บิ๊กแมน นำทีมกระชับขนำชาวบ้าน ตรวจบ้านร้าง เส้นทางขึ้นเขาบรรทัด 23 วัน ยังไร้เงา เสี่ยแป้ง ชาวบ้านวอนจับได้โดยไว เหตุกระทบวิถีชาวบ้าน
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 พลตำรวจโทอิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ หรือบิ๊กแมน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำทีมชุดแดนไทย 54 และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เดินข้ามน้ำตกท่าช้างหมู่ที่ 9 ตำบลตะโหมด อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง มุ่งหน้าตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีของแป้ง นาโหนด เนื่องจากพื้นที่น้ำตกท่าช้างแห่งนี้เป็นเส้นทางขึ้นไปสู่จุดที่มีการปะทะกันระหว่างตำรวจกับเสี่ยแป้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เพียง 3 กิโลเมตร คาดว่าเสียแป้งอาจจะใช้เส้นทางนี้ในการหลบหนีหรือไปซ่อนตัวตามขนําร้างกลางป่า บริเวณแห่งนี้เป็นที่อยู่ของชนเผ่ามานิ และชาวบ้านบางส่วนที่มีอาชีพกรีดยาง
จากการตรวจสอบพบว่าเหนือน้ำตกท่าช้างมีขนำ อยู่ด้วยกันทั้ง 3 ขนำขนำแรกเป็นขนมของชาวบ้านที่อยู่ริมน้ำตก ชื่อว่า คุณอนันต์ บอกกับทีมข่าวว่าไม่กังวลเพราะบริเวณนี้มีตำรวจอยู่โดยรอบและไม่คิดว่าแป้งนาโหนดจะลงมาให้จับ ส่วนตัวเชื่อว่าเสี่ยแป้งอาจจะไม่อยู่บนป่าแล้ว เพราะตัวเองขึ้นไปอยู่บนป่าเทือกเขาบรรทัดสูงสุดก็แค่อยู่ได้ 1 วัน เพราะข้างบนไม่มีอาหารไม่มีกล้วยหรือพืชผักผลไม้ที่จะสามารถรับประทานได้ต้องเอาเสบียงขึ้นไปอย่างเดียว
จากนั้นตำรวจเดินขึ้นบนเขาอีก 1 ลูกพบขนัมร้างกลางป่าตรวจสอบไม่พบว่ามีชาวบ้านอยู่แต่มีสิ่งของเครื่องใช้และอุปกรณ์การกินการอยู่อยู่ภายในขนำ เมื่อเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็พบอีกหนึ่งขนมคราวนี้เป็นขนมของชาวบ้านที่มีสวนยางพาราอยู่ริมเทือกเขาบรรทัดใกล้กับทางขึ้นไปสู่ในจุดที่เสี่ยแป้งปะทะกับตำรวจเมื่อ 7 วันที่แล้ว
จากการตรวจสอบพบชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ที่มีความชำนาญในการเดินขึ้นสู่เทือกเขาบรรทัดได้อธิบายเส้นทางแล้ววิธีการเดินเท้าหากจะเดินขึ้นสู่จุดปะทะกัน ด้านบนของบริเวณนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่ามานิซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบว่ามีการช่วยเหลือหรือให้ที่ซุกซ่อนแก่แป้ง นาโหนด หรือไม่ จากนั้นพลตำรวจโทอิทธิพล จึงพาทีมงานเดินข้ามเขาไปอีก 3 ลูก ซึ่งจะถึงขนาดนี้ก็ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของแป้งนาโนแต่อย่างใด
ด้านชาวสวนถั่วควนรัง ซึ่งอาศัยอยู่ริมทางขึ้นเทือกเขาบรรทัด บริเวณริมน้ำตกท่าช้าง บอกว่า รู้สึกกังวลเนื่องจากตำรวจยังไม่สามารถจับตัวแป้งได้เพราะเข้าสู่วันที่ 23 แล้วยอมรับที่ผ่านมามีผลกระทบต่อวิถีชีวิตในการไปกรีดยาง รวมถึงการมาทำสวน เนื่องจากบริเวณแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยกองทัพนักข่าวและตำรวจ ทำให้ไม่สะดวกในการเดินทางไปค้าขายหรือทำมาหากิน
บ้านลุงพิชิตซึ่งอยู่ที่นี่มากกว่า 30 ปี บอกว่าที่นี่เงียบสงบพอมีข่าวเสี่ยแป้งจะลงเทือกเขาบรรทัดลงสู่น้ำตกท่าช้าง ก็ทำให้ที่นี่คึกคักไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ส่วนตัวไม่กลัวถ้าเสี่ยแป้งจะลงมาทางนี้ เชื่อว่าเสี่ยแป้งจะไม่ทำร้ายชาวบ้าน ไม่จับใครเป็นตัวประกัน
ส่วนที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง ตลอดทั้งวันกองบินตำรวจพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษยังคงขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจใช้กล้องตรวจจับความร้อนค้นหาแป้ง นาโหนด ดินบนบริเวณใกล้กับจุดปะทะกันบนเทือกเขาบรรทัดในรัศมี 3 กิโลเมตร แต่จากการตรวจสอบกล้องกับความร้อนหลังบินลงมาก็พบว่ายังไม่มีอุณหภูมิใดที่จะสื่อถึงความร้อนในตัวร่างกาย แป้ง นาโหนด
ขณะที่ตำรวจตระเวนชายแดน 434 ยังคงปฏิบัติหน้าที่คอยฟังข่าวและส่งเสบียงคอยสนับสนุนแนวหน้า เดี๋ยววันนี้พบว่าหน่วยซิงก้า ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 จังหวัดสงขลา ซึ่งมีขีดความสามารถทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ปฏิบัติงานได้ ทั้งในเมืองและในป่า ชำนาญในการช่วยเหลือ ปิดล้อม จับกุม ชิงตัวประกัน ต่อต้านการก่อการร้าย ก็ได้สับเปลี่ยนเวรออกมาพักหลังจากที่เขาไปปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
นอกจากนี้จะมี ตชด. อีก 1 ชุดที่จะสับเปลี่ยนกำลังเข้าไปได้เตรียมสัมภาระอาหารแห้งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ อย่างพร้อมเพรียง เตรียมความพร้อมหากด้านในต้องการกำลังเสริม
ด้านดาบตำรวจสุเมธ ตชด.434 จังหวัดพัทลุง ขอแก้ข่าวว่าที่กำลังพลถูกทากกัดจนล้มป่วยไม่เป็นความจริง แต่แค่ถูกกัดเลือดออกเล็กน้อยเท่านั้น ยอมรับข่าวเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อกำลังใจของผู้ปฏิบัติงาน ทั้งกรณีที่ตำรวจถูกต่อต่อย แต่ส่วนตัวยังมีกำลังใจที่ดีในการทำงาน เพราะหน้าที่หลักที่ผ่านมาก็คือการทำงานในพื้นที่เทือกเขาสูง จึงพร้อมปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจากผู้บังคับบัญชา