จากกรณีที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายชุดขึ้นปฏิบัติการปิดล้อม “บ้านตระ” อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ (8 พ.ย.) และได้ปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่บ้านตระ จุดที่สืบทราบว่า เสี่ยแป้งหนีมาซ่อนตัวในหมู่บ้านก่อนขึ้นเขาบรรทัด จนได้รับรายงานว่า เกิดการยิงปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มของ “เสี่ยแป้ง นาโหนด” ซึ่งวันนี้เข้าสู่วันที่ 15 แล้ว ที่ตำรวจยังคงปิดล้อมเขาอยู่ และยังจับตัวแป้งไม่ได้
ความคืบหน้าวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางขึ้นไปสำรวจเส้นทางขนไม้เถื่อนเพิ่มเติมต่อจากเมื่อวานนี้ เส้นทางดังกล่าว พรานหนวด (นามสมมติ) ที่พาทีมข่าวไปสำรวจนั้น ให้ข้อมูลว่า เส้นทางนี้อดีตเคยเป็นเส้นทางขนไม้เถื่อนลงจากเขาบรรทัด ปัจจุบันไม่มีใครใช้เส้นทางเท่าไหร่แล้ว เปรียบเสมือนเส้นทางลับที่พรานป่าน้อยคนจะรู้ และสามารถเดินเท้ามาจากหมู่บ้านตระออกมาลงถนนด้านล่างของหมู่บ้านได้ โดยไม่ต้องผ่านจุดตรวจสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณทางขึ้นลงน้ำตกโตนตก
ซึ่งเมื่อวานนี้ทีมข่าวได้เดินเท้าไปสำรวจถ้ำ 1 และ 2 ไปแล้ว ปรากฎว่า เมื่อเดินสำรวจเส้นทางต่อจากเมื่อวาน วันนี้พรานป่าได้พาทีมข่าวไปพบกับถ้ำที่ 3 ซึ่ง ภายในถ้ำจะมีลักษณะใหญ่กว่าถ้ำที่ 1 และถ้ำ 2 ค่อนข้างมาก โดยถ้ำที่ 3 อยู่ห่างจากถ้ำที่ 1 และ 2 ประมาณ 1 กิโลเมตร
จากการเดินเข้าไปสำรวจพบว่า ภายในถ้ำมีซอกหิน และทางแยกที่คนสามารถเข้าไปหลบซ่อนตัวในถ้ำได้หลายช่องทาง ซอกหินบางซอก สามารถมุดตัวเข้าไปนอนหลบซ่อนได้ หรือ ใช้เป็นเส้นทางมุดไปออกอีกทางออกหนึ่งของถ้ำได้เช่นกัน
และจากที่ทีมข่าวเข้าไปสำรวจ และเข้าไปทดลองนอนใช้ชีวิตอยู่ภายโพรงถ้ำบางจุดพบว่า สามารถนอนเหยียดขาได้อย่างสบาย และอากาศค่อนข้างถ่ายเท เนื่องจาก ซอกหิน มีช่องลมผ่านได้ค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ภายในถ้ำบางจุด ยังมีลำธารน้ำไหลอยู่บริเวณภายในถ้ำอีกด้วย เมื่อเข้าไปแล้วจะได้ยินเสียงน้ำไหล รวมไปถึง ตามหินจะมีน้ำหยดลงมาตลอดในบางจุดด้วย
พรานป่าบอกว่า ถ้ำเหล่านี้ หากพรานนกจะพาเสี่ยแป้งมาหลบซ่อนชั่วคราวก่อนจะหนีลงจากเขาบรรทัด ก็สามารถทำได้ และอยู่ได้อย่างสบาย เพราะตัวถ้ำมีความสลับซับซ้อน และลับตาคน หากแค่เดินผ่าน ไม่เข้าไปสำรวจด้านในก็ยากที่จะพบ ยิ่งเส้นทางดังกล่าวเจ้าหน้าที่ไม่ใช้เดินผ่านอยู่แล้วด้วย ยิ่งง่ายต่อการพักอาศัยชั่วคราวก่อนจะหลบหนีต่อ
จากนั้นทีมข่าวได้ทดลองมุดเข้าไปนอน และนั่งในซอกหินบางจุดของถ้ำพบว่า สามารถนอนซุกซ่อนตัวได้ แต่หากไม่มีผ้าปูนอนจะเจ็บหลังเล็กน้อย ส่วนกลิ่น ไม่มีความอับชื้นหรือเหม็นอับ ไม่มีขี้ค้างคาว เนื่องจาก ถ้ำไม่ได้ลึกมากเท่าไหร่นัก ทำให้อากาศค่อนข้างถ่ายเทดีคนสามารถเข้ามาซ่อนตัวอยู่ได้สบาย
นอกจากนี้พรานป่ายังบอกด้วยว่า หากพรานนกหรือเสี่ยแป้งเข้ามาหลบในถ้ำทุกคน จะได้เปรียบกว่าไปหลบตามต้นไม้ทึบ เนื่องจาก หากเจ้าหน้าที่บินโดรนตรวจจับความร้อน ใช้กล้องอินฟราเรด เจ้าหน้าที่ก็จะไม่สามารถจับความร้อนคนที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำได้ เนื่องจาก ความหนาของชั้นหินของถ้ำมีอยู่มาก ตรวจจับความร้อนไปไม่ถึง หรือแม้แต่ หากเจ้าหน้าที่เข้าไปในถ้ำ จะปักหมุดพิกัดถ้ำที่พบ หรือ จะสื่อสารขอกำลังเสริม ต่อให้ใช้สัญญาณจากดาวเทียมก็ทำไม่ได้เช่นกัน
ทำให้พรานเชื่อว่า พรานนก น่าจะพาเสี่ยแป้งไปหลบอยู่ถ้ำไหนสักถ้ำ ก่อนจะหาทางหนีลงจากเขาบรรทัด
ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปยังถ้ำที่ 4 ซึ่งอยู่ห่างจากถ้ำที่ 3 ประมาณ 200 เมตร พบว่า ถ้ำที่ 4 มีขนาดใหญ่กว่าถ้ำที่ 3 ที่ทีมข่าวเข้าไปสำรวจประมาณ 3 เท่า และมีโพรงถ้ำที่เข้าไปได้ลึกกว่าอีกมาก จากการสำรวจพบว่า ถ้ำที่ 4 จะได้ยินเสียงน้ำที่ไหลอยู่ภายในถ้ำค่อนข้างชัดกว่าถ้ำที่ 3 และโพรงถ้ำบางจุด ที่ทีมข่าวสามารถมุดเข้าไปอาศัยอยู่ นอนในถ้ำได้อย่างสบาย โดยพื้นที่ไม่ได้คับแคบเหมือนถ้ำที่ 3 บางจุดคนสามารถเข้าไปหลบซ่อนตัวในโพรงถ้ำได้เกือบ 10 คน
ทีมข่าวได้ทดสอบนอนภายในถ้ำที่ 4 พบว่า สามารถนอนเหยียดเท้าได้อย่างสบาย และยังมีพื้นที่อีกมากในการใช้วางข้าวของ อากาศถ่ายเทดีกว่าถ้ำที่ 3 และภายในถ้ำมีทางเข้าที่สลับซับซ้อนมากกว่า ไม่มีกลิ่นอับ หรือ ขี้ค้างคาว รวมไปถึงพวก งู สัตว์เลื้อยคลานต่างๆ