ชาวบ้านวอนตำรวจลงเขา ห่วงน้ำป่าไหลหลากซัดนักข่าว-ตำรวจ ขอคืนพื้นที่ให้ชาวบ้านทำมาหากิน
นี่คือปลาขี้ขม หรือปลาสร้อยนกเขา ราคากิโลกรัมละ 200 บาท เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งในวงศ์ปลาตะเพียน ที่วันนี้ป้าณี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านป่าพง อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง เธอหาปลาได้น้อยลง เพราะเจ้าหน้าที่กันพื้นที่ค้นหาแป้งนาโหนด จนไม่สามารถเข้าไปดักใส่ในบริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง โดยปลาเหล่านี้จะไหลลงมาจากเทือกเขาบรรทัดในช่วงฤดูน้ำหลาก จึงอยากให้ตำรวจเปิดทางคืนพื้นที่ทำมาหากินให้กับชาวบ้าน ด้วยการถอนกำลังลงมาอยู่ในพื้นราบ เชื่อว่าแป้งหนีไปแล้วตั้งแต่คืนปะทะกับตำรวจ และอยากให้แป้งนาโหนดรีบมามอบตัวโดยเร็วเพื่อให้วิถีชีวิตชาวบ้านกลับคืนความปกติสุข ล่าสุดเมื่อตอนเย็นตำรวจได้เปิดทางให้ชาวบ้านได้เข้าไปหาปลาได้เรียบร้อยแล้ว
ชาวบ้านให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เส้นทางที่เสียแป้งใช้หลบหนีลงจากเขาบรรทัดนั้น มีหลากหลายเส้นทางมาก นับร้อย นับพันเส้นทาง ซึ่งทุกเส้นทางล้วนเป็นช่องทางธรรมชาติทั้งสิ้น หากชาวบ้านที่มีความชำนาญ หรือพรานป่าในพื้นที่จะรู้เส้นทางเป็นอย่างดี
จากนั้นทีมข่าวจึงขอให้ชาวบ้านพาไปสำรวจเส้นทางลัดที่คาดว่าเสี่ยแป้งน่าจะใช้เส้นทางในการหลบหนีลงจากเทือกเขาบรรทัดลงมายังพื้นที่จังหวัดตรัง ซึ่งเส้นทางที่ทีมข่าวไปนั้น เสี่ยแป้งสามารถขี่รถมอเตอร์ไซค์ หรือ เดินลัดเลาะลงจากเขา ลงมาจากหมู่บ้านตระได้เลย
เส้นทางนี้อยู่บริเวณทางแยก ก่อนถึงทางลงน้ำตกโตนตก ที่เจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจอยู่ ประมาณ 2 กิโลเมตร
จากการสำรวจเส้นทางลับดังกล่าวพบว่า เป็นเส้นทางของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเต็มไปด้วยสวนยางพาราของชาวบ้าน สลับกับ ป่าทึบ และบางช่วงต้องเดินข้ามลำธาร และลัดเลาะไปตามภูเขา ซึ่งหากเสี่ยแป้ง มีชาวบ้านคอยนำทาง หรือ มากับพรานที่รู้เส้นทาง ก็จะไม่จำเป็นต้องผ่านจุดสกัดของตำรวจเลย ส่วนระหว่างเส้นทาง ไม่มีบ้านของชาวบ้านเลย ขนาดทีมข่าวเดินช่วงเวลากลางวัน ก็ไม่มีชาวบ้าน ยิ่งหากเป็นเวลากลางคืน ก็จะยิ่งง่าย เพราะไม่ตกเป็นเป้าสายตา
จากนั้นเมื่อทีมข่าวเดินผ่านป่าไปประมาณ 2 กิโลเมตร จะไปเจอกับสวนปาล์มของชาวบ้าน โดยจุดนี้ เป็นจุดแรก ที่มีทางรถยนต์สามารถเข้าไปถึง และผ่านด่านของ จนท. บริเวณน้ำตกโตนตกมาเยอะแล้ว ซึ่งหากมีลูกน้องขับรถเข้ามารับเสี่ยแป้งจากจุดนี้ ก็ยิ่งง่ายขึ้นไปอีก โดยจุดนี้จะต้องขับรถออกจากสวนปาล์มของชาวบ้าน ไปถึงในหมู่บ้านด้านล่างเขา อีกประมาณ 2 กิโลเมตร
