วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ยังเกาะติดภารกิจเจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่าและชุดลาดตระเวน “เสี่ยแป้ง” บนเทือกเขาบรรทัด จ.พัทลุง แต่วันนี้ทางเจ้าหน้าที่พักการค้นหา 1 วัน เนื่องจากวานนี้รวมกำลังพลชุดปฏิบัติการพิเศษ แดนไทย 54 , ชุดปฏิบัติการพิเศษซิงก้า (SINGA) หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 จ.สงขลา , ทีมหนุมาน, ชุดรวมกำลังพลชุดปฏิบัติการพิเศษ แดนไทย 54 , ชุดตชด.ค่ายนเรศวร ปฏิบัติการปิดเทือกเขาบรรทัดฝั่งพัทลุง ปูพรมหาจุดซ่อนตัวหรือเบาะแสศพ “เสี่ยแป้ง” อย่างละเอียดตั้งแต่วานนี้ แต่ไม่พบเบาะแสอะไร
วันนี้ทีมข่าวยังได้สำรวจบรรยากาศที่จุดฐานสกัดกั้นนักโทษหนีออกจากเทือกเขาบรรทัดสั่งจังหวัดพัทลุง ที่ฐานของชุดฉลามทอง ชป.สยบศึก จ.ปัตตานี ซึ่งวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพักการลาดตระเวน 1 วัน เพื่อรอเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษสี่ชุดที่ไล่ล่าหาเบาะแสและร่องรอยของแป้งบนเทือกเขาบรรทัดปูพรมสแกนพื้นที่อย่างละเอียดเพื่อให้เคลียร์ทั้งหมดในวันนี้ หลังจบวันนี้ทุกชุดปฏิบัติการภาคพื้นดินก็จะมีการลาดตระเวนบนเทือกเขาบรรทัดปกติซึ่งหากพบร่องรอยหรือเบาะแสเพิ่มก็ต้องรีบแจ้งหน่วยบัญชาการทันที
ทางด้านของหมวดโย หัวหน้าชุดฉลามทอง ชป.สยบศึก ปัตตานี บอกว่า ทางชุดฉลามทองของต้นมาปฎิบัติการลาดตระเวนเพื่อหาร่องรอยและเบาะแสของเสี่ยแป้งมาประมาณ 14 วันแล้ว ยอมรับตลอดระยะเวลา 14 วันที่ผ่านมาทางชุดของตนใจสู้แม้ว่าอาจมีบางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บและป่วยจากการปฎิบัติการครั้งนี้ เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์บนเทือกเขาบรรทัดหากมีฝนตกอาจจะลื่นขณะปฎิบัติหน้าที่ในการปีนหน้าผาสำรวจตามถ้ำต่างๆ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ในชุดบางนายหล่นลงมาได้รับบาดเจ็บ
จากช่วงระยะเวลาประมาณ 14 วันที่ผ่านมามีการตรวจค้นตามสถานที่ต่างๆ บนเทือกเขาบรรทัดที่ทางเจ้าบ้านแจ้งว่าพบทับหรือเพิงบนกลางเขา ก็มีการเข้าไปตรวจสอบประมาณ 3-4 สี่แห่ง แต่ปรากฏว่าหลักฐานที่พบไม่ใช่ของนักโทษที่กำลังตามล่าตัวอยู่แต่เป็นของชาวบ้านและพรานป่า โดยตอนนี้ ทางชุดของตนยังไม่ได้รับคำสั่งให้ถอนจากฐานปฏิบัติการก็ต้องลาดตระเวนในระยะที่รับผิดชอบไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีคำสั่งถอน
นอกจากนี้ทีมข่าวยังสังเกตเห็นว่าบริเวณที่พักของเจ้าหน้าที่ พักอยู่ที่ขนำของชาวบ้านและมีการนำผ้าใบมาทำเป็นกันสาด และได้ทำเปลนอนผูก ราวที่ตากผ้าเอง เพื่อรองรับการปฎิบัติหน้าที่อยู่ในฐานแห่งนี้เป็นเวลาหลายวัน ซึ่งฐานแห่งนี้อยู่ติดกับน้ำตกท่าช้างทำให้ทางเจ้าหน้าที่ต้องอาบน้ำที่ลำธารน้ำตกกลางเขา ถือเป็นการใช้ชีวิตกลางป่าตลอดระยะเวลาที่ไล่ล่าแป้งเทือกเขาบรรทัด
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ยังเกาะติดภารกิจเจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่าและชุดลาดตระเวน “เสี่ยแป้ง” บนเทือกเขาบรรทัด จ.พัทลุง แต่วันนี้ทางเจ้าหน้าที่พักการค้นหา 1 วัน เนื่องจากวานนี้รวมกำลังพลชุดปฏิบัติการพิเศษ แดนไทย 54 , ชุดปฏิบัติการพิเศษซิงก้า (SINGA) หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 จ.สงขลา , ทีมหนุมาน, ชุดรวมกำลังพลชุดปฏิบัติการพิเศษ แดนไทย 54 , ชุดตชด.ค่ายนเรศวร ปฏิบัติการปิดเทือกเขาบรรทัดฝั่งพัทลุง ปูพรมหาจุดซ่อนตัวหรือเบาะแสศพ “เสี่ยแป้ง” อย่างละเอียดตั้งแต่วานนี้ แต่ไม่พบเบาะแสอะไร
