ด้านนายหาบ อายุ 67 ปี อดีตพรานป่าที่มีความชำนาญในพื้นที่บนเทือกเขาบรรทัด โดยเฉพาะพื้นที่บ้านในตระ เผยว่าตนมีความมั่นใจสูงว่าในขณะนี้แป้ง นาโหนด ได้หลบหนีออกจากพื้นที่เทือกเขาบรรทัดไปแล้วอย่างแน่นอน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าหลบหนีไปยังจังหวัดพัทลุง ตรัง และ จังหวัดสตูล เนื่องจากมีทางหลบหนีลงสู่เบื้องล่างได้หลายทาง หากพบชาวบ้านเขาคงไม่ไม่แสดงตัว และชาวบ้านอาจจะไม่รู้ว่าเขาคือนายแป้ง เนื่องจากภาพถ่ายที่ถูกเสนอทางสื่อกับตัวจริงอาจจะแตกต่างกัน สำหรับตนนั้นไม่อยากแสดงความรุ้สึกต่อนายแป้งเพราะเขาไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้เรา ในส่วนของตำรวจก็ปฏิบัติไปตามหน้าที่
สำหรับการหลบหนีของนายแป้งนั้นเขาคงไม่หลบหนีตามจุดต่างๆที่คาดว่าจะเป็นจุดสกัดของเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนี้ ส่วนการตรวจจับความร้อนของ จนท.นั้นทำได้อยู่แล้วยกเว้นการจับความร้อนของสัตว์ประเภทเลือดเย็น ในส่วนของนายแป้งนั้นคงอยู่คนเดียวในป่าไม่ได้อย่ างแน่นอนเพราะทราบว่าขณะหลบหนีไม่มีอะไรติดตัว หากอยู่ได้ก็ไม่เกิน 9-10 วัน ซึ่งการอยู่บนเขานั้นสามารถหาหอย หาปลา กิน แต่คงอยู่รอดไม่ได้หลายวัน
ในส่วนของการหลบหนีนั้นเขาจะต้องมีไฟ หากไม่มีไฟเขาคงอยู่ไม่ได้เนื่องจากบนเขาบรรทัดมีอากาศที่หนาวเย็น โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาที่มีหมอกนั้นในช่วงกลางวันอากาศหนาวมากที่จำเป็นจะต้องก่อไฟแก้ปัญหาอากาศหนาวเย็น ตนเชื่อมั่นว่านายแป้งคงไม่หนีลงตามพื้นที่ทางเส้นทางขนาดใหญ่ น้ำตก เพราะมีเส้นทางขนาดเล็กๆที่จะสามารถหลบหนีอีกมากมาย
ทางด้านผู้นำท้องถิ่นรายหนึ่งในพื้นที่ ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง ซึ่งเป็นเพื่อนรักของ “แป้ง นาโหนด เผยว่า ตนรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่อยากเห็นการสูญเสียไม่ว่าจะเป็นนายแป้งหรือ เจ้าหน้าที่รัฐ ตนจึงอยากให้แป้งได้ออกมามอบตัวเพื่อต่อสู้คดี เพราะจะได้ทราบกันเสียทีว่าที่ผ่านมาใครผิด ใครถูก และให้ทุกสิ่งทุกอย่างจบลงด้วยดี สำหรับแป้งเพื่อนของตนนั้นคบกันมานาน เป็นคนน้ำใจเกินร้อย และเป็นคนใจถึง พรรคพวกเพื่อนฝูงพึ่งพาได้ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ตนเกรงว่าเขาคงหลบหนีการจับกุมของ เจ้าหน้าที่รัฐได้ไม่นาน อยากวอนให้เพื่อนติดต่อเข้ามามอบตัวกับตำรวจเป็นสิ่งที่ดี
นายเจริญสิงห์ อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านป่าพงค์ หมู่ 9 ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง วิเคราะห์ให้เราฟังว่า มีความเป็นไปได้ ที่เสี่ยแป้ง จะหนีลงจากเขาบรรทัดไปแล้ว ตั้งแต่คืนปะทะกับตำรวจเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
คาดว่าเสี่ยแป้ง ใช้เวลาวิ่งหนีตำรวจประมาณ 3-4 ชั่วโมง เพื่อออกจากจุดปะทะ มายังบ้านป่าพงศ์ ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร เดินเลาะมาตามลำธารของคลองโล๊ะหนุน โดยอาศัยแสงไฟจากเสาส่งสัญญาณ นำทางในการลงจากป่า เมื่อมองลงมายังเบื้องล่างก็จะเห็นแสงไฟในหมู่บ้านป่าพงศ์ จากนั้นเสี่ยแป้งก็เดินตามแสงไฟลงมาอีกประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงบ้านป่าพงศ์ ในช่วงใกล้รุ่ง ก่อนจะให้คนที่รู้จักเอารถยนต์มารับในช่วงเช้ามืด ซึ่งเป็นไปได้ว่า พวกเขาอาจจะพาเสี่ยแป้งไปลงเรือบริเวณปากบารา ออกทะเลไปยังประเทศเมียนมา คาดว่าไปถึงเมียนมาในคืนนั้น