แต่หากเสี่ยแป้งจะไม่ขึ้นรถจากบริเวณสวนปาล์มของชาวบ้าน เสี่ยแป้ง ก็สามารถ เดินเลาะไปตามป่าเขาอีกได้ ซึ่งจะเดินต่อไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรจะถึงหมู่บ้านด้านล่างเขา ซึ่งระหว่างทาง จะมีเส้นทางอีกเส้นทาง ที่ลัดเลาะลงจากเขาบนหมู่บ้านตระ มาบรรจบเส้นทางนี้ได้เช่นกัน
และเมื่อเดินทางต่อ จะไปพบกับทางออกของป่า โดยทีมข่าวพบว่า จุดนี้ มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือแล้ว หากเสี่ยแป้ง ได้ใช้โทรศัพท์ชาวบ้านหรือคนนำทาง นัดลูกน้องมารับตัวหนีต่อก็สามารถทำได้
จากนั้นทีมข่าวได้เดินเท้าออกจากป่าอีกประมาณ 200 เมตร โดยได้โทรศัพท์นัดกับทีมงานให้มารับแล้ว โดยทีมข่าวเมื่อออกจากป่า ได้ทดสอบ เข้าไปซ่อนตัวอยู่บริเวณฝากระโปรงท้ายรถของทีมข่าว และให้ทีมข่าว ขับรถผ่านด่านของเจ้าหน้าที่ว่า “หากทีมข่าวเป็นเสี่ยแป้ง จะรอดด่านของเจ้าหน้าที่ไปได้หรือไม่
และจากการทดสอบ ให้ทีมข่าวงานขับรถผ่านด่านเจ้าหน้าที่ที่ตั้งจุดตรวจสกัดพบว่า สามารถผ่านด่านของเจ้าหน้าที่ไปได้อย่างง่ายดาย และไม่มีการตรวจสกัด เปิดดูฝากระโปรงท้ายรถ
ล่าสุดหลังจากทีมข่าวได้ซุกซ่อนตัวอยู่ภายในฝากระโปรงท้ายรถของทีมข่าว และเดินทางออกจากพื้นที่ โดยผ่านด่านตรวจ จุดที่ใกล้ที่สุด คือ ด้านหน้าโรงเรียนบ้านหาดเรา พบว่า จุดดังกล่าวไม่มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสกัดแล้ว รถของทีมสามารถเดินทางผ่านได้ฉลุย อย่างที่ชาวบ้านบอก
ขณะเดียวกันวันนี้ทีมข่าวได้พูดคุยกับ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตะโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง
ที่วันนี้ได้เดินทางมาให้กำลังใจลูกน้อง บริเวณด้านหน้าทางขึ้นลงน้ำตกโตนตก พร้อมให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ล่าสุดผู้บัญชาการระดับสูง ทั้ง ผบ.ตร. , ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ยังคงมีคำสั่งให้ตรึงกำลังไว้โดยรอบ แนวเทือกเขาบรรทัดอยู่ ยังไม่มีการถอนกำลังออกจากพื้นที่ โดยให้ปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่องต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมีกระแสข่าวว่าเสี่ยแป้งอาจจะหลบหนีไปยังประเทศพม่า หรือประเทศมาเลเซียแล้ว
แต่จากการสืบสวนสอบสวนของชุดปฏิบัติการพิเศษที่ติดตามไล่ล่าตัวเสี่ยแป้งบนเขา ก็ยังคงเชื่อมั่นว่าเสี่ยแป้งยังคงซุกซ่อนตัวอยู่ด้านบนเขา ยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ยังไม่ไปไหน แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการออกติดตามหาข่าวภาคพื้นราบอย่างต่อเนื่อง หากเสี่ยแป้งหลบหนีออกจากพื้นที่แล้ว ซึ่งตำรวจจะมีการตรวจสอบทำควบคู่กันไป