"เอียด เส้งเอียด" อดีตโจรชื่อดัง เผย “เสี่ยแป้ง” ไม่อยู่บนเขาแล้ว
วันนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ "เอียด เส้งเอียด" อดีตโจรชื่อดัง ในเรื่องประเด็นเรื่อง “เสี่ยแป้ง” ลงจากเขาแล้วนั้น ก็เป็นไปตามความรู้สึก ถ้าอยู่ก็เจอ หรือตายก็ต้องเห็น ไม่ว่าจะลงวันไหนก็ตาม แต่ตอนนี้ก็คือ ลงมาแล้ว ถ้าเป็นจริงตามรายงาน ว่ามีการประทะกันและ เสี่ยแป้ง มีแค่กางเกง 1 ตัว รองเท้าก็ไม่มี และอยู่ในป่าคนเดียวนั้น ก็คงไม่รอด เพราะชาวบ้านก็บอกแบบนั้น ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดำรงชีวิตอยู่ลำบากมาก เพราะเขาบรรทัดนั้น มีความอันตรายเยอะ ทั้งต้นไม้มีผิด ผลไม้มีผิด หาของกินยาก และอยู่อย่างลำบาก และในประเด็นเรื่องของ “พรานนก” ที่ให้การช่วยเหลือ เสี่ยแป้งนั้น ต้องบอกว่า เขาเป็นลูกสหายตน และตอนนี้หายตัวไป ไม่รู้อยู่ไหน หาตัวไม่เจอ อาจจะไปหรืออยู่ก็บอกไม่ได้ ในเรื่องแหล่งข่าว ที่มีการยืนยันว่าลงแล้ว และหนีไปต่างประเทศนั้น มันไม่มีความแน่ชัด เพราะถ้ายังอยู่บนเขา ก็จะโดนกดดันทุกทาง และอาจโดนวิสามัญ อาจจะเป็นไข้ได้ป่วย และถ้าจะบอกก็ต้องยึดตามที่ชาวบ้านออก
และถ้าหนีจะไปไหน ในความคิดตนนั้น เขาคิดไว้อยู่แล้วจะไปไหน เขามีเวลาคิดอยู่แล้ว วางแผนอย่างแนบเนียน ในเรื่องที่จะมาแก้แค้น ตนมองว่าไม่น่าจะใช่ เพราะนักโทษทุกคน เมื่อทีโอกาสอยากหนีอยู่แล้ว ไม่มีใครอยากอยู่ในคุก จากประสบการณ์ของตนเอง
และตอนที่เจอเขาในคุก ต้องบอกว่า เขาไม่เคยพูดให้ฟัง ในเรื่องของความไม่โปร่งใสของคดี แต่ก็มีได้ยินชาวบ้านพูด แต่สำหรับตน ถ้ามีการตัดสินไปแล้วก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะตนเองทำจริง
สุดท้ายคลิปที่เผยแพร่มา ยืนยัน 100% ว่าไม่ใช่ น้ำเสียงแค่คล้าย แต่ยังไงก็ไม่ใช่ ทั้งน้ำเสียงและหน้าตา แค่คนหน้าคล้าย มาสร้างสถานการณ์มากกว่า และมีค่าหัวขนาดนี้จะมาอัดคลิปอะไร โอกาสรอดมี ถ้าเขามีการมอบตัวและติดต่อกับตำรวจผู้ใหญ่ เพื่อความปลอดภัยของเขา หลากหลายข่าวเกิดขึ้นเยอะมาก สิ่งที่อยากบอกว่า ถ้าเสี่ยแป้ง อยู่บนเทือกเขาจริงๆ ทหารตำรวจเยอะขนาดนั้น ยังไงก็ต้องเจอ
ประธานติ่งเปิดใจห่วงแป้งถูกวิสามัญ
ประธานติ่ง เปิดเผยว่า คงไม่อยากไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรเพราะเป็นเรื่องที่เข้าใจว่าเสี่ยแป้ง ที่ผมก็ให้เป็นน้องชายคนหนึ่ง ไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีเนื่องจากกลุ่มที่ร่วมก่อเหตุด้วยกันได้ประกันตัวเหลือเพียงเสี่ยแป้งคนเดียวที่ไม่ได้ประกันจึงเชื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เจ้าตัวจึงออกมาพูดในมุมมองเขาเอง
ส่วนเรื่องของนายจรวดและอัยการบอยเรื่องนี้ก็เข้าใจว่าเรื่องเป็นที่มีการเข้าไปพูดคุยและช่วยเหลือกัน แต่ผมคงไม่ลงรายละเอียดอะไรมากเช่นกัน แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การโดนหลอกใช้หรือหักหลัง
