อาคารเรียนเก่า 60 ปี จ.นครศรีธรรมราช พังถล่ม ของบฯ ซ่อมไม่ผ่านเกณฑ์ ทำครู-นักเรียนเดือดร้อน
วันที่ 24 พ.ย. 2566 กรณีโลกโซเชียลมีการโพสต์ภาพซากปรักหักพังอาคารเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมกับตั้งคำถาม 3 ข้อ ประกอบด้วย โรงเรียนชื่ออะไร 2.โรงเรียนแห่งนี้มีอายุครบกี่ปี และ 3.หลักเกณฑ์ของทางราชการสำนักงานการประถมศึกษาแห่งชาติ กำหนดยอดนักเรียนแต่ละโรงเรียนอย่างน้อยกี่คน จึงได้รับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณพัฒนาปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียนที่ชำรุดทรุด หลังโพสต์ถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงเรียนดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.วังอ่าง อ.ชะอวด จ.นครรีธรรมราช สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต 3 (สปพ.นศ.3) เป็นโรงเรียนเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งที่มีอายุครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยมีชื่อว่า โรงเรียนบ้านหนองบัว ส่วนตัวอาคารที่พังถล่มมี 3 ห้องเรียน แต่ละห้องมีสภาพคานไม้โครงหลังคาชำรุดหักพังครื้นลงมาทั้งอาคาร ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา หลังมีฝนตกพายุลมแรง ประกอบกับโครงสร้างอาคารปลวกกินเกือบทั้งหมด ทำให้นักเรียนชั้นอนุบาล 1 – 2 รวม 13 คน ไม่มีห้องเรียน อย่างไรก็ตาม โชคดีที่วันเกิดเหตุเป็นวันเสาร์ จึงไม่มีครูหรือนักเรียนได้รับบาดเจ็บ
หลังเกิดเหตุ นางสุภาพร อุทยานรักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น เพื่อขออนุมัติงบซ่อมแซม แต่เสนอของบไป 2 ครั้ง ก็ไม่ผ่าน เนื่องจากจำนวนนักเรียนไม่ถึงเกณฑ์ สุดท้ายต้องปิดล็อกกุญแจห้อง พร้อมนำเชือกกั้น ห้ามนักเรียนเข้า ป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ช่วงนี้มีฝนตกลมแรง ทำให้โครงสร้างห้องเรียนทั้ง 3 ห้อง มีทีท่าว่าจะพังถล่มลงมาอีก
นางสุภาพร อุทยานรักษ์ ผู้อำนวยโรงเรียน เผยว่า โรงเรียนบ้านหนองบัว เปิดการเรียนการสอนเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2506 ในช่วงอาคารเรียนพังถล่ม อยู่ในช่วงที่โรงเรียนมีอายุครบ 60 ปีพอดี หลังเกิดเหตุทางโรงเรียนได้ถ่ายภาพรายงานเหตุการณ์ให้ สปพ.นศ.เขต 3 ทราบ เพื่อของบประมาณปรับปรุงซ่อมแซม จนทางผู้บริหารสำนักงานเขตฯ เข้ามาตรวจสอบ และมีการประเมินงบประมาณปรับปรุงซ่อมแซมประมาณ 4.9 แสนบาท แต่หลังจากนั้นได้รับรายงานจากสำนักงานเขตฯ ว่า การของบประมาณฯ ไม่ผ่าน เนื่องจากโรงเรียนบ้านหนองบัว มีนักเรียน 54 คน ไม่ถึงเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนดไว้ 60 คน
อย่างไรก็ตามตน เห็นว่าเรื่องปรับปรุงซ่อมแซมอาคารดังกล่าว มีความจำเป็นเป็นเรื่องเร่งด่วน จึงทำเรื่องเสนอของบประมาณไปทาง สปพ.นส.3 อีกครั้ง และล่าสุดผู้บริหาร สปพ.นศ. 3 แจ้งว่า เสนอเรื่องไปเบื้องบนเพื่อพิจารณาแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้รับการจัดสรรงบประมาณมาปรับปรุงซ่อมแซมหรือไม่
ผู้อำนวยโรงเรียน เผยอีกว่า หลังเกิดเหตุอาคารเรียนดังกล่าวไม่สามารถใช้การได้ ต้องย้ายนักเรียนอนุบาลจำนวน 13 คน ไปเรียนห้องสมุดเป็นการชั่วคราว นอกจากนี้อาคารอื่นๆ อีก 3 หลังของโรงเรียนก็ชำรุด ฝ้าเพดานพังถล่ม ส่วนที่เป็นไม้ถูกปลวกกัดกินจนจะพังมิพังแหล่แล้ว เพราะอาคารทุกหลังผ่านการใช้ง่ายมาหลายสิบปี วัสดุอุปกรณ์ของอาคารน่าจะหมดอายุ แม้แต่อุปกรณ์ในสนามเด็กเล่นก็เป็นสนิมพังชำทรุดเกือบทั้งหมดเช่นกัน ตนจึงคาดหวังว่าผู้หลักผู้ใหญ่จะเมตตาจัดสรรงบประมาณลงมาปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียนทั้งหมด โดยเฉพาะอาคารเรียนระดับอนุบาลที่พังถล่มเสียหายทั้งหลัง ส่วนบุคลากรของโรงเรียนในปัจจุบันมี 9 คน เป็นข้าราชการ และพนักงานราชการ จำนวน 5 คน นักการภารโรง ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำ 1 คน ส่วนอีก 3 คน เป็นครูจ้าง ซึ่งโรงเรียนหารายได้จ่ายค่าตอบแทนให้ครูเดือนละเกือบ 20,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากเรื่องโรงเรียนบ้านหนองบัว ถูกเปิดเผยได้รับความสนใจจากนักธุรกิจภาคเอกชนหลายรายที่จะช่วยสนับสนุนการปรับปรุงอาคารเรียนที่พังถล่ม และพัฒนาโรงเรียน รวมทั้งสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่จะเป็นสื่อกลางในการระดมทุนจากผู้ใจบุญ เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียน และพัฒนาโรงเรียนบ้านหนองบัว
เบื้องต้นผู้ที่จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโรงเรียน สามารถสนับสนุนงบประมาณได้ผ่านบัญชี ธนาคารออมสิน สาขาชะอวด ชื่อบัญชี โรงเรียนบ้านหนองบัว เลขบัญชี 0532900745982