วันนี้จึงขอความร่วมมือชุดปฏิบัติการที่อยู่ภาคพื้นดินพักการลาดตระเวนบนเขา1วัน เพื่อไม่ให้ชนกับการทำงานของชุดที่ไปปฏิบัติการด้านบนที่กำลังเคลียพื้นที่อยู่ รวมทั้งเป็นการพักความเหนื่อยล้าของแต่ละชุดที่อยู่ภาคพื้นดินที่ลาดตระเวนบนเทือกเขาบรรทัดมาเป็นเวลาประมาณ 12 - 14 วันแล้ว
ต่อมาทีมข่าวพบกับนายเจริญสิงห์ ชนะสิทธิ์ อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านป่าพงค์ หมู่ 9 ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง ที่กำลังขึ้นไปบนเทือกเขาบรรทัดเพื่อสำรวจปริมาณน้ำป่าวันนี้ ทีมข่าวจึงขอติดตามขึ้นไปด้านบนเทือกเขาบรรทัด ซึ่งทางผู้ใหญ่ก็พาทีมข่าวขึ้นเทือกเขาบรรทัดพร้อมกับพาบุกป่าไปจนถึงจุดที่เสี่ยแป้งปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยเริ่มแรกเส้นทางที่จะขึ้นไปยังจุดที่เสี่ยแป้งปะทะกับเจ้าหน้าที่ ต้องผ่านน้ำตกท่าช้างสายล่างที่อยู่ติดกับจุดฐานสกัดกั้นนักโทษหนีเทือกเขาบรรทัดของชุดชุดฉลามทองชป.สยบศึก ปัตตานี หลังจากนั้นจะพบว่าเป็นเส้นทางที่เดินได้และเป็นทางที่คนในชุมชนทำบันไดทางขึ้นไว้เพื่อที่จะขึ้นไปยังตีนเขา เมื่อขึ้นมาเสร็จได้พาทีมข่าวไปบริเวณศาลาชุมชนที่มีพระประธานต้องอยู่เพื่อที่ทำการไหว้ขอพรก่อนจะขึ้นเทือกเขาบรรทัดถือเป็นความเชื่อของชุมชนซึ่งบริเวณดังกล่าวก็ยังมีผ้าแดงที่ปลูกต้นไม้โดยจะมีการไหว้จุดนี้อีกครั้งเพื่อขอพรจากรุกขเทวดาในป่าให้การเดินทางครั้งนี้ปลอดภัย
และเมื่อเดินออกมาห่างจากจุดฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ประมาณ 1 กิโลเมตร ภูมิศาสตร์ของเทือกเขาบรรทัดก็เปลี่ยนเป็นป่าโปร่งติดกับป่าดิบชื้นรก ซึ่งผู้ใหญ่ก็หันมาบอกกับทีมข่าวว่าหากจะขึ้นไปยังจุดปะทะก็ต้องเข้าป่าดิบชื้นที่รก ซึ่งระหว่างทางมักมีต้นไม้ที่หักโค่นล้มลงมาจากการที่ฝนตกหนักเหมือนเขา โดยจะต้องข้ามผ่านซึ่งถือเป็นอุปสรรคตลอดการลุยป่าครั้งนี้ ซึ่งจุดปะทะกับจุดนี้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-11 ชั่วโมง
ต่อมาเราเดินทางมาจนถึงต้นทางน้ำตกท่าช้างที่อยู่บนเทือกเขาบรรทัด โดยต้องข้ามน้ำตกด้วยเดินข้ามโขดหินกลางน้ำตก ซึ่งหากข้ามสำเร็จจะสามารถเดินต่อไปยังหินลักษณะคล้ายหัวปลาวาฬและถ้ำลับกลางป่า จุดดังกล่าวอยู่ห่างจากจุดปะทะ ถ้าวัดระยะทางที่ต้องเดินเท้าประมาณ 7-8 ชั่วโมง
แต่ปรากฎว่าน้ำในน้ำตกท่าช้างเปลี่ยนสีเป็นสีขุ่น ซึ่งน้ำวันนี้มีระดับเชี่ยวผิดปกติ ทางผู้ใหญ่จึงขอยุติการลุยสำรวจเส้นทางจากจุดน้ำตกท้าช้างด้านบนเขาไปยังจุดปะทะ เนื่องจากสีน้ำตกเปลี่ยนเป็นสีขุ่น เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากฉับพลัน หากน้ำมาจะหนีไม่ทัน ทางผู้ใหญ่สิงห์ ให้ข้อมูลว่า วิถีคนเดินป่าต้องดูสีน้ำ หากน้ำป่าสีใสข้ามได้ปลอดภัย น้ำป่าสีขุ่นต้องเฝ้าระวังและดูแรงน้ำประกอบ หากน้ำขุ่นไหลไม่เชี่ยวข้ามได้ปลอดภัย แต่ถ้าน้ำขุ่นไหลเชี่ยวอันตราย เพราะอาจมีน้ำป่ามาสมทบพอข้ามแล้วน้ำมาหนีไม่ทัน ซึ่งน้ำป่าที่ไหลมาฉับพลันจะเป็นน้ำขุ่นสีแดง อันตรายมาก หากได้ยินเสียงโครมบนป่า นั่นคือเสียงน้ำป่าที่ไหลฉับพลัน ถ้าได้ยินเสียงดังกล่าวต้องหนีขึ้นที่สูงทันทีเพื่อเอาชีวิตรอด