่ภาคพื้นดิน บนถนนสายหาดเลา-กะช่อง หน้าโรงเรียนบ้านหาดเลา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง กำลังตำรวจในสังกัดภูธรจังหวัดตรัง ได้สลับผลัดเปลี่ยนเวรกันตั้งจุดตรวจจุดสกัดรถที่สัญจรไปมาทุกคัน ไม่เว้นแม้กระทั่งชาวบ้านในพื้นที่ และตั้งจุดตรวจเข้มตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการติดตามล่าตัว หากเสี่ยแป้งเดินทางย้อนกลับลงมาทางภาคพื้นดิน
ส่วนข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานระบุว่า เสี่ยแป้งได้เตรียมการล่วงหน้าในการหลบหนีมาเป็นอย่างดี ทั้งอาวุธปืน สิ่งอำนวยความสะดวก รวมไปถึงสุนัขติดตัวที่ใช้เป็นตัวบอกสัญญาณ เห่าเตือนหากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือบุคคลแปลกหน้าเข้าไปใกล้กับจุดที่เสี่ยแป้งหลบซ่อนตัวอยู่ และแหล่งขนำชั่วคราวที่ใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราว
ขณะที่ภาพรวมเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก จ.พัทลุง จ.สตูล จ.ตรัง และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เกือบ 200 นาย เข้าตีโอบปิดล้อมบนเขาบรรทัดที่หมู่บ้านตระ ในพื้นที่ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง รอยต่อ อ.ตะโหมด จ.พัทลุง โดยได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกประมาณ 50 นาย ตีโอบล้อมอยู่ด้านบน และกำลังที่เหลือกว่า 100 นาย ปฏิบัติการอยู่ด้านล่าง พร้อมที่เป็นกำลังเสริมในทันทีหากมีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับเสี่ยแป้งเกิดขึ้นอีกครั้ง รวมไปถึงการจับกุมตัว ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวได้สอบถามไปยังรองผู้บัญชาการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 ยืนยัน หากเสี่ยแป้งยิงต่อสู้ในป่า ประกาศจับตายทันที
ดำรงค์ พิเดช เชื่อ เสี่ยแป้ง เผ่นหนีสำเร็จ
ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้บอกกับทีมข่าวว่า ในบริเวณจุดที่เสี่ยแป้งได้มีการหลบหนีอยู่บริเวณเทือกเขาบรรทัด ซึ่งมีพื้นที่กว่า 7 แสนไร่ ได้รับการจัดตั้งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด โดยครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดได้แก่ สตูล สงขลา ตรัง และ จังหวัดพัทลุง
โดยจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเข้าไปเป็นบริเวณน้ำตกโตนตก จากปากทางที่เข้าไปจะเป็นหมู่บ้านต่ะ ประมาณ 8-10 กิโลเมตร เป็นทางเล็ก ๆ สำหรับรถจักรยานยนต์เข้าไปได้เท่านั้น โดยหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านคอมมิวนิสต์เก่า ซึ่งพื้นที่บริเวณใกล้เคียงแถวนี้ก็จะมีไร่สวนยางของชาวบ้าน รวมถึงยังมีกระท่อมของชาวบ้านเหล่านี้ ซึ่งชาวบ้านก็จะอยู่บ้างและไม่อยู่บ้าง แต่ด้วยจากสัญชาตญาณของตนเองคาดว่า กระท่อมเหล่านี้อาจจะเป็นที่พักของเสี่ยแป้งหากเขายังพักอาศัยอยู่ แล้วด้วยความที่มีอิทธิพลของเขาอาจจะสั่งให้ผู้นำชุมชนในพื้นที่ให้การดูแล
โดยหากพูดถึงเส้นทางในการหลบหนีในเทือกเขาบรรทัด นายดำรงค์ บอกว่า เส้นทางในการหลบหนีมันมีอยู่แล้ว การที่คนจะหลบหนีก็ต้องรู้จักพื้นที่ตรงจุดนั้นอยู่แล้ว แต่ปกติโดยสัญชาตญาณของคนแล้ว หากเดินออกมาทางทิศตะวันตกก็สามารถทะลุออกมาจากป่าได้อยู่แล้ว หลังจากนั้นก็พบกับถนนใหญ่และก็ติดต่อหาคนพาหลบหนีต่สอ
ทั้งนี้ เสี่ยแป้งไม่ใช่นักโทษคนแรกที่หนีขึ้นเขาบรรทัด เพราะก่อนหน้านี้ ก็มีนักโทษหลบหนีขึ้นไปบนเขา แล้วก็หนีพ้น เนื่องจากป่าเป็นป่าดิบชื้น มืดตลอดจึงเหมาะกับการหลบหนี แต่ทั้งนี้ก็ไม่อยากกดดันเจ้าหน้าที่ เพราะเชื่อว่าตำรวจคงจะรู้ว่าเสี่ยแป้งอยู่ที่ไหน
ในเรื่องของการนำสุนัขเข้าไปเฝ้ากระท่อมของเสี่ยแป้งนั้น อันที่จริงแล้วพื้นที่ที่เป็นอุทยาน หรือเป็นความดูแลของกรมอุทยาน จะไม่สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปได้เลย เพราะจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายป่าไม้ เพราะสัตว์เลี้ยงที่เอาเข้าไปอาจจะนำโรคเข้าไปติดสัตว์ป่า หรืออาจจะทำร้ายสัตว์ป่า หรืออาจจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดสัตว์ป่าให้เข้ามาทำร้าย แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำสุนัขตำรวจเข้าไป ก็จะต้องมีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ก่อน
ส่วนตัวมองว่าตอนนี้เสี่ยแป้งไม่น่าจะอยู่ข้างในเทือกเขาบรรทัด ไม่อยู่เป็นเป้านิ่งอย่างแน่นอน คิดว่าหากสุดท้ายแล้วจับได้ก็คงจะอยู่ข้างนอก เนื่องจากเขาเป็นคนมีเงินมาก่อนหากจะลำบากอยู่ในป่าคงจะอยู่ได้ไม่นาน