กรณีการปิดเขาบรรทัด ล่าตัวเสี่ยแป้ง หลังพบ กลุ่มลูกน้องคนสนิท ขับกระบะขึ้นไปส่งเสี่ยแป้งบนน้ำตกโตนเต๊ะ นั้น

วันนี้ (12 พ.ย.) ทีมข่าวช่อง8 ได้เบาะแส และเส้นทางการส่งเสี่ยแป้งขึ้นเขาบรรทัด โดยมีรายงานว่า กระบะของนายปอย ขับขึ้นไปส่งเสี่ยแป้ง ที่น้ำตกโตนเต๊ะ หลังหนีออกโรงพยาบาลวันที่ 22 ต.ค.

ปรากฏว่า ทีมข่าวได้ภาพ จากกล้องวงจรปิด คืนวันที่  22 ต.ค. เวลา 02.14น. โดยประมาณ เห็นรถกระบะนายปอย ขับขึ้นเส้นทางเขาบรรทัด ส่งเสี่ยแป้ง ที่น้ำตกโตนเต๊ะ

จากนั้น ผ่านไปประมาณราว 25 นาที วงจรปิด ทางเข้าตีนเขาบรรทัด ขึ้นไปยังน้ำตกโตนเต๊ะ จับภาพต่อเวลา 02.41 น. เป็นภาพกระบะของนายปอย กลับลงมาจากเขา แวะชื้อของที่ร้านสะดวกชื้อ ซึ่งลงไปชื้อของไม่ถึง 1 นาที ก่อนจะเห็นนายปอย ขึ้นกระบะ ขับออกไปจากพื้นที่ ก่อนจะเอารถไปทิ้งที่สำนักสงฆ์ ในพื้นที่จังหวัดตรัง

ด้านบังเขียวได้เปิดเผยถึงเรื่องสุขภาพของเสี่ยแป้ง่วา แข็งแรงดี คล่องแคล่ว และเป็นคนเดินเร็ว และเปิดเผยอีกว่าอาวุธที่เสี่ยแป้งมีติดตัวอยู่ตอนนี้คือ ปืน M16 ปืนHK ปืนพกสั้นขนาด 9 มม. และปืนลูกซองยาว

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาหานายขำ (นามสมมติ) พ่อของบังเขียวอีกครั้ง หลังจากที่มีคลิปรับสารภาพของบังเขียวออกมา โดยนายขำเมื่อเห็นคลิปแล้วก็ได้เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า เมื่อเห็นคลิปและเห็นลูกชายพูดสารภาพไปแบบนั้น ก็เป็นห่วงว่าลูกชายและครอบของตนจะไม่ปลอดภัย เพราะเสี่ยแป้งเป็นผู้มีอิทธิพลในย่านนี้ ถ้ารอดมาได้แล้วรู้ว่าลูกชายตนบอกกับตำรวจไปแบบนั้น คงมาเอาชีวิตคนทั้งครอบครัวแน่นอน

ส่วนที่บังเขียวยอมรับสารภาพกับตำรวจไปนั้น ตนก็คิดว่าบังเขียวคงมีความหวาดกลัวที่ตำรวจบุกเข้ามาหา ตำรวจจะถามอะไร บังคับยังไงก็ได้ ลูกชายก็ต้องพูดตามทำตามหมด อีกทั้งบังเขียวเป็นคนที่เรียนไม่สูง ไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีเพื่อติดตามข่าวสารบ้านเมือง คงจะไม่ได้รู้จักเสี่ยแป้งว่าเป็นใคร มีอิทธิพลแบบไหน จึงคิดเช่นเดิมว่าลูกชายตนคงไปเจอเสี่ยแป้งบนเขา แล้วลูกชายตนก็ให้ความช่วยเหลือเต็มที่ เพราะคงคิดว่าเสี่ยแป้งเป็นหลงป่า ซึ่งก่อนหน้านี้ก็บังเขียวเคยมีคนมาหลงป่าประมาณ 2-3 ครั้ง บังเขียวก็ให้การช่วยเหลือตลอด