ในอดีตเสี่ยแป้งเคยเป็นนักแข่งโมโตครอสอย่างจริงจัง ดีกรีแชมป์หลายสนามในภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ จ.ตรัง จ.พัทลุง จ.สตูล และเคยลงแข่งขันในระดับประเทศมาแล้ว ในสังกัดค่ายพรเจริญคาวาซากิ สำนักแต่งรถแข่งรายการโมโตครอสชื่อดังระดับประเทศ
ต่อมาทีมงานช่อง 8 ได้พบว่า ปี 2021 มีการไปทำบุญกับ “พฤฒิพงษ์” แชมป์รถวิบาก สังกัดเดียวกันในสมัยก่อน
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยได้พูดคุยกับ “เจ๊แดง” เจ้าของสังกัดค่ายพรเจริญคาวาซากิ สำนักแต่งรถแข่งรายการโมโตครอสชื่อดัง ซึ่งบอกว่า เจ้าเป็นเจ้าของสังกัดค่ายพรเจริญคาวาซากิจริงแต่ตอนนี้ยุบไปแล้วเนื่องจากยุคสมัยเปลี่ยนไป และตามที่ทีมข่าวนำรูปเสี่ยแป้งให้ดู ก็ยืนยันว่า “แป้ง” เคยเป็นนักแข่งรถจยย.วิบากในสังกัดตนจริง ซึ่งยังเคยได้รับรางวัลแชมป์ระดับประเทศอีกด้วย
โดยแป้งมาเป็นนักแข่งรถมืออาชีพในสังกัดของตนตั้งแต่แป้งอายุ 12 ปี (เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว) เนื่องจากแป้งเคยได้รับรางวัลแข่งรถวิบากอันดับที่ 1 มาจากภาคใต้ต่อมามีนักแข่งรถระดับ เกรด A ในสังกัดของตนที่เป็นคนภาคใต้ เห็นแววฝีมือแป้งจึงดึงแป้งมาเป็นนักแข่งรถร่วมสังกัดเดียวกันและหัดฝึกซ้อมเพิ่มให้ ครั้งแรกที่ได้เห็นแป้งเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างแข็งแรงมีความมุ่งมั่นตั้งใจ นอกจากนั้นยังมีกริยามารยาทที่อ่อนน้อมถ่อมตนและเรียบร้อย และยังพูด “ครับ” กับผู้ใหญ่ทุกคำ
ระหว่างที่มันอยู่สังกัดตนก็มากินมานอนที่หอพักในสังกัดของตน แป้งเป็นคนจริงจังในการซ้อมขี่รถวิบาก ไม่มีบ่น หรือแม้แต่โค้ชเทรนให้จะมีดุและว่าที่แป้งซ้อมไม่ดี แป้งก็จะพูดแค่ว่า “ครับ” ไม่เถียงและปรับปรุงตัวอยู่เสมอ นอกจากนั้นตนก็จะให้ยืมรถจักรยานยนต์วิบากกับนักแข่งทุกคนคนละหนึ่งคันเพื่อให้ไปซ้อมเป็นการบ้าน
และเมื่อมาถึงสนามซ้อมวันที่สังกัดนัด ก่อนซ้อมตนก็จะมีการทดสอบสมรรถภาพโดยให้แป้งยื่นแขนมาให้ต้นและตนก็จะใช้กำปั้นทุบเข้าที่แขนเพื่อวัดระดับกล้ามเนื้อ ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้วิธีนี้ทดสอบเพราะมันล็อคไม่ได้ว่าใครซ้อมขับรถมาหรือไม่ซ้อมก่อนหน้านี้ ก็พบว่า กล้ามเนื้อของแป้งแน่นและเด้ง แปลว่าแป้งเป็นคนที่ฝึกซ้อมขับรถวิบากอย่างสม่ำเสมอ
โดยแป้งเป็นคนมุ่งมั่นเริ่มแรกก็เป็นนักแข่งรถมือใหม่ ต่อมามีการไต่เต้าระดับเรื่อยเรื่อยหลังจากไปแข่งสนามรถวิบากแล้วได้ถ้วยรางวัลกลับมา ทำให้มีการไต่เต้า จากนักแข่งรถมือใหม่เป็นนักแข่งรถเกรด D และไต่เต้าไปอีกระดับคืนหนักขับรถเกรด C ซึ่งแป้งก็เคยได้รับรางวัลแชมป์ระดับประเทศ แล้วแป้งก็พยายามที่จะอัพเกรดตัวเองอีกแต่ว่าไปไม่ถึงฝัน โดยไปไม่ถึงเกรด B และเกรด A อยู่ได้แค่เกรด C เท่านั้น
