คุมนายปอผัวเลือดเย็นทำแผนที่จุดฝัง

เมื่อ 26 พ.ย. 66 ตำรวจได้นำนายปอไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุด นำร่างของฝนไปซ่อนเร้นอำพรางศพ ภายในท่อน้ำในซอยขุนทะเลสาม ตำบลขุนทะเล อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายปอ รับสารภาพว่า ช่วงวันที่ 14 พฤศจิกายนเวลาประมาณตีสอง ประมาณ 02.00 น.ได้ขับรถนำร่างของฝน มาจอดไว้บนถนนที่มีท่อระบายน้ำหลังจากนั้นลงไปดูในท่อว่ามีพื้นที่ว่าง จึงมาอุ้มร่างของฝน ไปใส่ไว้ในท่อระบายน้ำ พร้อมกับเอาใบตอง ที่อยู่ใกล้กับบริเวณดังกล่าวมาปิดซ่อนเร้นเอาไว้หวังกำบังไม่ให้มีคนเห็นและไม่ให้ได้กลิ่น และกลับบ้านไป

จนวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 15 พฤศจิกายน หลังจากแจ้งความเสร็จแล้ว ได้ย้อนกลับมาดูที่ทิ้งศพอีกครั้ง และในวันที่ 16 พฤศจิกายน ช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. นายปอเกรงว่าจะมีผู้คนมาพบศพ จึงได้ไปจัดเตรียมซื้อปูน และทราย มาโบกศพ

 

เผยวงจรปิด นายปอ ออกอุบายส่งจดหมายหาครอบครัวฝนหวังกลบเกลื่อนคดี

ทีมข่าวของเราได้ภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งเป็นหมู่บ้านของเพื่อนสนิทฝนในอำเภออำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา

เป็นภาพในขณะที่คนส่งเอกสารนำจดหมายมาส่งไว้ที่ป้อมยามของหมู่บ้าน โดยบอกว่าจากฝน เพื่อฝากให้ครอบครัวของฝนที่อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา

ซึ่งเนื้อหาในจดหมายระบุว่า “เลือกแล้วที่จะทำแบบนี้ ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ และขอบคุณที่ช่วยมาตลอด ถ้าอะไรลงตัว ฝนจะรับแม่ไปอยู่ด้วย รักพ่อกับแม่นะ“

 

 เพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานเดินทางมารับร่างที่มูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี

จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมายังมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิกุศลศรัทธา ได้นำร่างของนางฝนมาจัดการที่มูลนิธิก่อน โดยมีเพื่อนร่วมงานและเพื่อนสนิทจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มารับไปดำเนินการต่อ ส่วนญาติๆทั้งพ่อแม่ของนางฝน รวมไปถึงลูกชายคนโตที่เดินทางมาจากกทม. ก็ไปรอรับร่างอยู่ที่หาดใหญ่แล้วเช่นกัน โดยบรรยากาศที่มูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานีนั้นก็เป็นอย่างโศกเศร้า

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสเนว อายุ 34 ปี เพื่อนสนิทในที่ทำงานของนางฝน โดยนางสเนว เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่าตอนนี้เพื่อนร่วมงานยังคงเสียใจและยังไม่มีใครรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในช่วงระยะเวลาที่นางฝนหายตัวไป ก็พยายามทำใจว่าคงจะเกิดเรื่องเลวร้ายแน่ๆ อีกทั้งเรื่องของเงิน 2 ล้านที่กำลังตั้งขอสงสัยกันว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ตนก็ไม่เคยได้ยินหรือนางฝนเคยพูดถึงมาก่อนเลย โดยนางฝนมักจะคุยหยอกล้อกับเพื่อนที่ทำงานในเรื่องสนุกเฮฮามากกว่า ส่วนเรื่องที่ตลอดหลายวันที่ผ่านมา นายปอยังปากแข็งไม่ยอมรับว่าเป็นคนสังหารนางฝน ตนก็ขอให้เป็นเรื่องทางคดีดีกว่า สุดท้ายตนอยากให้นางฝนไปสู่ภพภูมิที่ดี ให้ไปเจอสิ่งที่สวยงามไปอยูในที่มีแต่ความสนุกสนานแบบที่ใจต้องการ

จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี ได้นำร่างของนางฝน มาประกอบพิธีเชิญวิญญาณยังจุดเกิดเหตุ โดยมีเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกัน จากจ.สงขลา เป็นตัวแทนเชิญวิญญาณของนางฝนให้กลับบ้าน และเมื่อทำพิธีเสร็จเจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี ก็ได้นำร่างของนางฝน ไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดศรีสว่างวงศ์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

