ความคืบหน้าคดี กรณีรถบรรทุกดินตกถนนบริเวณปากซอยสุขุมวิท 64/1 เมื่อวานนี้ (8 พฤศจิกายน 2566) รวมถึงตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่รถคันดังกล่าวมีสติ๊กเกอร์หน้ารถบรรทุก พบว่าเป็นรูปดาวมีตัวอักษร B สีเขียว ทำให้เกิดเป็นประเด็นว่าเกี่ยวข้องกับส่วยสติ๊กเกอร์หรือไม่

คนขับรถบรรทุกไม่รู้น้ำหนักดิน อ้างแค่มีหน้าที่ขับรถเท่านั้น

ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนยังได้เชิญตัว นายบอย คนขับรถบรรทุก มาให้ปากคำ ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเรื่องเส้นทางที่นายบอยกำลังจะนำดินที่ตักออกมาจากโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรู ว่าจะนำไปเทในพื้นที่ใด นายบอยตอบเพียงว่า เรื่องนี้ตัวเองไม่ทราบ ต้องสอบถามไปยังเจ้าของรถบรรทุก ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์และอุบัติเหตุแบบนี้ขึ้น และไม่เคยบรรทุกน้ำหนักเกิน



รวมถึงครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าบรรทุกน้ำหนักดินมากี่คิว เพราะตัวเองไม่ได้เห็นตอนชั่งน้ำหนักช่วงที่ออกมา เนื่องจากมีคนชั่งน้ำหนักให้ ตัวเองมีหน้าที่ขับรถเท่านั้น รู้ว่าน้ำหนักผ่านก็ขับออกมาเลย จนมาเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทั้งนี้ ตนขอไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ให้ไปถามหัวหน้าเท่านั้น

นักข่าวถามย้ำต่อว่า ได้รับคำสั่งให้นำดินไปทิ้งในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ หรือ จังหวัดนครปฐม หรือพื้นที่ใด นายบอยไม่ตอบ บอกเพียงสั้น ๆ ว่าไม่ทราบ ก่อนทำท่าทีและน้ำเสียงไม่พอใจ บอกเพียงว่า “ขอไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้น ให้ไปถามหัวหน้าเท่านั้น”

ขณะที่มีรายงานเพิ่มเติมว่า นายบอย ขับรถบรรทุกมา 9 ปี เจ้าตัวบอกนักข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี่ถืออุบัติเหตุครั้งแรกที่เกิดขึ้นตั้งแต่ทำอาชีพนี้มา


วงจรปิดรถบรรทุกขนดินขับจากซอยก่อนเกิดเหตุ

ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นช่วงเวลา 11.18 น. ของเมื่อวานนี้ (8 พ.ย.) ที่มีรถบรรทุกขนดินออกจากไซต์งานก่อสร้าง ขับมาทางปากซอยสุขุมวิท 64/2 ก่อนเกิดเหตุตก ภาพจากกล้องจะต่อเนื่องกันเห็นตอนขับออกมาในมุมต่าง ๆ ก่อนเลี้ยวออกปากซอยแล้วเกิดเหตุขึ้น ซึ่งมุมกล้องจะไม่เห็นตอนเกิดเหตุ เนื่องจากโชว์รูมอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ นอกจากนี้ยังมีภาพจากกล้องอีกที่หนึ่งเห็นช่วงที่รถแท็กซี่สีชมพูขับผ่านไป ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งจุดที่แท็กซี่ขับผ่านห่างจากจุดเกิดเหตุราว 100 เมตร

เปิดผลตรวจ ชั่งน้ำหนักรถบรรทุกคันทำถนนยุบ สรุปแล้วน้ำหนักเกินเกณฑ์กฎหมาย

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 9 พ.ย. 2566 ที่ สน.พระโขนง เจ้าหน้าที่จากเขตพระโขนง กรมทางหลวง ตำรวจ สน.พระโขนง พร้อมรถยกและตาชั่งลอย มาดำเนินการเตรียมชั่งน้ำหนักรถบรรทุกคันเกิดเหตุ โดยปิดช่องทางจราจรเลนขวาจากเกาะกลางจำนวน 2 ช่องทางจราจร



โดยเจ้าหน้าที่ใช้รถยกยกรถบรรทุกคันเกิดเหตุ บริเวณล้อหน้า ล้อกลางและล้อหลังตามลำดับ โดยใช้เวลาในการชั่งประมาณ 25 นาที ผลพบว่าน้ำหนักรวมอยู่ที่ 37.450 ตัน แยกเป็นล้อหน้า 5.1 ตัน ล้อกลาง 16.4 ตัน ล้อหลัง 16 ตัน รวมน้ำหนักแล้ว 3.7450 หรือ 37 ตัน ซึ่งเกินจากกฎหมายที่กำหนดห้ามเกิน 25 ตัน

อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์คาดว่ารถบรรทุกคันนี้อาจจะมีน้ำหนักมากกว่านี้ อาจสูงมากถึง 60 ตัน เพราะมีดินบางส่วนที่ร่วงลงไปในท่อหลังจากเกิดอุบัติเหตุ และยังปรากฏคลิปว่าได้มาแอบดูดน้ำมันออกไป ซึ่งอาจทำให้นำหนักบางส่วนนั้นหายไป แต่ถึงอย่างไรน้ำหนักรถบรรทุกดังกล่าวก็เกินกว่ากฎหมายกำหนด



นายสราวุธ อนันต์ชล ส.ก.เขตพระโขนง กล่าวว่า ผลจากการชั่งน้ำหนักช่วงล้อคู่หน้า นน. 5,100 ก.ก. ส่วนเพลาล้อกลาง นน. 16,400 ก.ก. และเพลาคู่หลัง นน. 15,950 ก.ก. รวมน้ำหนัก 37,450 ก.ก. หรือ 37.45 ตัน ซึ่งตามกฎหมาย ห้ามเกิน 25 ตัน นั่นคือรถบรรทุก น้ำหนักเกิน เนื่องจากเกิดมา 12 ตัน โดยวันนี้ได้มีการนำดินทั้งหมดที่มีการนำไปทิ้งกลับมาใส่ที่เดิม ก่อนทำการชั่ง เนื่องจากเมื่อวานนี้มีการบันทึกคลิปวีดีโอขณะที่นำไปทิ้งเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีดินบางส่วนที่หล่นลงไปในท่อที่ยังไม่มีการนำมารวม หากรวมก็เกินไปมากกว่านี้ ส่วนการแจ้งข้อหาหรือการดำเนินคดี นั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาเพิ่มในส่วนใดบ้าง

เผยประวัติเก่า “สิบล้อ ดาวบี” พบข้อมูลเคย วิ่งน้ำหนักเกินรวม 61 ตัน

นาย ชัชชาติ เเละ นายวิษณุ รองผู้ว่า กทม. เปิดเผยด้วยว่า เมื่อคืนนี้ทดลองตรวจสอบประวัติ สุ่มส่งทะเบียนรถไปตรวจ จากโครงการงานวิจัยกรุงเทพมหานคร ที่จะใช้ระบบ AI เข้ามาในการตรวจจับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ซึ่งก็พบว่า รถสิบล้อของเสี่ยบิ๊ก ทะเบียนเดียวกันนี้ เคยบรรทุกน้ำหนักเกิน เมื่อ 12 ก.ค. 2566 เวลา 15.32 น. พบว่า น้ำหนักรวม 61 ตัน

งานวิจัยที่ กทม. จ้างเพื่อดูน้ำหนักรถบรรทุก ที่สุ่มตรวจสอบจากเครื่องวัด bridge weight motion หรือเครื่องตรวจจับน้ำหนักใต้สะพาน โดยทะเบียนรถบรรทุก เมื่อ 12 ก.ค. 2566 เป็นทะเบียนเดียวกับรถบรรทุกคันเกิดเหตุบนถนนสุขุมวิทเมื่อวานนี้ แตกต่างตรงที่ป้ายชื่อบนหน้ารถ ครั้งก่อน คือ "เสี่ยอั่งเปา" เเต่เวลานี้ เปลี่ยนเป็นชื่อ "เสี่ยบิ๊ก"



รองผู้ว่า กทม. ย้ำว่า เวลานี้ กทม. อยู่ระหว่างทำวิจัย โดยเก็บข้อมูลน้ำหนักรถบรรทุก ที่วิ่งเข้ามาใน กทม. รวมถึง ใช้ระบบ AI ตรวจจับทะเบียนรถบรรทุก ซึ่ง กทม. ว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ทำวิจัย เพื่อนำมาใช้ตรวจจับน้ำหนักในอนาคต เเต่ยังติดปัญหาเรื่องของการนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายที่จะต้องได้รับการยอมรับเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินคดีเอาผิดต่อไป