ต่อมาก็ทราบว่าแป้งได้กลับบ้านเกิดที่ภาคใต้เพื่อไปทำธุรกิจของตัวเองและจากนั้นก็มีเด็กในสังกัดโทรมาเล่าความเคลื่อนไหวของแป้งว่า แป้งเข้าคุกไปช่วงหนึ่งแต่ไม่ทราบว่าโดนคดีอะไร และมาตกใจตอนที่เป็นข่าวว่าแป้งแหกคุกหนีคดี
ต่อมาเราได้พูดคุยกับ “เฮียชัย” เจ้าของสังกัดค่ายพรเจริญคาวาซากิ บอกว่า ในสมัยที่แป้งเป็นนักแข่งรถอาชีพในสังกัดของตน ตนก็ถือว่าเป็นโค้ชให้กับแป้งในการฝึกซ้อม เพื่อให้แป้งเก่งขึ้นและแข่งจนได้รับรางวัลระดับประเทศ ในช่วงนั้นตนก็ต้องดุเพื่อให้แป้งเก่งขึ้น แป้งไม่เคยติดใจที่ตนดุเพราะแป้งรู้ว่าตนโดยเจตนาดี แป้งจะ “ครับๆ” ตลอดและเป็นคนที่นิสัยดี และมีความพยายามในการฝึกซ้อมที่สูงมาก ทำให้ตนงงมากจากข่าวล่าสุดที่บอกว่าแป้งแหกคุกหนีคดี โดยแปลกใจว่าทำไมพฤติกรรมของแป้งจึงเปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้
ตอนที่แป้งอยู่ในสังกัดเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่มีนิสัยก้าวร้าว มีเพื่อนเยอะ พอแป้งออกมาจากสังกัด ก็เล่าให้ฟังว่า แป้งไปเป็นทหาร ซึ่งจุดพลิกผันตอนเป็นทหารมีพฤติกรรมเละ เปลี่ยนไปมากแต่ก่อนแป้งน่ารัก ก็หลายมาเป็นมีพฤติกรรมก้าวร้าว ต่อมาแป้งก็มาเปิดธุรกิจส่วนตัว ร้านซ่อมรถ เป็นคนขยันทำมาหากิน
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนายพฤฒิพงษ์ หรือ บอย อายุ 37 ปี แชมป์รถจยย.วิบาก สังกัดเดียวกันกับเสี่ยแป้งในสมัยก่อน บอกว่า ตนอยู่ในสังกัดก่อนที่แป้งจะเข้ามาอยู่ โดยแป้งเข้ามาในสังกัดตั้งแต่แป้งยังมีอายุ 12 ปีเท่านั้น เข้ามาในฐานะนักแข่งรถวิบากมือใหม่ ยังไม่เทียบรุ่นรุ่นพี่คนอื่นในสังกัดพี่อยู่ในระดับเกรดอื่น ส่วนคนที่ชวนแป้งเข้าสังกัดก็เป็นรุ่นพี่ของตนในสังกัดเดียวกันซึ่งเป็นนักแข่งรถวิบากระดับ เกรด A ที่เห็นฝีมือและแววของแป้งจึงชวนเข้าสังกัดเพื่อมาร่วมประลองแข่งรถพี่ป่าวระดับประเทศ
แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยเห็นแป้งผ่านๆ เพราะตน เคยไปแข่งรถวิบากในภาคใต้และแป้งก็ได้ลงสนามด้วยซึ่งขนาดนั้นก็ถือว่าเป็นนักแข่งรถวิบากในระดับเกรด A ของภาคใต้ ระหว่างที่อยู่ในสังกัดเดียวกันไม่ได้สนิทกับแป้ง เพราะเป็นนักแข่งมืออาชีพคนละเกรด เนื่องจากเมื่อแป้งจะมาเป็นนักแข่งรถวิบากมืออาชีพก็ต้องเริ่มไต่เต้าใหม่ในระดับมือใหม่ก่อน จนแป้งสามารถไต่เต้าได้อยู่ในระดับเกรด C จึงได้ซ้อมและได้พูดคุยกันกับตน ตอนที่รู้จักเป็นคนที่นิสัยดี