บิ๊กต่อ เผย เสี่ยแป้ง นาโหนด มอบตัวแบบไร้เงื่อนไข เป้าหมายคือ "จับเป็น"
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการติดตามตัวนายชวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้ง นาโหนดที่อยู่ระหว่างหลบหนีว่า การติดตามตัว เสี่ยแป้ง มีปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับพื้นที่ สภาพอากาศ
ตำรวจไม่ใช่จำเลยของสังคม ตำรวจทำตามหน้าที่ที่ต้องตามจับคนร้ายให้ได้ เพราะเป็นอันตรายต่อประชาชนผู้บริสุทธิ หรือไม่ เป็นหน้าที่หลักของตำรวจ
“จะไปบอกว่าผมใช้งบประมาณเท่าไหร่ ชีวิตคนเทียบเป็นเงินไม่ได้ ผมกำลังทำหน้าที่ของผม เพื่อตามจับคนร้ายคดีอุกฉกรรจ์ เป็นหน้าที่ ส่วนวิธีการว่า ทำไปถึงไหนแล้ว หากบอกไป คนร้ายก็รู้หมด ยืนยันว่าทำเต็มที่ คนร้ายไม่มอบตัว ตำรวจก็ติดตามตัวคนร้ายให้ได้ ตำรวจยังมั่นใจว่า คนร้ายยังอยู่ในพื้นที่ หน้าที่ของตำรวจคือ การจับกุมตัวคนร้ายให้ได้“ ผบ.ตร. กล่าว
ยืนยันความปลอดภัยว่า จะไม่วิสามัญฆาตกรรม แต่ไม่ยืนยัน หากยังให้ตำรวจไล่ติดตามอยู่อย่างนี้แล้วยังมีการต่อสู้ ตำรวจจะต้องกระทำตามกฎหมาย หากญาติมั่นใจว่าจะพาเข้ามอบตัว ขอยืนยันในเรื่องความปลอดภัยให้นัดหมายสถานที่แล้วไปกับเจ้าหน้าที่ และญาติ ตำรวจพร้อมจะรับมอบตัวอยู่แล้ว
ผบ.ตร. กล่าวว่า ตำรวจจะต้องปลอดภัย เพราะไม่ใช่พื้นที่ของเรา หากเกิดการสูญเสียจะคุ้มกัน หรือไม่ ขอให้อย่าบีบการทำงานของตำรวจ เพราะทุกชีวิตมีค่าทุกคน เมื่อเกิดการสูญเสียตำรวจ ก็จะตกเป็นจำเลยของสังคม ตำรวจไม่ใช่จำเลย ตำรวจกระทำหน้าที่จับคนร้ายที่หนีการควบคุมมา อย่ากดดัน หน้าที่ของตำรวจคือ ติดตามจับกุมเท่านั้น ตำรวจทำงานตามหน้าที่ และพร้อมรับมอบตัว
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า หากมีอะไรที่ยืนยันด้วยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ทุกอย่างที่จะบ่งชี้ว่าคนร้ายยังอยู่ในพื้นที่ หรือไม่ หรือหนีออกจากพื้นที่ไปแล้ว ขอให้รอการพิสูจน์ทราบว่า คนร้ายยังอยู่ในพื้นที่ หรือไม่ ซึ่งจะต้องยืนยันทั้งนิติวิทยาศาสตร์ พยานวัตถุที่เขาทิ้งไว้ และประจักษ์พยาน หากยืนยันได้แล้วว่า ไม่อยู่ในพื้นที่ก็จะถอนกำลัง จากนั้นก็ต้องไปไล่ตรวจสอบกันใหม่หากไม่อยู่ในพื้นที่แล้วจะหลบหนีไปที่ใด เป้าหมายของตำรวจคือ จะต้องนำตัวคนร้ายกลับมาให้ได้
อัยการเลอศักดิ์แจงไม่ใช่อัยการบอกไม่รู้จักแป้ง
อัยการเลอศักดิ์ เผยว่า ตนเองได้จดหมายจากลูกน้องเสี่ยแป้ง ซึ่งเชื่อว่าส่งจดหมายผิดคน และตนเองไม่ใช่อัยการบอย
ขณะเดียวกันเนื้อหาที่เสี่ยแป้งเขียนข่มขู่แล้วให้ลูกน้องมาส่งนั้น ยืนยันไม่เกี่ยวข้องและในขณะนั้นไม่ได้อยู่ในพื้นที่ตามที่เสี่ยแป้งกล่าวอ้าง