บิ๊กโจ๊ก ยัน สติ๊กเกอร์ดาวเขียวไม่ใช่ส่วย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมกับคณะทำงาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า คดีนี้ไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรง แต่เป็นคดีที่กระทบความเป็นอยู่ของประชาชน และเป็นคดีที่สอบสวนยาก เพราะต้องสืบสวนสอบสวนให้เร็ว รวมทั้งต้องสืบสวนว่าเจ้าของรถมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้หรือไม่ หากรู้เรื่องก็จะต้องถูกดำเนินดคี ส่วนความเสียหายในทางแพ่ง จะนัดผู้เสียหายทั้งหมด และผู้บาดเจ็บเข้ามาเจรจา ซึ่งวันนี้ทางผู้กำกับได้ลงมาสืบสวนด้วยตนเองในการดำเนินคดี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า แน่นอนว่าเมื่อรถสร้างความเสียหายก็ต้องมาเอาดินและรถออก แต่ไม่ใช่ให้ตำรวจมาเอารถออก โดยในช่วงบ่ายวันนี้ จะมีการนำเครื่องชั่งมาวัดน้ำหนักของรถบรรทุกที่เกิดเหตุ และเมื่อชั่งจะเห็นได้ว่าน้ำหนักนั้นเกินหรือไม่

ขณะที่ประเด็นเรื่องการตักดินออกไปเมื่อวานนี้ จะเป็นการทำลายพยานหลักฐานหรือไม่ ตรงนี้ รอง ผบ.ตร. บอกนำดินกลับมาหมดแล้ม ซึ่งประเด็นการนำดินออกจากพื้นที่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาในเรื่องนี้ โดยจากการสอบถามผู้กำกับถึงการนำดินออกจากรถนั้น เพื่อต้องการที่จะให้รถมีน้ำหนักเบาขึ้น และสามารถยกรถขึ้นมาจากปากบ่อได้ และดินได้ถูกนำมาไว้ที่เจ้าหน้าที่เหมือนเดิม ซึ่งทาง รอง ผบ.ตร. บอกว่า ดินน้ำหนักเกินอยู่แล้วอยู่จะเกินเท่าไร



ส่วนการให้ข้อมูลของคนขับรถที่คลาดเคลื่อน เกี่ยวกับดินที่บรรทุกออกมาจะเอาไปทิ้งที่ไหนกันแน่ ระหว่าง พุทธมณฑล สมุทรปราการ จนล่าสุด มาบอกว่าตำรวจตอนสอบว่าเอาดินไปทิ้งที่ซอยรามอินทรา 19 ตรงนี้ตำรวจไม่ได้เชื่อต้องหาพยานหลักฐาน แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ดูเรื่องปัญหาเกี่ยวกับจราจรเป็นหลัก จึงยังไม่ได้มีการสอบสวน แต่วันนี้จะเริ่มสอบ หากให้การไม่ตรงกัน ก็จะถือว่าเป็นการให้การเท็จ รวมถึงเรื่องสภาพดินที่เปลี่ยนไปจะมีผลต่อการชั่งน้ำหนักหรือไม่นั้น ซึ่งยอมรับว่าดินเปียกกลับไม่เปียกมีน้ำหนักที่ต่างกันอยู่แล้ว วันนี้ช่วงบ่าย 2 โมง จะมีการนำตาชั่งมาจะได้ทราบว่าน้ำหนักเกินหรือไม่ ทุกคนจะได้รู้กัน

สำหรับประเด็นเรื่องตำรวจในพื้นที่ว่ามีส่วนรู้เห็นและให้การช่วยเหลือรถบรรทุกหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ เรื่องการดำเนินคดีนั้น ได้แจ้งกล่าวข้อหากับคนขับรถฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ส่วนเจ้าของรถได้สั่งชุดสืบสวนไปตรวจสอบเจ้าของรถหากรู้เห็นก็จะดำเนินคดีเกี่ยวกับการรู้เห็นเป็นใจให้บรรทุกน้ำหนักเกิน

นอกจากนี้ เรื่องส่วยสติ๊กเกอร์ที่สังคมกำลังตั้งคำถาม จะต้องตรวจสอบให้ได้ว่า สติ๊กเกอร์ในรูปแบบต่าง ๆ ใช้เพื่ออะไร จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า ใช้สติ๊กเกอร์เพื่อเข้าไซด์งาน ซึ่งจะต้องไปตรวจสอบ เนื่องจากมีหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยในวันนี้จะขอตรวจสอบในพื้นที่กรุงเทพมหานครก่อน และต้องคิดว่าเราจะทำอย่างไรไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก แต่ไม่ใช่วัวหายล้อมคอก

