สาวแฉผัวจดเทียนสมรส ถูกนอกใจไปมีเมียใหม่ แถมลักพาตัวลูกไป
วันนี้นางสาวหลิน อายุ 29 ปี ผู้เสียหาย เข้าร้องเรียนกับนักข่าวช่อง8 เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังถูกนายตู่ สามี อายุ 39 ปี ทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ เพราะจับได้ว่านอกใจไปมีกิ๊ก แถมลักพาตัวลูกสาว วัย 5 ขวบ หนีไป โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 19 พ.ย.66 จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมว่าสามีพาลูกหนีไปอยู่ที่ไหน
นางสาวหลิน เล่าว่า ตนเองแต่งงานอยู่กินกับนายตู่ สามีมา 7 ปีมีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตผู้หญิงชื่อ ด.ญ.ตาล (นามสมมติ) อายุ 5 ขวบ คนเล็กผู้ชาย อายุ 2 ขวบ โดยตนเองจะเลี้ยงลูก 2 คนอยู่ที่บ้านในจังหวัดอุดรธานี ส่วนสามีไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดหนองคาย วันจันทร์ถึงวันเสาร์ และจะกลับบ้านมาอาทิตย์ละครั้ง โดยตลอดระยะเวลาที่สามีไปทำงานที่ต่างจังหวัด ตนเองจับได้ว่าสามีมีผู้หญิงคนอื่นตั้งแต่แต่งงาน 2-3 ปีแรก โดยจับได้ประมาณ 2-3 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งสามีก็จะมาขอโทษและขอโอกาส ตนเองก็จะยอมใจอ่อนให้อภัยสามีทุกครั้ง
จนกระทั่งครั้งล่าสุดเมื่อ ประมาณ 3-4 วันที่แล้ว ตนเองจับได้ว่าสามีแอบคุยกับผู้หญิงคนอื่นผ่านทางแชตข้อความไลน์ ตนเองจึงได้บอกเลิกสามีและตกลงกันว่าจะไปจดทะเบียน ส่วนทรัพย์สินให้แบ่งกัน เพราะบ้านกู้ร่วมกัน แต่ช่วงแรกตนเองเป็นคนผ่อนชำระ เดือนละ 25,000 บาท โดยสามีเพิ่งจะมาผ่อนชำระเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว และตนเองขอสิทธิ์ดูแลลูกทั้ง 2 คนเดียว ซึ่งสามีไม่ยอมเลิก และอ้างว่าตนเองมีผู้ชายใหม่เหมือนกัน พร้อมกับจะให้ตนเองออกไปแต่ตัว จึงได้มีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรง ก่อนที่สามีจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย ด้วยการบีบคอ จนเกือบขาดอากาศหายใจ
จากนั้นก็จับหัวตนเองโขลกลงกับพื้น พร้อมกับขู่ว่าจะทำให้ตนเองเจ็บซ้ำและเสียใจมากที่สุด ก่อนที่สามีจะวิ่งลงและพยายามจะฉุดลูกสาวขึ้นรถ ตนจึงได้รีบวิ่งไปดึงแขนลูกสาวไว้ แต่ถูกสามีจับแขนและเหวี่ยงใส่ผนังบ้าน ก่อนที่สามีจะรีบอุ้มลูกสาว วัย 5 ขวบขึ้นรถยนต์และขับออกจากบ้านไป ขณะเดียวกันตนเองก็วิ่งตามรถยนต์สามีไป เห็นลูกสาวเปิดกระจกรถร้องไห้ ตะโกนร้องขอให้ตนเองช่วย “แม่ช่วยด้วย หนูไม่อยากไป” เพราะลูกสาวไม่อยากไป จากนั้นสามีก็ขับรถออกจากหมู่บ้านไปทันที
กล้องวงจรปิดจับภาพรถยนต์สามีผู้เสียหาย ขับรถออกจากบ้าน หลังลักพาตัวลูกสาว 5 ขวบไป
ขณะที่กล้องวงจรปิดของบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ติดกับบ้านผู้เสียหาย เผยให้เห็นว่าในช่วงเวลา 19.03.03 น. หลังจากที่นายตู่สามีผู้เสียหาย ฉุดลูกสาวขึ้นรถยนต์เสร็จ ได้ค่อยๆถอยรถออกจากบ้านอย่างช้าๆ ซึ่งจะเห็นแต่ไฟท้ายรถยนต์ของนายตู่สามีของนางสาวหลิน ถอยรถอแกจากบ้าน จากนั้นนางสาวหลินได้วิ่งตามรถยนต์สามีไป
สามี โต้กลับ จับได้เมียคบชู้ พร้อมเปิดแชทสนทนาระหว่างภรรยากับชายชู้
