เปิดภาพเสี่ยแป้งร่วมพิธีกินข้าวเหนียวดำจริง

โดยการพิธีกรรมกินข้าวเหนียวดำเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่วัดเขาอ้อ โดยก่อนจะทำพิธีนั้นจะต้องเตรียมข้าวเหนียวดำ และเตรียมเครื่องยาสมุนไพร หรือว่านชนิดต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 108 ชนิดมาผสมกัน แล้วต้มเอาน้ำว่านชนิดต่างๆมาใช้หุงข้าวเหนียวดำไว้ในหม้อ จนกระทั่งข้าวเหนียวดำในหม้อสุก จากนั้นก็นำข้าวเหนียวดำที่สุกแล้ว ไปประกอบพิธีปลุกเสกอีกรอบหนึ่ง ก็เป็นอันเสร็จพิธี สามารถนำข้าวเหนียวดำมาให้คนที่เข้ามาร่วมพิธีกินได้ และสำหรับคุณค่าของการกินข้าวเหนียวดำ มีความเชื่อกันว่าใครที่ได้กิน จะทำให้อยู่ยงคงกระพันชาตรี แต่ก็จำเป็นต้องรักษาศิล 5 ให้ได้ หากผ่านการประกอบพิธี แต่ไม่รักษาศีลก็ไม่มีผล ความขลังความศักดิ์สิทธิ์ จะเสื่อมไปเอง

 

“ศิษย์รุ่นพี่วัดเขาอ้อ” เชื่อเสี่ยแป้งดูฤกษ์แหกรพ. เปิดตำราวิเคราะห์วันหนี 22 ตุลาคมเป็นฤกษ์โจรหนีรอด

ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยอาจารย์ทองเอก อัคคี บ้านเอกสิริมงคล ศิษย์วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง ถือเป็นศิษย์รุ่นพี่เสี่ยแป้ง แต่ไม่เคยเจอหรือได้รู้จักเป็นการส่วนตัวเลย แต่อาจารย์ทองเอกเชื่อว่าเสี่ยแป้ง มีดี คือมีวิชา เพราะ เสียแป้งเคยมาบวชและอยู่ในวัตรปฏิบัติของวินัยสงฆ์ โดย ผู้ชายชาวใต้หรือคนที่เรียนวิชาอาคมไสยเวท จะมีวัตรปฏิบัติตามที่อาจารย์สอนอย่างเคร่งครัด

ส่วนเคล็ดวิชาที่เสี่ยแป้งใช้ระหว่างหนีเข้าป่า พอจะมีวิชาอะไรพรางตัวหรือไม่นั้น อาจารย์คนโบราณเข้าป่าเข้ามีวิชาอยู่แล้ว ทั้ง วิชาเปิดป่า วิชาปิดป่า วิชาบังไพร วิชากำบังกาย ซึ่งคนใช้ชีวิตในป่าเขา ต้องมีเคล็ดวิชาพวกนี้เพื่อบอกกล่าวเวลาอยู่ในป่า เพราะต้องบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง

คาถาแรกที่ต้องใช้เวลาเข้าป่า เรียกคาถาเปิดไพร หรือ เปิดป่า โดยวิธีการคือคนที่มีวิชาจะเด็ดใบไม้ มาวางตรงหน้า ก่อนจะเดินเข้าพื้นที่เขตป่า ก่อนจะหงายใบไม้ขึ้น แล้วท่องคาถาตามสำนักที่เรียนมา เรื่องคาถานี้เหมือนเป็นคาถาเปิดธรณี บอกกับเจ้าป่าเจ้าเขาเทวดาอารักษ์ให้เปิดทางให้เข้าไป

จากนั้นคนที่บริกรรมคาถา ต้องบอกกล่าววัตถุประสงค์ที่จะเข้าไปในป่า เช่น ล่าสัตว์ หาของป่า ท่องเที่ยว หรือเข้าไปหลบ แต่ถ้าท่องคาถาเปิดป่าไปแล้ว ไม่อยากออก ก็ท่องคาถา “ปิดป่า” เหมือนปิดประตูบ้าน ซึ่งคาถาปิดป่า ทำให้คนมองไม่เห็น นอกจากวิชาเปิดป่า-ปิดป่าแล้ว ยังมีวิชากำบังกาย ใช้การบริกรรมคาถาเป็นระยะๆ เหมือนกับบังสายตา ส่วนของที่จะแก้ ต้องให้คุยกับคนมีวิชามาเรียนผูกเรียนแก้กัน