ต่อมาตนย้ายสังกัดอื่น ก็ยังได้เจอแป้งในการแข่งรถวิบาก เพราะตอนนั้นแป้งกับตนเป็นนักแข่งรถในระดับเกรด C เหมือนกัน มีครั้งหนึ่งที่ขัดแย้งกันในสนามถึงขั้นชกต่อยกันในสนาม เพราะระหว่างที่แขกต้นกับแป้งก็ขับรถเบียดกันแสงกันและตัดหน้ากันจนล้มกลางอากาศแล้วก็กลิ้งลงพื้นด้วยกันทั้งคู่ ด้วยความไม่พอใจกันก็ชกต่อยกันในสนาม แต่ปรากฏว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นกลับกลายเป็นทำให้เป็นเพื่อนรักและเพื่อนสนิทกัน
เพราะนิสัยเราคล้ายกันจริงจังการแข่งขังมาก ทุ่มมาก และตั้งใจซ้อม ทำให้ตอนที่เคลียร์ปรับใจกันสนิทใจกันอย่างรวดเร็ว และก็ติดต่อกันมาตลอด จนสมัยนั้นคนในวงการก็จะแซวกันว่า “ไอ้บอยกับไอ้แป้งเป็นเพื่อนรักกัน” เท่าที่รู้จักกับแป้ง นิสัยของแป้ง เป็นคนนิ่งๆ ใจดี แต่ตอนที่เคยซัดกันกับต้นก็เอาเรื่องอยู่ แล้วช่วงที่แป้งออกจากวงการก็คุยกันน้อยลง
มีการคุยกันผ่านวิดีโอคอลและนัดกันอีกครั้งในปี 2559 ซึ่งตอนนั้นทั้งตนแล้วก็แป้งอายุ 30 ปีแล้ว เจอกันตอนเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้เจอกันเหมือนตอนเป็นสมัยวัยรุ่น ตอนเห็นได้ชัดเจนว่าแป้งมีพฤติกรรมนิ่งขึ้น อาบด้วยเพราะตอนนั้นแป้งมีการรงตำแหน่งท้องถิ่นจึงมีกิจกรรมช่วยเหลือคนอื่นเพื่อสังคมมากมาย ทำให้การวางตัวของแป้งนิ่งขึ้น ตอนที่เจอกันนัดแข่งรถวิบากในสนามรุ่นอายุ 30 ปี ซึ่งแป้งก็นำรถจักรยานยนต์วิบากมาด้วยแต่พอเห็นสนามแป้งเปลี่ยนใจไม่ลงโดยอ้างว่าสมรรถภาพไม่พร้อม ทำให้ตนแข่งกับเพื่อนคนอื่นเท่านั้น จากนั้นก็มีการไปทำบุญด้วยกัน
แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มติดต่อกันน้อยลงมากกว่าเดิม จะมีเพียงไปติดตามในเฟซบุ๊กของกันและกัน ซึ่งแป้งก็ชอบลงรูปที่ช่วยเหลือชาวบ้านรวมถึงงานอดิเรกการยิงปืนซึ่งส่วนใหญ่แป้งจะไม่ไปยิงปืนที่สนามยิงปืนแต่ชอบฝึกซ้อมในป่า จนทราบว่าแป้งติดคุกแต่ก็ยังไม่รู้ว่าติดคดีอะไรและไม่รู้ว่าทำไมถึงติด ตนตกใจมากพี่แป้งแหกคุกออกมาล่าสุด เพราะระดับแหกคุกได้ก็ไม่ธรรมดา แต่จากนิสัยก็เข้าใจว่าแป้งเป็นคนไม่ยอมคนและหากตัดสินใจทำอะไรแล้วก็จะทำอย่างเต็มที่
ยิ่งตอนแป้งหนีก็มองว่า ตนไม่รู้ว่าแป้งมีรถจยย.วิบากติดตัวหรือไม่ หากมีตอนหนีแป้งเป็นคนที่ขี่รถวิบากชำนาญมาก ก็ต้องได้เปรียบตำรวจอยู่แล้ว แต่หากตำรวจไม่ยอมปรับแผน ขับรถจยย.เวฟไล่ตามแป้งก็คงตามไม่ทัน เพราะแป้งมีเบสิคพื้นฐานตั้งแต่แรก สุดท้ายอยากเตือนสติเพื่อน ถ้าฉุกคิดได้ ติดคุกยังมีวันออก อย่างน้อยก็ยังได้เจอครอบครัว