จากกรณีนางสาวหลิน อายุ 29 ปี ผู้เสียหาย (น.ส.ดรียา ชีวะพาณิชย์) เข้าร้องเรียนกับนักข่าวช่อง8 เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังถูกนายตู่ สามี (นายศิริภูมิ ชีวพาณิชย์) อายุ 39 ปี ทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ เพราะจับได้ว่านอกใจไปมีกิ๊ก แถมลักพาตัวลูกสาว วัย 5 ขวบหนีไปนั้น โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 19.00น.วันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ ทีมข่าวช่อง8 เดินทางมาที่บ้านปางควาย ต.ปงตำ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านของสามีนางสาวหลิน พบกับนายตู่ สามี ระบุบว่า เมื่อวันที่18 พ.ย. ที่ผ่านมา มีเพื่อนรุ่นน้องส่งข้อความผ่านแชตเฟซบุ๊คมาบอกตนว่า “เมียพี่มีกิ๊กมีชู้นะ” ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ได้ปักใจเชื่อ ตอนนั้นตนแยกห้องนอนกับภรรยา เพราะตนไม่สบายกลัวลูกสาววัย 5 ขวบ จะติดไข้หวัดไปด้วย
จากนั้นจึงเดินลงไปหาภรรยาที่ชั้นล่าง และถามว่ามีอะไรจะบอกหรือเปล่า พร้อมกับคว้าโทรศัพท์ของภรรยามาดู แต่ภรรยามีท่าทีที่นิ่งและไม่ยอมพูดอะไร ตนจึงเค้นถาม จนภรรยายอมรับว่าคบชู้จริง ต่อมาตนได้อัดคลิปวิดีโอเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐาน แต่ภรรยาพยายามขอมือถือคืน ซึ่งตนไม่ยอมคืนจากนั้นภรรยาได้ขับรถจากบ้านไป
ตนจึงเปิดอ่านแชตข้อความที่ภรรยาคุยกับชู้ สิ่งที่ทำให้ตนเจ็บปวดที่สุดคือ ทางภรรยาได้พาลูกสาวไปเจอชู้ และยังพาชู้เข้ามาที่บ้านที่ตนอาศัย ทำให้ตนคิดถึงคำพูดของลูกสาววัย 5 ขวบ ที่พูดกับตนเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ว่า “ปะป๊าแม่หลินอยู่กับ ผู้ชายอีกคนนะ” ซึ่งตอนนั้นที่ลูกสาวได้บอกกับตน แต่ตนไม่ได้ใส่ใจหรือคิดอะไร และเข้าใจว่าเป็นเพื่อนชายของภรรยาจึงไม่ได้คิดเรื่องชู้สาว หลังจากนั้นภรรยาได้กลับมาที่บ้านและขอโทรศัพท์มือถือคืน ซึ่งตนก็ให้ไป แต่ตนได้แอบบันทึกหลักฐานข้อความต่างๆไว้หมดแล้ว
ต่อมาเมื่อเห็นแชตและรูปที่ฝ่ายชาย(ชู้)ส่งมาหาภรรยาของตน ตอนนั้นตนรู้สึกโกรธและโมโหมาก จึงบอกกับทางภรรยาว่าจะไปไหนก็ไป แต่ภรรยาก็ไม่ได้ออกไป
ส่วนเรื่องที่ภรรยาอ้างว่า ตนทำร้ายร่างกาย ตนยืนยันว่าเป็นแค่การเขย่าตัวและกระชากเท่านั้น ไม่ได้ลงมือทุบตีแต่อย่างใดตามที่ภรรยากล่าวอ้าง ซึ่งยอมรับว่าตอนนั้นรู้สึกโกรธแต่ไม่คิดที่จะทำร้ายร่างกายของภรรยาแต่อย่างใด
ส่วนประเด็นที่ทางภรรยาอ้างว่า ก่อนหน้านี้เคยส่งค่าบ้านมาก่อน และต้องการแบ่งทรัพย์สิน ซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือจากครอบครัวของภรรยา ในการผ่อนบ้านในช่วง 1-2 ปีแรก และได้ช่วยเหลือมา เดือนละ 5,000 บาท หลังจากนั้นตนได้จ่ายเองมาโดยตลอด ทั้งนี้ตนยินดีนำเงินไปคืนให้ แต่ต้องคืนกับทางพ่อแม่ของภรรยา
ซึ่งประเด็นที่มีปัญหาอยู่ในตอนนี้ คือ ทางภรรยาต้องการลูก และฝั่งตนก็ต้องการลูก จึงทำให้เคลียร์กันไม่ลงตัวหลังจากเกิดปากเสียงกับทางภรรยา ด้านภรรยาให้เหตุผลว่าเขาไม่ผิด และทะเลาะกันเพื่อแย่งลูก ตนจึงตัดสินใจพาลูกสาวกลับมาบ้านเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ลูกมาอยู่กับแม่ของตน
หลังจากนี้คงต้องดำเนินการฟ้องหย่าตามกระบวนการทางกฎหมาย เพราะตนมีหลักฐานทุกอย่าง และอยากให้ทางภรรยาพูดความจริงอย่าพูดให้ร้ายคนอื่น