ประเด็นน่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งที่คู่กับคนมีวิชา คือ ความรู้ฤกษ์ผานาที คือคนมีวิชาจะหนี ต้องดูว่าวันไหนเคลื่อนที่ได้ วันไหนต้องอยู่กับที่ ตรงนี้ต้องศึกษา เพราะมันสำคัญมาก อย่างวันคืนที่ 22 ตุลาคมช่วงเที่ยงคืน (เวลาหนีระหว่าง 21 ตุลาคมเข้าสู่วันใหม่ 22 ตุลาคม) จริงๆ อาจารย์เอกบอกช่วงเวลานี้ ไล่ตั้งแต่เข้าเที่ยงคืนวันที่ 22 ถึง 6 โมงเช้าวันเดียวกัน เขาเรียกว่า “โจโรฤกษ์” เป็นฤกษ์โจร ตามตำราโบราณเชื่อว่า ฤกษ์บู๊ หนีสำเร็จ ซึ่งตนไม่สามารถฟันธงได้ว่า อาจจะมีคนดูฤกษ์ให้ว่าต้องหนีวันนี้ แต่ไม่ใช่ว่าหนีแล้ว หนีได้ตลอดทุกวัน เขาต้องดูเป็นวินาทีก้าว ว่าช่วงนี้ต้องหลบ ซ่อน หรือ เคลื่อนที่หนีต่อ

อาจารย์ทองเอกวิเคราะห์ว่า การที่เสียแป้งหนีได้ขนาดนี้เชื่อว่าเสี่ยแป้ง มีแรงครู คุ้มครอง บางคนบอก คนทำผิดครูปกป้องเหรอ อาจารย์เอกบอกว่า คนเป็นอาจารย์ มีคนฝากตัวเป็นศิษย์ อาจารย์ก็ช่วยลูกศิษย์ แต่วันหนึ่งเมื่อวิบากกรรมมาถึง ก็ต้องยอมรับผลของมัน

ส่วนถ้าตำรวจอยากเจอจะใช้แต่จีพีเอส หรือดาวเทียมไม่ได้ ต้องใช้หลายศาสตร์ เพราะคนๆ นี้ไม่ใช้โจรธรรมดา ดูอย่างขุนพันธ์ ลูกศิษย์วัดเขาอ้อ ที่ปราบโจรปราบเสือมานักต่อนัก อาจารย์ทองเอกแนะนำว่า ตำรวจต้องไปหาจุดที่เสี่ยแป้งเดินเข้าเขาไป ก็ไปทำพิธีเปิดป่า เพื่อหาเสี่ยแป้งได้ เพราะตำรวจคือคนถืออาญาแผ่นดิน ก็มีอำนาจจับได้ แนะให้ตำรวจใช้วิธี “หนามยอกเอาหนามบ่ง” หมายถึงจะจับคนมีวิชาก็ต้องอาศัยคนมีวิชามาช่วยให้ความรู้แก้อาถรรพ์ ดูจุดที่เสี่ยแปเวเข้า เพราะเสี่ยแป้งไม่มีทางเดินเข้าป่าไปคนเดียว เขาต้องมีคนมีวิชาอาคม คนชำนาญทางพาหนี

อาจารย์ทองเอก เปิดตำราเผยฤกษ์ตำรวจปิดเกมเสี่ยแป้ง เร็วสุด คือ 23 พ.ย. นี้ ส่วนวันที่เป็นราชาฤกษ์ คือ 10-11 ธ.ค. ทำงาน 2 วันต่อเนื่อง แต่ก่อนจะจับต้องทำพิธีตั้งโต๊ะบวงสรวงไหว้เทวดาฟ้าดินให้เปิดทางจุดที่เสี่ยแป้งขึ้นเขา หรือจะไปไหว้ศาลหลักเมืองพัทลุง ศาลหลักเมืองนครราชศรีธรรมราช

ผ่าชะตาแป้ง ใช้ฤกษ์มหาโจรหนีตำรวจ กูรูเปิดฤกษ์สยบเทียบ "ขุนพันธ์" ทำศึก