กรณีป้ามลิ หรือ ป้า 60 บาท ได้คัมแบ็ก! กลับมาก่อเหตุอีก แต่รอบนี้เป็นโจร ทำตัวน่าสงสารในร้านกาแฟดัง ที่หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ปากบอกขอเงินหน่อยๆ ตีหน้าเศร้า เสียงน่าสงสาร ไม่มีเงินกินข้าวตั้งแต่เช้า แต่สายตานี่จ้อง ไปที่กล่องทิปของพนักงาน ก่อนหยิบไปเนียน ๆ โดยก่อเหตุเมื่อ 10 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น
น้องชายป้า 60 บาท เผยพี่สาวก่อเหตุเพราะอาการป่วยจิตเวช และโรคย้ำคิดย้ำทำ
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายัง หมู่ 5 ตำบลนาเยีย อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของป้า 60 บาท หรือ นางมลิ มณีวรรณ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสายธาร น้องชายของป้า 60 บาท ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า ตัวเองเพิ่งเห็นคลิปจาก TikTok พี่สาวของตัวเองไปก่อเหตุในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เมื่อวานนี้ ยอมรับว่ารู้สึกตกใจมากที่พี่สาวไปก่อเหตุแบบเดิมอีกแล้ว
ก่อนหน้านี้พี่สาวเคยมีข่าว ขายโทรศัพท์ 60 บาท จนกระทั่งยอมรับผิดและกลับมาอยู่บ้าน จากนั้นครอบครัวก็พาไปรักษาอาการจิตเวชอยู่ที่โรงพยาบาล และรับยามาทานที่บ้าน ได้ประมาณหนึ่งเดือน แล้วพี่สาวก็หนีขึ้นรถไฟกลับไปอยู่ที่กรุงเทพมหานครอีกครั้ง กระทั่งไปก่อเหตุครั้งล่าสุด
ส่วนที่พี่สาวชอบพูดคำว่า 60 บาท และชอบพูดให้คนอื่นสงสารนั้น ตัวเองคาดว่าน่าจะมาจากอาการป่วยจิตเวช และป่วยโรคยังคิดย้ำทำ เนื่องจากตอนที่ไปหาหมอ หมอก็ได้วินิจฉัยว่าพี่สาวป่วยเป็นโรคนี้ ตอนที่เขามาอยู่ที่บ้าน เค้าก็จะล้างมือทั้งวัน คิด,ทำ แต่สิ่งเดิมๆทั้งวัน
เหตุที่เกิดขึ้นตัวเองก็อยากบอกสังคม ว่าทางครอบครัวไม่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในครั้งนี้ ส่วนเงินที่พี่สาวไปก่อเหตุ ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเค้าไปทำอะไร เพราะต่างครอบครัวก็ไม่ได้รับเงินส่วนนี้กับเขา และอยากให้สังคมรู้ว่าพี่สาวทำไปเพราะอาการป่วยจิตเวชและขาดยา
เปิดใจป้า 60 บาท เผยทำไปเพราะขาดยา
หลังให้สัมภาษณ์นายสายธาร น้องชายของป้า 60 บาท ได้โทรศัพท์ไปหาพี่สาว เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น กระทั่งนางมลิ หรือ ป้า 60 บาทได้รับสายน้องชาย แล้วนายสายธารก็ถามพี่สาวว่า “มลิ ไปก่อเหตุอะไรมา รู้ไหมตอนนี้นักข่าวมาถึงบ้านอีกแล้ว” จากนั้นป้า 60 บาทก็ตอบน้องชายว่า "รู้อยู่ นักข่าวมาเรื่องที่ไปขอเงิน 60 บาทใช่ไหม"
จากนั้นนายสายธารน้องชายของป้า ก็ถามป้า 60 บาทต่อว่า ” ไม่ใช่แค่ไปขอเงิน แต่ไปขโมยเงินในกล่องทริปร้านอาหาร ทำอย่างนั้นไปทำไม ครอบครัวเห็นในข่าวหมดแล้ว“
ป้ามลิก็ตอบน้องชายว่า "ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะทำไปเพราะไม่ได้กินยา"
จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ ป้ามลิทางโทรศัพท์ เจ้าตัวก็เปิดใจว่า ตัวเองยอมรับว่าได้ก่อเหตุตามคลิปวงจรปิดที่ลงใน TikTok จริง ซึ่งวันดังกล่าวตัวเองได้เงินในกระป๋องทริปไป 150 บาท ซึ่งก็มีแต่เงินเหรียญ และขอยืนยันว่า ตั้งแต่กลับไปกรุงเทพครั้งนี้ ตัวเองก็ไปก่อเหตุแค่เหตุนี้เหตุเดียวเท่านั้น
ส่วนเงิน 150 บาทที่ได้ไป ตัวเองก็เอาไปซื้อก๋วยเตี๋ยวกิน และไปซื้อน้ำยาซักผ้า และหยอดเหรียญใน เครื่องซักผ้า
ซึ่งหลังจากตัวเองไปก่อเหตุครั้งนี้ สามีตัวเองทราบเรื่องก็ทำร้ายร่างกายตัวเอง จนหน้าบวมหมดเลย และคืนนี้ (เที่ยงคืน) สามีก็จะขับรถมาส่งตัวเองที่จังหวัดอุบลราชธานี ไม่ให้ตัวเองอยู่ที่กรุงเทพอีกแล้ว
ยอมรับว่าตัวเองทำผิดไปแล้ว หลังจากนี้ก็จะใช้ชีวิตอยู่บ้านนอกไม่กลับมา กทม. อีกแล้ว
ทีมข่าวจึงสอบถามป้ามลิต่อว่า แล้ววันที่เกิดเหตุไปพูดในร้านว่าอย่างไร ป้ามลิตอบว่า วันนั้นตัวเองพูดว่า “ ขอตังค์ 60 บาท จะไปพัทยา ไม่มีตังค์ค่ารถ”
จากนั้นป้ามลิ ได้ถามทีมข่าวกลับว่า “แล้วนักข่าวมาบ้านป้าได้อย่างไร” ทีมข่าวก็ตอบกลับไปว่า “ก็ป้าไปก่อเหตุ จนเป็นข่าวอีกรอบไง ผมเลยมาอีก”
ทั้งนี้นางมลิ ยังถาม ทีมข่าวอีกว่า “เขาจะจับป้าเข้าคุกไหม ป้ากลัวแล้ว“ ทีมข่าวก็ตอบกลับไปว่า ถ้าแม่ไม่เลิกทำแบบนี้ ตำรวจก็จับแม่เข้าคุกแน่นอน ถามว่าทำไมตัวเองต้องใช้คำพูดคำพูดว่า 60 บาท นางมลิ ก็ตอบว่าตัวเองเคยพูดคำนี้มาตลอด บวกกับไม่ได้ทานยา ก็อย่าบอกสักคำว่า ตัวเองจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ตั้งแต่เกิดมาตัวเองเคยขโมยแค่ครั้งเดียว