 

หัวหน้างานเดินทางมาร่วมรับร่าง เผยเพื่อนร่วมงานยังทำใจไม่ได้

ล่าสุดทีมข่าวช่อง8 ได้เดินทางมายังรพ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามการรับร่างของนางฝน ไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดศีสว่างวงษ์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิกุศลศรัทธา ได้เดินทางมารับร่างของนางฝน และมีเพื่อนของนางฝนและเพื่อนร่วมงานรวม 4 คน เดินทางมารับร่างด้วย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้าอย่างมาก

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนางพัชร พัชรี ชูเพชร ผู้อำนวยการกองคลัง ของอบต.เพิ่มพูนทรัพย์ ซึ่งเป็นหัวหน้างานของนางฝน ได้บอกกับทีมข่าวช่อง8 ว่าวันนี้ตนได้นำเสื้อผ้าตัวโปรดและรองเท้าตัวเก่งของนางฝนมาให้กู้ภัย และตอนนี้สภาพจิตใจของเพื่อนร่วมงานนางฝนย่ำแย่มาก ยังไม่มีใครรับได้กับจากไปของนางฝน ก่อนจะเดินจากไปและไม่ขอพูดอะไรอีก

 
พ่อน้องฝนเผยเคยเตือนลูกเรื่องหึงโหดมาแล้ว

ทีมข่าวช่อง 8 ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายพจน์ พ่อของน้องฝน เปิดใจว่า ตนรู้ว่าลูกตนเองหายไป ตอนที่เพื่อนของลูกมาบอก โดยในช่วงที่หายไปแรกๆ ตนคิดไว้แล้วว่านายปอน่าจะเป็นคนทำอะไรกับลูกสาวไปแล้ว และลูกสาวตนน่าจะไม่อยู่แล้วแน่ๆ เพราะตนรู้ดีว่านายปอเป็นคนหึงโหด ถ้าลูกสาวตนจะมองใครก็ตามหรือถ้ามีผู้ชายเดินผ่าน นายปอจะมองลูกสาวตนด้วยสายตาอำมหิตทุกครั้ง

ส่วนเรื่องที่ทำให้ตนสงสัยมากที่สุดคือเรื่องจดหมายที่มีคนส่งไปให้ว่าเป็นของลูกสาวตนเขียนในวันที่หายตัว ซึ่งตนเมื่อเห็นทั้งลายมือและข้อความที่เขียนไว้ ก็รู้เลยว่าไม่ใช่ของลูกสาวตนแน่ๆ ส่วนตอนที่แน่ใจแล้วว่านายปอคงจะเป็นคนลงมือสังหารลูกสาวตนจริงๆ ก็คือตอนที่ดูนายปอให้สัมภาษณ์กับช่อง 8 มันดูมีพิรุจหลายอย่างมากๆ และติดตามมาเรื่อยๆจนกระทั่งจับตัวได้จริงและก็เป็นนายปอจริงๆแบบที่ตนคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก

อีกทั้งตอนนี้ตนมีลูกสาวคนเดียว การจากไปแบบกระทันของลูกสาว ก็เหมือนขาดเสาหลักของครอบครัวไปแล้ว แต่ตนก็ต้องยืนหยัดต่อสู้ต่อไป ส่วนลูกชายคนโตของนายปอและนางฝน ตอนนี้ก็ประกาศตัดขาดกับพ่อไปแล้ว เพราะรับไม่ได้จริงๆกับเหตุการณ์ที่พ่อลงมือทำกับแม่แบบนี้ รวมถึงตอนนี้ตนก็จะไม่ให้อภัยนายปอเด็ดขาด เพราะถ้าหากพลั้งมือทำไปแล้วยอมรับผิดตั้งแต่แรกตนก็เข้าใจว่าเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่การมาปิดบังอำพรางลูกสาวตน และยังให้สัมภาษณ์กับสื่อแบบหน้าตาย ยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่าไม่ได้ทำ แต่สุดท้ายจนมุมต่อหลักฐานและก็รับสารภาพ แบบนี้ตนรับไม่ได้ สุดท้ายอยากบอกลูกว่าขอให้ไปสู่สุขคติ ไม่ต้องห่วงคนข้างหลังแล้ว

ไขปมฆ่าโบกปูนสาว อบต. ปลอมจดหมายส่งญาติสร้างภาพลาโลก เชื่อ 2 ล้านเป็นเหตุ