ตำรวจน้ำลาดตระเวน ล่า "เสี่ยแป้ง" สกัดเข้ามาเลเซีย ขณะที่ ชนกลุ่มน้อยมานิ จำใจทิ้งทับติดเทือกเขาบรรทัด
จากกรณีการหลบหนีของ นายชวลิต ทองด้วง หรือ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" ที่หนีออกจากรพ. โดยวันนี้ครบ 1 เดือนแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ยังคงติดตามไล่ล่าอย่างไม่ลดละ แม้จะมีข่าวลือว่ามีความพยายามหลบหนีออกจากช่องทางธรรมชาติ ตามแนวตะเข็บชายแดนจังหวัดสตูล ที่ติดกับประเทศมาเลเซีย
ซึ่งทางด้านกองกำกับการ 9 ตำรวจน้ำ จังหวัดสตูลได้จัดเตรียมกำลังเฝ้าตรวจตราตามแนวท่าเรือด้านตำมะลัง ปากบารา และทุกช่องทางธรรมชาติ โดนเน้นการข่าวตลอด24 ชม. มีความพร้อมทั้งกำลังพล และเรือลาดตระเวนทันทีที่พบว่ามีความพยายามหลบหนีเข้ามา
เมื่อวันที่ 23 พ.ย.66 พ.ต.ท.บรรเจิด มานะเวช รองผู้กำกับการ 9 ตำรวจน้ำ (ดูแลตรังสตูลและกระบี่) เปิดเผยว่า การติดตามไล่ล่านายชวลิต ทองด้วง หรือ "แป้งนาโหนด" ที่คาดว่าจะหลบหนีลงทางน้ำในส่วนของกำลังพล ได้กำชับกำลังพล และเรือตรวจการณ์ ให้เตรียมพร้อมสนับสนุน 24 ชั่วโมง ชุดสืบสวนประสานงานสืบจังหวัด สายตรวจท่าเรือตรวจสอบอย่างเข้มงวด ฝ่ายการข่าวสำรวจช่องทางธรรมชาติ ประสานมวลชนในพื้นที่ทันทีที่ทราบข่าวการเข้ามาหลบซ่อนตัวพร้อมเข้าจับกุมในทันที
ขณะที่ชุดกำลังตำรวจที่ติดเทือกเขาบรรทัดของจังหวัดสตูลได้ทำงานกันอย่างไม่ลดละ โดยตำรวจทุกโรงพักโดยเฉพาะโรงพักที่ติดกับเทือกเขาบรรทัดอย่างโรงพักทุ่งหว้า ด้านพันตำรวจเอกอุเทน แก้วจันทอน ผู้กำกับสภ.ทุ่งหว้าได้ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์และ แจกใบปลิวภาพคนร้ายที่กำลังหลบหนี ด้วยตนเองพร้อมกับผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ชาวบ้านช่วยกันเป็นหมู่เป็นตา หากพบเจอ คนดังกล่าวให้รีบติดต่อแจ้งยังดันความมั่นคงคีรีวง หมู่ที่ 7 ตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ในทันที
ด้าน นายบุญเชิด ชูชุม อายุ 64 ปี และชาวบ้านหลายคนบอกว่า ทับชาวมันนิที่ติดเขาบรรทัดบ้านวังนาใน ต.น้ำผุด อ.ละงู ชนกลุ่มน้อยที่เคยอาศัยติดตีนเขาบรรทัดอพยพออกจากถิ่นฐานเดิมที่อาศัย โดยทางการตั้งเป็นหมู่บ้านชาวมันนิ ทิ้งทับหรือบ้าน เข้าไปในตัวชุมชนชาวบ้านชั้นในมากขึ้น จะด้วยวิถีชีวิตที่ชอบการเคลื่อนย้ายทับหรือที่อยู่อาศัย แล้ว การไม่ได้เข้าป่าหาอาหารจนอาหารหมด บวกกับเจ้าหน้าที่ถือปืนลาดตระเวนในป่ากันไม่ขาดสายจนไม่รู้ใครเป็นใคร ทำให้มันนิจำใจต้องอพยพทิ้งทับเข้าไปอยู่ใกล้ๆชาวบ้าน เพื่อความอุ่นใจมากขึ้น