โดยสติ๊กเกอร์ดาวเขียวรูปตัวบี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า รถทั้งหมด 5 คัน ไม่ได้เยอะเท่ากับรถบรรทุกที่วิ่งในต่างจังหวัด เมื่อได้สอบถามไปยังผู้กำกับได้ความว่าสติ๊กเกอร์ตัวบี เป็นตัวบ่งชี้รถที่จะเข้าไปในไซด์งานดังกล่าว จึงได้สั่งให้ผู้กำกับสืบสวนไปดำเนินการต่อ ว่าเป็นสติ๊กเกอร์ส่วยหรือไม่ และมีใครเกี่ยวข้องบ้าง พร้อมขอให้สบายใจเพราะตนลงมาดูคดีนี้ด้วยตนเอง

ทั้งนี้ ในช่วงเวลา 14.00 น. ตนจะเดินทางไปประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเรื่องรถบรรทุกภาพรวมทั้งประเทศ แต่จะเน้นไปที่รถที่วิ่งเข้าในกรุงเทพมหานครทั้งหมด เพราะกรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ที่ทำให้เห็นภาพรวมของรถบรรทุกได้มากที่สุด และรถบรรทุกจะต้องเข้าตามเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยวันนี้ปัญหาอยู่ที่รถบรรทุกที่วิ่งเข้าในกรุงเทพฯ ก่อนเวลา 17.00 น.

แหล่งข่าวในไซต์งาน ปฏิเสธไม่มีสติ๊กเกอร์แปะให้รถบรรทุกเข้าไซต์งาน เผยรถบรรทุกไม่มีทางเกิน เพราะล้อไม่แบน

ทีมข่าวช่อง 8 ได้มาสังเกตการณ์บริเวณไซต์งานก่อสร้างดังกล่าว พบว่าเป็นโครงการก่อสร้างคอนโดหรู ย่านสุขุมวิท พบว่าวันนี้มีรถบรรทุกเข้าออกไม่กี่คัน โดยตั้งแต่ที่ทีมข่าวมาสังเกตุการณ์ จะมีรถบรรทุกเปล่า ไม่มีสติ๊กเกอร์แบบที่เดียวกับรถคันที่ประสบเหตุ และมีรถบรรทุกขนขยะขับออกมาจากไซต์งาน แต่ยังไม่พบรถแบบเดียวกับรถขนดิน เราพยายามขอพูดคุย แต่ไม่มีรถคันไหนยอมพูดคุยกับทีมข่าว



เราได้พูดคุยกับนายธร (นามสมมติ) คนในพื้นที่ เล่าให้ฟังว่าเมื่อวานนี้ก่อนเกิดเหตุมีรถบรรทุกเข้ามายังไซต์ดังกล่าว 5 คัน โดยรถคันที่เกิดเหตุออกไปคันแรก ๆ ช่วงก่อนเกิดเหตุไม่นาน ซึ่งจริง ๆ เจ้าของโครงการเอง ก็ไม่น่าจะรู้เรื่องบรรทุกน้ำหนักเกิน เพราพเป็นสัญญาจ้างบริษัทนอกมาขนดินออก ถามว่ารถบรรทุกดินหนักหรือไม่ นายธร ระบุว่าเท่าที่ตนสังเกตุจากล้อรถ ตนมองว่าบรรทุกไม่หนัก เพราะล้อไม่แบน

ส่วนประเด็นสติ๊กเกอร์ตัวบีล้อมดาวเขียว ใช่สติ๊กเกอร์ผ่านเข้าไซต์งานหรือไม่ แหล่งข่าวท่านนี้บอกว่า ไม่ใช่สติ๊กเกอร์ผ่านเข้าออกไซต์งานแน่นอน ที่นี่เวลาจะผ่านเข้าออกต้องถ่ายรูปถึงจะเข้าได้ ไม่ใช้สติ๊กเกอร์ เพราะสังเกตว่ามีแค่รถบรรทุกดินคันดังกล่าว ที่มีสติ๊กเกอร์ คันอื่นยังไม่เคยเห็นติดแบบนี้ ส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นสติ๊กเกอร์อย่างอื่น ทั้งนี้ตั้งแต่หลังเป็นข่าวรถบรรทุกตกถนนแล้ว ทางแหล่งข่าวในไซต์คนนี้ก็ไม่เจอรถบรรทุกเข้า-ออกเหมือนทุกวันที่ผ่านมา

จับโป๊ะสิบล้อตกถนนเคยถูกจับน้ำหนักเกิน เทียบชัดสติกเกอร์หน้ารถตรงเป๊ะยันทะเบียน